10 ขอทำตัวติดกับเธอ
“ ง่วงมากเหรอ ” ดรัณเอ่ยถามเมื่อเห็นปริญดาหาวแล้วหาวอีก จนหน้าแดงตาแดงไปหมด หญิงสาวส่ายหน้า “ ช่วงนี้ติดนอนมากไปหน่อยเท่านั้นเองค่ะ ”
“แล้วจะนอนต่อหรือจะไปกับพี่” ดรัณเอ่ยถามน้ำเสียงราบเรียบ ขณะที่ค้อมตัวลงนิด ๆ ให้หญิงสาวผูกเนกไทให้
ปริญดาส่งสายตาไม่เข้าใจไปให้ในคำถาม ก็เขาจะไปทำงานไม่ใช่หรือ แล้วจะให้เธอไปไหนกัน
“ ไปบริษัทกับพี่ อยากเห็นไม่ใช่เหรอที่ฝึกงาน แล้วก็จะได้กินกลางวันด้วยกัน ” คำตอบนั้นทำเอาคนฟังยิ้มอ่อนหวาน จะไม่ให้ดีใจได้ยังไง อยู่แต่ในห้องทั้งวัน ทั้งเบื่อทั้งเหงา ดรัณยิ้มเอ็นดู เอื้อมมือกดศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมสีดำสนิทเบา ๆ
“ จะไปชุดนี้เหรอ ” เขาถามมองชุดนอนที่เธอสวม
“ รอด้วยนะคะ ” ว่าแล้วก็รีบวิ่งไปเปิดตู้เสื้อผ้าที่เนียนเรียบไปกับพื้นผนัง เปิดกว้างเข้าไปเป็นพื้นที่ขนาดห้องเล็กห้องหนึ่งได้เลยทีเดียว ปริญดากวาดเสื้อผ้าไปมา ในที่สุดก็ได้ชุดถูกใจ หญิงสาวก้าวยาว ๆ ไปทางห้องแต่งตัวที่อยู่ติดกันทางขวา
ดรัณส่ายหน้าน้อย ๆ ยิ้มขัน แปลกดี ....เวลาซื้อของให้ ไม่ว่าจะแพงแค่ไหนก็ไม่เห็นยินดียินร้ายสักเท่าไร แต่นี่แค่ชวนไปบริษัทด้วยกันกลับดีใจนักหนา
นายหัวดรัณออกมานั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ระหว่างรอปริญดาแต่งตัว ลูกน้องคนสนิททั้งสี่เดินเข้ามาโค้งให้เขาเงียบ ๆ ก่อนจะถอยไปยืนอย่างเรียบร้อยห่างจากโต๊ะเล็กน้อย
ดรัณโบกมือให้แม่บ้านสาวสองคนที่เขาเพิ่งจ้างให้มาช่วยป้าพร และอยู่เป็นเพื่อนปริญดาระหว่างที่เขาออกไปทำงาน
แม่บ้านกุลีกุจอเดินเข้าครัวไปจัดหาชุดสำรับมาเพิ่ม วางเรียงลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็วคล่องแคล่ว ดรัณโบกมืออีกครั้งให้ลูกน้องทั้งสี่คนนั่งลง
“ นั่งสิ ” เขาเอ่ยเสียงเรียบยังไม่ยอมเงยหน้าจากหน้าหนังสือพิมพ์ที่อ่านค้างอยู่
ทั้งสี่คนนั่งลงตามคำสั่งอย่างแปลกใจ ติดตามเขามาก็หลายปีไม่เคยนั่งร่วมโต๊ะอาหารกันเลยสักครั้ง ไม่ใช่เพราะนายหัวดรัณเป็นคนถือตัว แต่เพราะความนิ่งและเคร่งเครียดเวลาทำงานทำให้พวกเขาไม่กล้าและเกรงใจ
ทั้งสี่คนดื่มกาแฟอย่างเงียบเชียบ เมื่อยก็ขยับตัวเบา ๆ เพื่อไม่เป็นการรบกวนเจ้านาย ดรัณเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์
“เธอ...” เขาเรียกสาวใช้คนหนึ่งที่รีบเดินตัวลีบมารับคำสั่งใกล้ขึ้น
“ไปดูคุณแก้มซิ ” เขาก้มมองนาฬิกาเรือนหรูตรงข้อมือ คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน
สาวใช้ก้มหน้ารับคำสั่ง แต่ไม่ทันได้ขยับปริญดาก็เดินออกมาจากห้องเสียก่อน เธอสวมชุดแสคสั้นสีเขียวอ่อนเปิดไหล่เนียน ผมยาวสยายสีดำถูกมัดเป็นหางม้าอย่างเรียบร้อย แต่งหน้าบาง ๆ ดูสดใสสวยหวานกว่าทุกวัน ปริญดายิ้มหวานให้ดรัณและทุกคนในห้องอย่างอารมณ์ดี
ดรัณกำลังจะหันไปดุที่ปล่อยให้เขารอ แต่พอเห็นเธอแล้วก็เปลี่ยนใจไม่พูดอะไรอีก ชี้ให้นั่งลงเก้าอี้ตัวข้าง ๆ สาวใช้รีบบริการนายสาวทันทีอย่างรู้หน้าที่
“นมสักแก้วก็พอจ้ะ”
“กินสักหน่อย ฉันต้องประชุมก่อน กว่าจะได้กินกลางวันไม่รู้กี่โมง” ดรัณบอก สั่งสาวใช้ให้ตักข้าวต้มปลาใส่ถ้วย
“แต่....” ปริญดาทำท่าจะเถียง
“กินซะ...” เสียงเริ่มบ่งบอกอำนาจ ปริญดาจึงทำตามแต่โดยดี แต่ก็ไม่วายส่งค้อนให้เขานิด ๆ ที่คนไม่หิวก็บังคับให้กิน
ดรัณใช้สายตาคมจ้องแม่ตัวดีนิ่ง เห็นเธอยู่หน้าใส่เขานิดหนึ่งก็ยิ้มชอบใจ
“ พี่รัณไม่ทานเหรอคะ” ปริญดาถามเมื่อเห็นกาแฟกำลังจะถูกเติมเป็นครั้งที่สอง
“ดื่มกาแฟทีเดียวสองถ้วยแบบนี้ไม่ดีเลย พี่รัณนั่นแหละต้องกินเยอะ ๆ แก้มเห็นพี่ทำงานหนักทุกวัน ”
ดรัณไม่เถียง เขาทำงานหนักมากจริง ๆ อย่างที่เธอว่า การดูแลกิจการที่ใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องแลกกับการทำงานอย่างหนัก ตั้งใจและทุ่มเท
“พี่ไม่กินข้าวตอนเช้า ” ดรัณบอกหน้าเรียบกำลังจะยกกาแฟขึ้นดื่ม แต่มือเรียวของปริญดายื่นมายึดไว้
ลุกน้องเหลือบตามองอย่างเสียวสันหลัง มีคนกล้าทำอย่างนี้ด้วยเหรอเนี่ย!!
