ปรึกษา
ตอนที่ 3
ปรึกษา
ชนิดาภากลับมาที่แผนก แทนที่จะทำงาน เธอเอาแต่นั่งเหม่อจนเพื่อนสนิทอย่างชุติมาต้องคอยสะกิดอยู่หลายครั้ง
“งานท่วมหัวแล้วยังนั่งใจลอยอยู่อีก”
หญิงสาวบ่นพร้อมกับชำเลืองมองไปทางหัวหน้า เห็นว่ากำลังมองมาทางนี้ก็รีบดึงสติชนิดาภา เพราะกลัวว่าเพื่อนจะถูกต่อว่า
“หัวหน้ามองอยู่รีบทำงานก่อนเถอะ ถ้าเธอมีเรื่องอะไรอัดอั้นใจค่อยมาปรึกษาฉันก็ได้ แต่ตอนนี้เราต้องรีบทำงานให้เสร็จ”
ชุติมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ปกติเธอเป็นคน ขี้เล่น แต่เมื่อไหร่ที่เข้าสู่โหมดการทำงาน เธอก็จะกลายเป็นคนละคน
“เลิกงานแล้วเธอรีบกลับบ้านหรือเปล่า”
ชุติมาส่ายหน้า ขณะที่สายตาจับจ้องเอกสารไปด้วย
“งั้นวันนี้เธอไปบ้านฉันได้ไหม ฉันมีเรื่องสำคัญอยากปรึกษา เรื่องใหญ่มาก”
ชุติมาพยักหน้าโดยไม่ละสายตาจากงาน เธอไม่อยากถูกหัวหน้าต่อว่า เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ชอบเธอกับชนิดาภาสักเท่าไหร่นัก
“คุยอะไรกัน งานเสร็จแล้วหรือไง”
หัวหน้าสาวเดินตรงมาหาทั้งสองก่อนจะเอ่ยถามเสียงขุ่น ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบชนิดาภาและชุติมา เพียงแต่สองสาวไม่ค่อยตั้งใจทำงาน ทำให้เธอนั้นต้องคอยกระตุ้นอยู่เสมอ
“กำลังทำอยู่ค่ะหัวหน้า”
ชนิดาภาเอ่ยตอบเสียงเรียบ รีบก้มหน้าก้มตาทำงาน เอกสารวางกองเต็มโต๊ะ ภายในวันนี้คงจะไม่เสร็จ แต่หัวหน้าสาวก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะยังมีเวลาอีกหลายวันกว่าจะถึงสิ้นเดือน
“เร่งมือหน่อยก็แล้วกัน ฉันไม่ได้อยากกดดันพวกเธอหรอกนะ แต่ก็ต้องเข้าใจฉันหน่อย ถ้างานแผนกเราช้า เวลาเข้าประชุมฉันก็โดนต่อว่าเหมือนกัน”
ชนิดาภากับชุติมามองหน้ากัน ก่อนจะหันมองหัวหน้าสาวที่มีสีหน้าไม่สู้ดี แผนกบัญชีเป็นแผนกที่ถูกเพ่งเล็งมากเป็นพิเศษ เนื่องจากมีพนักงานน้อยและงานผิดพลาดบ่อยครั้ง อีกอย่างเป็นแผนกที่ดูแลเกี่ยวกับการเงินของบริษัท ทำให้ถูกจับตามองมากกว่าแผนกอื่นๆ
“ถ้าพวกเธอตั้งใจทำงาน สิ้นปีนี้เราทุกคนก็จะได้โบนัส ฉันอยากให้พวกเธอได้ ฉันถึงต้องคอยเคี่ยวเข็ญ ฉันไม่ได้เกลียดอะไรพวกเธอหรอกนะ แค่อยากให้พวกเธอตั้งใจทำงานจะได้ไม่โดนว่า”
พูดจบหัวหน้าสาวก็เดินกลับเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง ทิ้งให้ชนิดาภากับชุติมานั่งมองหน้ากัน
“นี่ฉันเข้าใจผิดมาตลอดเลยเหรอ”
ชุติมาเอ่ยพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ที่ผ่านมาเธอคิดว่าหัวหน้าสาวนั้นไม่ชอบหน้าเธอกับชนิดาภาก็เลยคอยหาเรื่อง แต่จริงๆแล้วอีกฝ่ายแค่ต้องการกระตุ้นให้พวกเธอสองคนทำงานเร็วขึ้นและผิดพลาดน้อยลง
หลังเลิกงานชนิดาภาและชุติมานั่งแท็กซี่มาลงที่บ้านทาวน์เฮ้าส์ขนาดกระทัดรัด แม่ของชนิดาภาเดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าเงินใบเล็ก ตอนนี้เย็นมากแล้วได้เวลาออกไปตลาดเพื่อซื้อกับข้าว เห็นว่าลูกสาวกลับมาพอดีจึงได้ฝากฝังให้อยู่ช่วยดูแลสามีให้
“แม่ฝากพ่อด้วยนะ เดี๋ยวแม่จะรีบไปตลาดก่อน”
