บทที่ 3 เห็นคาตา
“ก็ดีเหมือนกัน งั้นแวะซุปเปอร์มาร์เก็ตหน่อยมั้ยแก โศจะซื้อของไปฝากคุณย่าคุณลุงคุณป้าของแพมหน่อย” โศรดามักจะซื้อของบำรุงไปฝากย่าพ่อแม่ของเพื่อนทุกครั้งที่ไปเมืองกาญ
“ไม่เป็นไรหรอกโศ แกไปบ้านแพมทีไรก็ซื้อไปฝากทั้งบ้านเอาไว้คราวหน้าละกัน”
“เอางั้นเหรอ”
“เออสิ โศๆหยุดก่อน” เลอมานบอกเพื่อนแล้วแอบอยู่ด้านหลังของของโสรดา
“มีอะ....” โศรดากำลังจะถามเพื่อนแล้วได้คำตอบก่อนเมื่อเห็นเรวัตกับไฮโซสาวกำลังเดินช้อปปิ้งกัน กระหนุงกระหนิง อย่างไม่สนใจใครและที่ทำให้สองสาวอ้าปากค้างคือทั้งสองจูบกันถึงแม้จะแป๊บเดียวแต่มันไม่น่าจะทำกันในที่สาธารณะ
“แพม.”
“จุ๊ๆ” เลอมานห้ามเพื่อนเสียงดังแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแอบถ่ายรูปไว้ได้เมื่อทั้งสองหันมาจูบปากกันอีกครั้งแม้ภาพจะไม่ชัดมากแต่ก็รู้ว่าเป็นเรวัต
“ไปกันเถอะเดี๋ยวคุยกันในรถ” เลอมานลากแขนเพื่อไปที่ลิฟต์อย่างรวดเร็วเมื่อเรวัตเดินไปอีกทาง
“แกโอเคมั้ยแพม” โศรดาถามเพื่อนเมื่อขึ้นรถแล้วท่าทางของเลอมานนิ่งเฉยไม่ได้มีท่าทีจะโกรธเคืองเรวัตเลยสักนิดทำให้เธอไม่เข้าใจเพื่อนรักจริงๆ
“โอเคสิ ทำไมแกคิดว่าแพมไม่โอเคล่ะโศ” ถามว่าเธอเจ็บปวดเสียใจมั้ย ก็ตอบได้เลยว่าไม่แต่มันเสียความรู้สึกมากกว่าหากเรวัตจะมีคนใหม่ก็บอกเธอตรงๆก็ได้ ปกติที่ผ่านมาเขาก็ทำอยู่แล้วแต่เธอไม่เห็นคาตาจะมีแค่ข่าวแซวๆกันและเขาก็ปฏิเสธทุกครั้งแต่ครั้งนี้เห็นคาตามันก็รู้สึกบ้างเธอไม่ใช่ผู้หญิงตายด้านนะถึงจะได้ไม่รู้สึกรู้สาเมื่อแฟนกำลังนอกใจแต่เธอมีสติมากกว่า
“แกนิ่งมากอ่ะ ถามจริงแกรักวัตหรือเปล่าแพม.”
“ตอนนี้แพมตอบได้เต็มปากเลยนะโศว่าไม่ แพมยังไม่เข้าใจนิยามของคำว่ารักเลย ตอนที่ตัดสินใจคบกับวัตก็เพราะเห็นว่าจริงใจและให้เกียรติแพมและคิดว่าคงรักเขาได้แต่เจอครอบครัวของวัตแล้วแพมก็คิดเยอะพอสมควรเพราะฐานะของเราห่างกันมากและแม่ของเขาก็ไม่ชอบแพมอย่างที่แกรู้นั่นแหละ พอห่างกันแพมว่ามันไม่ใช่แล้วอ่ะ แต่วัตก็ไม่ผิดอะไรจู่ๆจะให้แพมไปบอกเลิกมันก็เห็นแก่ตัวเกินไปเพราะเขาจริงใจกับแพม แต่ตอนนี้คงไม่ต้องกลัวแล้วล่ะ แพมจะรอให้วัตมาบอกเลิกหากเขาคบผู้หญิงคนนั้นจริงๆ”
“โห้ นังแพมแกนี่สุดยอดเลยนะ ทำให้โศกับทุกคนเป็นห่วงที่ไหนได้ แกสตรองเป็นบ้าเลย ต้องอย่างนี้สิสตรียุคสองพันสิบเก้าต้องแกร่งไม่มีแฟนไม่ตายหรอกแก ถ้าเจอแต่ไอ้ผู้ชายที่หวังแต่จะเจาะหม้อของเรานะ”
“ก็แหงล่ะ หม้อของฉันสะอาดเอี่ยมอ่องยังไม่ผ่านการใช้งานเลยนะยะ” เลอมานพูดแล้วสองสาวก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน
“คริๆๆ / คิกกๆ.”
