16
“ใครใจร้ายอะไร ไอนนท์” หลังจากที่ภาคิณเข้าห้องน้ำเสร็จก็ตรงมาที่ห้องของเธอพักฟื้นทันที ขายาวก้าวอย่างฉับไว ด้วยความเป็นห่วงเธอ แต่พอเดินเข้ามาก็ได้ยินเสียงธนนนท์พูดถึงใจร้าย ใจดำ อะไรสักอย่าง
“ไม่มีอะไรนี่ครับ น้ำเกลือหมดพอดีเลย เดี๋ยวผมไปตามหมอก่อนนะครับ” พูดเสร็จเขาก็รีบออกไป ปล่อยให้เจ้านายหนุ่มอยู่กับหญิงสาวสองคนตามลำพัง
“นี่เธอร้องไห้ทำไม หึ คงจะบีบน้ำตาให้ไอนนท์มันสงสารละสิ” ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้เตียงที่เธอกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ ก็เห็นคราบน้ำตาที่แห้งกรังติดอยู่ที่ใบหน้างาม แต่ปากมันก็พาลไปพูดจาไม่ดีใส่เธอ ว่าจะพูดดีๆ ด้วยแล้วเชียว
“ปะเปล่านะคะ ฝุ่นมันเข้าตา”
“หึ ฝุ่นเข้าตาจนน้ำตาไหลเป็นทางขนาดนี้เลยหรอ” เขายื่นมือไปเช็ดคราบน้ำตาให้เธอ แต่หญิงสาวกลับปัดมือของเขาออก
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ฉันทำเองได้ ละก็ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้”
“หึ ฉันแค่ไม่อยากให้ใครมาตายในบ้านก็เท่านั้น”
“แล้วคุณคิณไปทำอะไรแถวนั้นดึกๆ ดื่นๆ คะ”
“มันบ้านฉัน ฉันจะไปที่ไหนตอนไหนก็ได้” ใครจะไปกล้าบอกว่านอนไม่หลับเพราะเธอก็เลยเดินไปหากันล่ะ ทำไมเขาต้องเสพติดการมีเธออยู่ด้วยนะ ทั้งที่เมื่อก่อนก็นอนหลับคนเดียวได้
“ค่ะ”
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรจนคุณหมอเดินเข้ามาทำลายบรรยากาศอันเงียบ
...
“โดยรวมคนไข้ไม่เป็นไรแล้วค่ะ แล้วก็อย่าลืมมาตามที่หมอนัดนะคะ หมอขอตัวก่อนนะคะ” ไหนบอกว่าไม่เป็นไรทำไมหมอต้องนัดเธอมาอีก ตกลงเธอเป็นอะไรกันแน่ ไม่สิเขาไม่ควรที่จะสนใจเธอ เธอเป็นแค่ลูกหนี้ของเขาเท่านั้น สมองเขาชายหนุ่มตีรวนกันไปหมด อย่างไม่เข้าตัวเอง
“ไอนนท์ไปเตรียมรถ”
“ครับนาย”
~จร๊อก จร๊อก~ ผมพาเธอมาที่ลานจอดรถก็ได้ยินเสียงท้องเธอร้อง หึ คงจะหิวละสิ
“ขอโทษค่ะ”
“ไอนนท์ไปร้าน xxx”
“แต่ว่ามันดึกแล้วนะครับนาย”
“กูบอกให้ไปก็ไป”
“ครับๆ”
...
ร้านอาหารxxx
“รับอะไรดีคะ”
“จะกินอะไรก็สั่ง หิวไม่ใช่หรอ”
“ขอบคุณนะคะ แต่คุณคิณสั่งเลยค่ะ ฉันทานได้ทุกอย่าง” มินตราแปลกใจเล็กน้อยที่เขาพาเธอมาที่ร้านอาหาร แต่ก็ไม่ได้พูดคุยกับเขามากเท่าที่ควร ด้วยยังโกรธเคืองเขาอยู่ และเธอก็หิวมากด้วย
“หึ งั้นเอาต้มยำกุ้ง ข้าวผัดปู ละก็ปูผัดผงกะหรี่ครับ”
“ค่ะ เป็นน้ำอะไรดีคะ”
“ขอเป็นน้ำเปล่าแล้วกันครับ” ในเมื่อเธอไม่สั่งเขาก็สั่งเท่าที่คิดว่าเธอน่าจะทานได้ก่อนจะถามเธอออกไปเพื่อความแน่ใจ
“เธอทานได้ใช่ไหม”
“ค่ะ ฉันทานได้ค่ะ”
“นี่ครับต้มยำกุ้ง ปูผัดผงกะหรี่ ข้าวผัดปู” ชายหนุ่มและหญิงสาวทานอาหารด้วยกันปราศจากเสียงพูดคุย แต่หัวใจทั้งสองกลับเปี่ยมสุข เหมือนได้รับการเติมเต็มบางอย่างทั้งที่เป็นแค่การทานข้าวกันธรรมดาๆ เท่านั้น
“ค่อยๆ กินก็ได้ ฉันไม่แย่งเธอกินหรอก เดี๋ยวจะติดคอ” เขานั่งดูเธอกินอย่างเอร็ดอร่อย ปากเล็กเคี้ยวอาหารจนแก้มตอบ อย่างน่าขัน จนเขาอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ และก็ดูเหมือนเธอจะชอบต้มยำกุ้งมาก เขาเห็นเธอตักแต่ก้มยำกุ้ง โดยไม่สนใจปูผัดเลยแม้แต่น้อย ทำไมเธอถึงไม่กินปูผัด หรือจะไม่ชอบ