ชนิดาภาพยักหน้าเดินนำหน้าพาชุติมาเข้ามาในบ้าน ชายวัยกลางคนนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงผู้ป่วย มีถังออกซิเจนและสายระโยงระยางพันเกี่ยวไปมา
“พ่อเธอยังไม่หายดีเลยเหรอ”
ชุติมาเอ่ยถามพร้อมกับชำเลืองมองเพื่อนสนิท เธอเป็นห่วงสภาพจิตใจของชนิดาภา แม้ว่าจะเจอปัญหารุมเร้า แต่อีกฝ่ายก็ยังคงยิ้มและร่าเริงได้เสมอ
“ฉันก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าอาการพ่อเป็นยังไง ถึงจะยังไม่ฟื้นแต่อาการก็ไม่ได้ทรุดลง”
ด้วยเหตุผลนี้แม่ของเธอจึงตัดสินใจนำตัวพ่อมารักษาต่อที่บ้าน เพราะหากยังอยู่ที่โรงพยาบาลค่าใช้จ่ายก็จะมากขึ้น
ชนิดาภากุมมือผู้เป็นพ่อ เธออยากพา ผู้มีพระคุณไปรักษาที่โรงพยาบาลดีๆ แต่ก็เป็นเพียงแค่ความฝัน เพราะในโลกความจริงเธอไม่สามารถหาเงินจำนวนมากขนาดนั้นได้
หญิงสาวรู้สึกท้อใจทุกครั้งที่เธอกลับมาเห็นพ่อนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยและไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมา
“ฉันเป็นกำลังใจให้เธอนะ ฉันเข้าใจดี เพราะฉันก็เคยผ่านเรื่องนี้มาก่อน”
ชุติมารู้สึกสะท้อนใจ ความทรงจำในอดีตหลั่งไหลเข้ามา เธอเองก็เคยผ่านประสบการณ์ร้ายๆ แต่เพราะผ่านมานานแล้ว ทำให้ตอนนี้สภาพจิตใจของเธอดีขึ้นมาก
“ว่าแต่เรื่องที่เธอจะปรึกษาคือเรื่องอะไร”
ชุติมาเอ่ยถามด้วยความสงสัย ชนิดาภาเลือกที่จะพาเพื่อนขึ้นไปคุยบนห้องนอน เธอหยิบกระดาษสัญญาออกมาก่อนยื่นให้เพื่อน พร้อมทั้งอธิบายด้วยท่าทางกังวล
“วันนี้คุณภาสกรเรียกฉันไปพบ เขาบอกว่าจะช่วยใช้หนี้ให้ แต่ฉันต้องทำตามเงื่อนไขที่เขาเสนอมา”
ชุติมากวาดตาอ่านสัญญาอย่างละเอียด แต่เมื่อเธอไม่พบความผิดปกติใดๆ จึงบอกเพื่อนให้ยอมรับข้อเสนอของภาสกร เพราะเงินก้อนนี้จะทำให้ชีวิตครอบครัวของชนิดาภารอดพ้นจากอันตรายตรงหน้า
“โอกาสแบบนี้มันไม่ได้หาได้ง่ายๆนะ ในเมื่อคุณภาสกรเขาเสนอมา เธอก็รับๆไปเถอะ”
ชนิดาภานิ่งคิด เธอไม่ได้นึกอยากจะรักศักดิ์ศรีขึ้นมา เพียงแต่เธอกลัวว่าชายหนุ่มนั้นจะมีอะไรแอบแฝง เพราะเงินที่เขาเสนอว่าจะช่วยเหลือก็ไม่ใช่จำนวนน้อย ชนิดาภาจึงไม่ไว้วางใจ กลัวว่าอีกฝ่ายนั้นคิดจะหวังผลประโยชน์อะไรบางอย่างจากเธอ
“ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว มีเวลาไม่มากแล้วนะ ฉันว่ารีบรับข้อเสนอเถอะ ก่อนที่เจ้าหนี้มันจะตามมาพังบ้านเธอ”
ชนิดาภาสูดลมหายใจลึก เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอนัดกับเจ้าหนี้เอาไว้จะชำระเงินให้ภายในวันนี้ จึงได้ตัดสินใจโทรกลับไปหาภาสกรทันที
หญิงสาวพับความอายเก็บเอาไว้ ก่อนที่เธอจะตอบรับข้อเสนอที่ชายหนุ่มนั้นหยิบยื่นให้ ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรมากมาย เมื่อวางสายเขาก็โอนเงินให้หญิงสาวทันที
ชนิดาภาดีใจมาก ขณะเดียวกันเจ้าหนี้ก็เดินทางมาถึง หญิงสาวไม่รอช้ารีบนำเงินลงไปจ่ายหนี้ทั้งหมด ก่อนที่เธอจะกำชับผู้เป็นแม่ไม่ให้ไปกู้หนี้ ยืมสินอีก
คนเป็นแม่นึกสงสัยว่าลูกสาวไปเอาเงินมากมายมาจากไหนจึงได้เอ่ยถาม
ชนิดาภาเองก็ไม่ได้คิดจะปิดบังผู้เป็นแม่และได้บอกความจริงว่าภาสกรคือคนที่ช่วยเหลือเธอ