บทเริ่มต้น
เช้าวันรุ่งขึ้นเลอมานกับโศรดาก็ออกเดินทางไปกาญจนบุรีกันตอนแปดโมงเช้าทั้งที่ตั้งใจจะไปตอนสิบโมงแต่พี่ชายโทรมา บอกว่าจะมีทัวร์ต่างชาติลงกลุ่มใหญ่สี่สิบคนจะมาถึงตอนเที่ยงและรับไม่ไหวเพราะเขามีไกด์มาแค่คนเดียวคนดูแลไม่ทั่วถึงจึงขอให้ทางรีสอร์ทช่วย และเป็นทัวร์จาก บุษบา แทรเวลฯ ของบูรณินและไกด์ก็รู้จักกันดีช่วยเหลือกันมาตลอดเลอมานจึงตัดสินใจกลับตอนเจ็ดโมงเช้า
“ทัวร์แกเข้าทุกวันเลยนะแพม รีสอร์ทของฉันก็พอมีแขกมาพักนะแต่สู้ของแกไม่ได้เลย” โศรดาชื่นชมเพื่อนและลูกพี่ลูกน้องที่รักใคร่กลมเกลียวกันและทำงานร่วมกันได้ดีส่วนครอบครัวของเธอน่ะเหรอมีแต่ใช้เงินกันเก่งๆทั้งนั้นจ้องจะเอาแต่สวนแบ่งพอขาดทุนไม่เห็นมีใครมาช่วยก็พ่อของเธอดันเป็นพี่คนโตนี่เลยปวดหัวจนบ่นจะขายทิ้งและไม่ได้อิจฉาเลอมานที่ได้งานกับบูรณินหากไม่ดีจริงก็อยู่ไม่ได้แต่นี่มีแขกเข้าพักเต็มทุกวัน
“แกก็โปรโมตสิโศ ให้ความร่วมมือกับทางจังหวัด เสนอขายโปรให้บริษัททัวร์โรงแรมไม่งั้นแกก็ลงแว็บไซต์ทั้งหลายแหล่เก็บรวบรวมภาพเหมือนจริงลงโปรโมตรับรองว่าไปได้สวย ลูกค้าบางคนก็จองผ่านแว็บไซต์ช่วงนี้ลูกค้าทางแอปจะเยอะขึ้น ปกติห้องพักที่รีสอร์ทจะแบ่งให้โรงแรมยี่สิบเปอร์เซ็นต์ จองผ่านแอปยี่สิบเปอร์เซ็นต์ สำรองไว้สิบเปอร์เซ็นต์ จองตรงกับรีสอร์ทวอคอินเข้ามาห้าสิบเปอร์เซ็นต์ แกลองทำแบบนี้ก่อนสิ เดี๋ยวค่อยคุยกับพี่ธานรายนั้นเขาโปรโมทเก่ง.” เลอมานบอกเพื่อน
ปกติโศรดาไม่เคยปรึกษาเรื่องงานหลังจากเพื่อเข้าไปช่วยงานของพ่อเต็มตัวทำให้รู้ว่าขืนยังทำระบบเดิมก็จะไปต่อไม่ได้ทำให้เธอคิดถึงเพื่อนและมาเห็นที่ ริมแคว รีสอร์ท แอนด์ จังเกิล ปาร์ค จึงอยากลองทำ
“พี่แกจะไม่กัดฉันเหรอนังแพม” โศรดาคิดถึงหนุ่มหล่อหน้าดุผิวเข้มรูปร่างบึกบึนพี่ชายของเพื่อนรักแล้วทำหน้าสยองคนอะไรดุเป็นบ้าแค่เธอเผลอไปแตะดอกกล้วยไม้นิดเดียวเองก็เอ็ดตะโรเธอดังลั่นสวนหลังจากวันนั้นโศรดามาหาเพื่อนทีไรก็พยายามหลีกเลี่ยงวิธานมาตลอด