“แคร่กๆ อึก” เธอรีบดื่มน้ำตามเข้าไปจนเกือบจะสำลักอีกรอบ ทั้งที่เขาพูดยังไม่ทันขาดคำ
“ฉันบอกแล้วไงว่าค่อยๆ กิน”
“ขอโทษค่ะ” เธอยิ้มแก้เก้อบอกเขา ทำเอาชายหนุ่มนิ่งอึ้ง ใจเต้นแรงไปกับรอยยิ้มหวานๆ นั้นทันที ก่อนจะตักผัดปูให้เธอด้วยรอยยิ้มน้อยๆ เช่นกัน
“อะนี่ ปูผัดผงกะหรี่ ฉันเห็นเธอกินแต่ต้มยำกุ้งกับข้าวผัด”
“เอ่อ คือ” แต่เธอก็ไม่ได้สังเกตรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อที่ส่งมาให้ เพราะมัวแต่พะอืดพะอมกับกลิ่นอาหารตรงหน้า
“ลองทานดู ร้านนี้ขึ้นชื่อนะ ทำไมทำน่าอย่างนั้น เป็นอะไรรึเปล่า หรือจะไม่สบาย”
“ค่ะ อุ๊บ ... ... แหวะ” เมื่อไม่อาจทนต่อกลิ่นของอาหารตรงหน้าได้ หญิงสาวจึงรีบวิ่งออกไปจากโต๊ะอาหารอย่างเสียมารยาท เขาก็ไม่รอช้า วิ่งตามเธอไปด้วยความเป็นห่วง เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ ไหนมาเป็นแบบนี้ได้
“มินตรา เธอเป็นอะไร ไปหาหมอไหม” เขาเห็นเธอโก่งคออาเจียนกับชักโครก ก็เลยเข้าไปลูบหลังให้เธอ ถามไถ่เธอด้วยความเป็นห่วง
“อ๊วก มีนไม่เป็นไรแล้วค่ะ สงสัยจะเวียนหัวยังไม่หาย” เธอแทนชื่อตัวเองตอบเขาด้วยความลืมตัว เมื่อเขาทำดีด้วย
“หึ ไม่เป็นไรแล้ว ฉันก็จะพาเธอกลับไปพักผ่อน” หน้าเธอดูซีดลงจากที่มีเลือดฝาดเมื่อกี้มาก ดูก็รู้ว่าเธอโกหก แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เลือกที่จะพาเธอกลับไปนอนพักผ่อนที่บ้าน
“ค่ะ”
...
“อ่าว ทำไมทานเร็วจังครับนาย”
“อย่าถามมาก เอารถออกกูจะกลับบ้านแล้ว”
“ครับคุณมีนเชิญทางนี้ครับ”
“มีนขอบคุณนะคะ”
“เชิญครับนาย”
“กูทำเองได้ ไม่ได้เป็นง่อย”
ภายในรถเงียบสนิทไม่มีเสียงพูดคุยกัน เขาเห็นว่าหญิงสาวนั่งหลับสัปหงกอยู่เลยขยับท่านั่งให้เธอได้นอนหนุนตักดีๆ ผมดำขลับยาวสลวยมาปรกหน้าเธอเล็กน้อยทำให้เขาเผลอเอื้อมมือไปทัดหูให้เธอ แผงขนตางอนงาม คิ้วโก่งได้รูป ริมฝีปากเป็นกระจับอมชมพูที่เขาได้ลิ้มลองมันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนจนติดใจในรสชาติหอมหวานนั้น ใบหน้าไร้การแต่งแต้มใดๆ แต่ยามได้มองเขากับหลงใหลมันอย่างบอกไม่ถูก
“เธอมันแม่มดชัดๆ มินตรา”
“นายครับถึงแล้วครับ”
“ชูวห์” ชายหนุ่มทำมือเพื่อเป็นการบอกว่าไม่ให้ส่งเสียงดังมีคนตัวเล็กนอนหลับอยู่ เขาจัดท่าทางอย่างเบามือ เพื่อที่จะอุ้มคนตัวเล็กที่กำลังหลับ
ด้วยกลัวว่าจะทำเธอตื่น
“ไปเปิดประตู”
“ครับ”
นี่ก็เวลาตีหนึ่งกว่าๆ ทุกคนในบ้านหลับกันหมดแล้ว ภาคิณเลยจัดการอุ้มคนตัวเล็กในอ้อมกอดไปที่ห้องนอนของเขา แล้ววางเธอลงบนเตียงอย่างเบามือ จัดท่านอน ห่มผ้าให้เธอเรียบร้อย
“อื้อ” เสียงขัดใจของคนตัวเล็ก เมื่อมีคนมากวนใจเวลานอนของเธอ หึ
เขาเอามือไปปัดไรผมที่ปรกหน้าแล้วก้มลงจูบหน้าผากเธอเบาๆ แล้วก็สอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันกับเธอ
เขาพยายามให้เหตุผลกับตัวเองว่า ที่พาเธอมานอนที่นี่ ถ้าเกิดเธอมีอาการอะไรจะได้ช่วยเธอได้ทัน ใช่เพราะแบบนี้แหละ เขาไม่ได้พิศวาสอะไรในตัวเธอ เมื่อให้เหตุผลตัวเองเสร็จผมก็ดึงเธอมากอด
“อื้อ” เธอมีอาการขัดใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมให้ผมกอดแต่โดยดี
