แอบฟัง
ตอนที่ 2
แอบฟัง
หลังจากที่ชนิดาภาเดินลงไป ภาสกรก็ก้าวออกมาจากมุมลับตา เขาชะเง้อมองชนิดาภาหรี่ตาลงเล็กน้อยคล้ายกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
เมื่อครู่ชายหนุ่มได้ยินทุกคำพูดของหญิงสาว เขาไม่เคยรู้เลยว่าเธอมีปัญหารุมเร้ามากมายขนาดนี้ ที่ผ่านมาชนิดาภาเป็นคนที่ร่าเริงสดใส ดูมีความสุขตลอดเวลาไม่เคยเปิดเผยเรื่องราวทุกข์ใจให้ใครฟัง
ในฐานะเจ้านายภาสกรรู้สึกว่าเขาไม่สามารถนิ่งเฉยได้ ชายหนุ่มกลับมาที่ห้องทำงาน ก่อนที่เขานั้นจะใช้เวลาพักใหญ่เพื่อครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี
“คุณอร ช่วยตามชนิดาภาแผนกบัญชีมาพบผมหน่อยสิ”
อรวรรณ ตอบรับคำสั่ง เธอโทรลงไปยังแผนกบัญชีเพื่อตามชนิดาภาให้ขึ้นมาพบภาสกรที่ห้องทำงาน
“ระหว่างที่ผมกำลังคุยกับชนิดาภา อย่าเพิ่งให้ใครมารบกวน”
เจ้านายเมื่อเห็นเลขามีท่าทางสงสัย ชายหนุ่มก็รีบแก้ตัว
“ผมไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น แค่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับชนิดาภา เป็นเรื่องส่วนตัวผมไม่อยากให้ใครรู้”
เรื่องหนี้สิน สำหรับบางคนแล้วถือว่าเป็นเรื่องน่าอับอาย เขาเองก็พอจะเข้าใจว่าชนิดาภาคงไม่อยากให้ใครรับรู้ปัญหาของเธอ แม้ว่าอรวรรณจะไม่ใช่คนปากสว่าง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ไว้ใจให้อีกฝ่ายรู้เรื่องข้อตกลงที่เขาจะเสนอให้ชนิดาภา
“เดี๋ยวอรจะแจ้งแขกให้ค่ะ แต่คุณภาสกรเพิ่งนัดท่านรองมาคุยด้วยนะคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้าและขอให้เลขาช่วยโทรไปเลื่อนนัดหมายเป็นวันพรุ่งนี้แทน
“คุณช่วยจัดการด้วยก็แล้วกัน อย่าให้ใครมารบกวนผม”
ชายหนุ่มทิ้งท้ายก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อรอหญิงสาวขึ้นมาพบ
เวลาผ่านไปไม่เกินห้านาที ชนิดาภาก็เดินเข้ามาอย่างกล้าๆกลัวๆ ตอนที่เธอรู้ว่าถูกเรียกขึ้นมาบนนี้ หัวใจก็เต้นตุ้มๆต่อมๆ เพราะปกติแล้วภาสกรนั้นมักจะหาเรื่องตำหนิเธออยู่เสมอ
เนื่องจากก่อนหน้านี้ หัวหน้าแผนกคนเก่าไม่ค่อยชอบเธอสักเท่าไหร่จึงมักจะหาเรื่องใส่ร้าย และคอยตำหนิเธอให้ชายหนุ่มฟังอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ ภาสกรจึงมักจะต่อว่าเธอเรื่องงานอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่บางทีเขาเองก็ไม่ได้รู้ข้อเท็จจริงเลยแม้แต่น้อย
“ผมได้ยินว่าเมื่อเช้ามีเจ้าหนี้มาดักรอหน้าบริษัท แล้วผมก็รู้มาว่าคนพวกนั้นมาทวงหนี้คุณ”
หญิงสาวก้มหน้ารู้สึกอับอาย คงจะมีใครสักคนบังเอิญผ่านไปเห็นและได้ยินถึงคาบข่าวมาบอก ภาสกร
ชนิดาภาสูดลมหายใจลึก ลำพังต้องต่อสู้กับปัญหาตรงหน้าเธอก็เครียดจะแย่อยู่แล้ว ยังมีคนไม่หวังดีเที่ยวเอาเรื่องเธอมานินทาลับหลังอีก
“จริงๆผมไม่แน่ใจอะไรหรอกนะ แต่ผมไม่อยากให้ภาพลักษณ์บริษัทดูไม่ดี ถ้ามีคนรู้ว่าพนักงานบริษัทนี้เป็นหนี้เป็นสินท่วมหัว คนก็จะตำหนิบริษัทที่จ่ายเงินเดือนน้อย ไม่มีสวัสดิการที่ดี ทำให้พนักงานต้องไปกู้หนี้นอกระบบ”
ชายหนุ่มไม่ได้ตั้งใจจะต่อว่า เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี ภาสกรไม่ใช่คนอ่อนโยน เขาไม่เคยพูดจาหวานกับใคร แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็คิดจะช่วยเหลือ หญิงสาวจริงๆ