“นี่นังโศ พี่ธานไม่ใช่แมวนะยะถึงจะกัดแก” เลอมานขำเพื่อนที่ยังจำฝังใจเรื่องพี่ชายเอ็ดตะโรใส่ที่ไปยุ่งกับดอกกล้วยไม้แสนรักแสนหวงของเขาที่กำลังออกดอกหลังจากรอมาถึงห้าปี
“คนอะไรพูดแต่ละทีเสียงดังยังกะฟ้าผ่า แกทนได้ยังไงอ่ะแพม”
“อันนั้นเขาเรียกว่าเอ็ด ใช่พูดที่ไหนกันล่ะแก ปกติพี่ธานก็ไม่ได้พูดเสียงดังนี่นาแกคิดไปเองน่ะสิ” สองสาวคุยกันไปจนถึงรีสอร์ทเวลาสิบโมงยังมีเวลาเตรียมตัวรอรับคณะทัวร์ฝรั่งที่จะมาพักสองคืนสามวัน
รถกระบะสี่ประตูแล่นเข้าไปจอดที่โรงรถข้างบ้านของเลอมานที่เป็นบ้านไม้กึ่งปูนชั้นบนมีสี่ห้องนอนตรงกลางเป็นห้องโถงโล่งๆทะลุมีระเบียงยื่นออกไปด้านหลังมองเห็นสวนกล้วยไม้มีโซฟารับแขกหนึ่งชุดและตั่งอีกสองตัวตั้งชิดผนังห้องนอนที่อยู่ฝั่งละสองห้องมีห้องน้ำอยู่ในตัวทุกห้องมีตู้เย็นและบาร์เครื่องดื่มเล็กสำหรับน้ำชากาแฟ ชั้นล่างก็มีห้องนอนสองห้องห้องรับแขกห้องกินข้าวห้องครัวอยู่ด้านหลังซึ่งไม่ค่อยได้ใช้งานเพราะอาหารจะมาจกครัวบ้างใหญ่และด้านนอกก็มีโต้ะเก้าอี้ไม่สองชุดตั้งอยู่หน้าบ้านและใกล้บันไดที่มีนำตกจำลองสูงหนึ่งเมตรมีร่มกางคลุมกันแดดกันฝน ห่างไปแปดสิบเมตรก็เป็นบ้านใหญ่ที่คุณย่ากับลุงนิคและครอบครัวฝั่งขวาของบ้านใหญ่ก็เป็นบ้านของลุงคมที่ติดสวนกล้วยไม้ ตอนเด็กๆเธออยู่บ้านใหญ่พอโตขึ้นก็อยากมาอยู่บ้านของตัวเองและมาอยู่จริงๆก็ตอนเรียนจบกลับมาทำงานที่บ้าน ฝั่งซ้ายบ้านของเธอก็อยู่ติดเขตของรีสอร์ทและห้องนอนของเธอก็ขยายออกไปอีกเท่าตัวและเป็นห้องกระจกหากเปิดผ้าม่านก็จะเห็นรีสอร์ทชัดเจนอีกฝั่งหลังบ้านก็เห็นสวนกล้วยไม้และเธอชอบมาก
“ไปไหว้คุณย่ากันก่อนนะโศ จะได้กินข้าวที่บ้านใหญ่เลยเดี๋ยวแขกมาเราจะไม่มีเวลากินเพราะแกต้องไปทดลองงานกับแพม” หลังจากเก็บกระเป๋าเสร็จเลอมานก็ชวนเพื่อไปไหว้ย่า