“ฉันขอโทษค่ะที่ทำให้ภาพลักษณ์บริษัทดูแย่”
หญิงสาวยกมือไหว้พร้อมกับเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงสลด ภาสกรเห็นแบบนั้นก็รู้สึกผิด เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้หญิงสาวรู้สึกแย่ เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดยังไง
“เพื่อไม่ให้บริษัทต้องเสื่อมเสีย ฉันจะขอลาออกค่ะ”
ชายหนุ่มอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าหญิงสาวจะตัดสินใจแบบนี้
“คุณเป็นหนี้ ถ้าคุณลาออกแล้วจะเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้”
“ฉันก็ไปสมัครงานที่ใหม่ไงคะ”
ปัญหานี้แก้ได้ง่ายๆ เธอเรียนจบสูง เรื่องหางานคงไม่ใช่เรื่องยาก อีกอย่างมีประสบการณ์จากบริษัทใหญ่แล้วคงจะได้รับพิจารณาเป็นพิเศษ
“ที่ผมเรียกคุณมาพบไม่ได้แปลว่าผมอยากให้คุณลาออก ผมแค่มีข้อเสนอให้คุณ อยู่ที่ว่าคุณจะรับไหม”
“ข้อเสนออะไรหรือคะ”
หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย ก่อนที่ ชายหนุ่มนั้นจะยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เธอ
“ผมจะให้คุณยืมเงิน เอาไปปิดหนี้นอกระบบที่คุณยืมมา”
ชนิดาภาขมวดคิ้วเธอรู้สึกไม่ไว้ใจเจ้านาย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะอ่านข้อเสนอในแผ่นกระดาษขนาดเอสี่ เมื่อเห็นว่าไม่มีความผิดปกติใดๆเธอจึงได้เอ่ยถาม ชายหนุ่มอีกครั้ง
“ทำไมจู่ๆถึงให้ฉันยืมเงินคะ”
“ก็คุณเป็นพนักงานในบริษัทผม มันก็เป็นสวัสดิการอย่างหนึ่ง คุณสงสัยอะไร”ชายหนุ่มย้อนถามพร้อมทั้งเลิกคิ้ว
“ฉันเป็นหนี้หลักแสนนะคะ คุณแน่ใจหรือคะว่ายินดีช่วยฉันจริงๆ”
หญิงสาวเอ่ยถามให้แน่ใจอีกครั้ง เธอไม่อยากปฏิเสธความช่วยเหลือ เพราะเงินก้อนนี้จะทำให้ครอบครัวของเธอหลุดพ้นจากคนเหล่านั้น แต่ ชนิดาภาก็ยังไม่ไว้ใจภาสกร กลัวว่าเขาจะช่วยเธอเพราะมีอะไรแอบแฝง
“ผมเป็นประธานบริษัท เงินเดือนผมมากกว่าหนี้สินของคุณหลายเท่า แล้วผมก็ทำงานมานานหลายปี คุณคิดว่าผมจะช่วยเหลือคุณไม่ได้จริงๆหรือ”
ชายหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวนั้นหวาดระแวง แม้ว่าเขาจะช่วยเธอเพราะหวังผลประโยชน์ แต่เขาก็ไม่ได้หวังผลในตอนนี้ เพียงแค่อยากให้ชนิดาภายอมรับความช่วยเหลือไปก่อน
“ก็แล้วแต่นะ ผมยินดีปิดหนี้ให้ ถ้าคุณไม่รับ คุณก็ต้องถูกพวกมันตามข่มขู่แบบนี้ตลอดไป”
หญิงสาวลังเล เห็นเช็คเงินสดที่แนบอยู่กับกระดาษแล้วเธอก็ได้แต่ถอนหายใจ เงินเป็นจำนวนมากขนาดนี้ต้องทำงานตั้งหลายเดือนกว่าจะเก็บได้ แต่เจ้าหนี้พวกนั้นคงไม่รอเธอเก็บเงินนานขนาดนั้น
“คิดให้ดีก็แล้วกัน พ่อคุณแม่คุณอาจจะเดือดร้อน ถ้าคุณไม่ยอมรับเงินก้อนนี้”
หญิงสาวยังไม่ได้ตัดสินใจ เธอขอเวลาคิดทบทวนก่อน ซึ่งเจ้านายหนุ่มก็ไม่ได้กดดัน เขายอมปล่อยชนิดาภาให้กลับไปทำงานพร้อมทั้งขอให้เธอคิดให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง
ชนิดาภาหนักใจ เธออยากรับความช่วยเหลือทันทีแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเคลือบแคลงสงสัยในตัว ชายหนุ่ม กลัวว่าเขาจะมีแผนร้าย
หลังจากที่หญิงสาวเดินออกไป ภาสกรก็เผยรอยยิ้มระบายเต็มใบหน้า เพราะรู้ดีว่ายังไงหญิงสาวก็ต้องกลับมาและตอบตกลงอย่างแน่นอน
โอกาสดีๆแบบนี้คงไม่มีใครที่จะหยิบยื่นให้เธอได้ นอกจากเขา ยังไงชนิดาภาก็คงไม่ปล่อยให้หลุดมือไป