“แก้ม” ดรัณเอ่ยเสียงดุ แต่หญิงสาวก็ยังไม่ยอมปล่อย
“ถ้าพี่รัณไม่กิน แก้มก็ไม่กินค่ะ ” หญิงสาวตั้งใจแน่วแน่ไม่ยอมปล่อยเขาง่าย ๆ
ดรัณถอนใจ ยัยนี่มีสิทธิ์มาสั่งเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แต่ก็แปลกใจที่ตัวเองไม่ขัดขืน ยอมทำตามแต่โดยดี
“อร่อยเนอะ” หญิงสาวพยักพเยิดให้จานข้าวต้มตรงหน้า ตอนนี้ทุกคนต่างกินเหมือนกันหมด คนสนิททั้งสี่ของดรัณก็ด้วย เพราะเจ้านายพยักหน้าให้ยอม ๆ ไป ขี้เกียจฟังเสียงบ่น
เร็วเข้าเดี๋ยวพี่ต้องเข้าไปเซ็นเอกสารก่อน” ดรัณจุมพิตแก้มเนียนจนเป็นรอยแดงอย่างเอ็นดูแกมหมั่นไส้
หญิงสาวยกมือลูบแก้มตัวเองเบา ๆ เหลือบมองคนตัวโตนิดหนึ่ง ก่อนจะรีบกินตามคำสั่ง
รถยุโรปหรูสีดำสนิทสองคันแล่นตามกันมาจอดหน้าบริษัทโรซี่บลูไดมอน จำกัด บริษัทส่งออกอัญมณีรายใหญ่และนี่ก็คือหนึ่งในกิจการที่เขาต้องรับช่วงมาจากผู้เป็นบิดา กิจการนี้ไม่ได้อยู่ในที่มืด
ตึกสูงระฟ้าใจกลางกรุงทำให้ปริญดาต้องเงยหน้ามองอย่างตื่นตา ผู้คนเดินกันพลุกพล่านเข้าออกอาคารใหญ่โตตรงหน้า หลายร้อยชีวิตที่เดินขวักไขว่อย่างเร่งรีบทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า และ...เหนื่อยแทน
ภริสาลงมาเปิดประตูให้ปริญดาส่งยิ้มให้เธอนิด ๆ อย่างสนิทสนม ช่วงแรกที่ปริญดามาอยู่กับดรัณช่วงนั้นเขาติดโปรเจคใหญ่ เพราะบริษัทเริ่มปูทางการขยายพื้นที่ตลาดฝั่งยุโรป บุกตลาดอเมริกา จึงงานยุ่งเป็นพิเศษ ภริสาจึงต้องรับหน้าที่เป็นคนคอยดูแลหญิงสาวตามคำสั่งของพี่ชาย แต่ภริสาเป็นมากกว่านั้น เป็นคนปลอบโยนและให้กำลังใจที่ดี...สม่ำเสมอ
ดรัณรั้งเอวคอดของปริญดาเข้ามาใกล้เมื่อเธอเดินมาถึง เขาดันเธอเบา ๆ ให้มายืนเคียงกัน ก่อนจะเดินเข้าประตูกระจกใสที่เลื่อนเปิดออกอย่างอัตโนมัติ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองฝั่งประตูตะเบ๊ะทำความเคารพเขาอย่างเกรง ๆ พนักงานที่เดินสวนกันไปมาหยุดยืนนิ่ง ไหว้เขาอย่างนอบน้อม
ดรัณพยักหน้านิด ๆ เป็นการรักษามารยาท ก่อนจะรั้งเอวปริญดาขึ้นพาเดินตรงไปยังลิฟท์ผู้บริหารที่ตั้งอยู่ทางขวาสุด มีพนักงานกดลิฟท์ยืนคอยอยู่แล้ว โค้งตัวให้ดรัณอย่างคุ้นเคย
ทั้งหมดก้าวเข้าไปในลิฟท์ โดยมีลูกน้องคนสนิทยืนอยู่ด้านนอกสุด และด้านในสุดเป็นดรัณกับปริญดา
“เป็นไง” ดรัณเอ่ยถาม
“ใหญ่โตจังเลยค่ะ” ปริญดาตอบด้วยรอยยิ้ม เธอรู้ว่าเขาร่ำรวย แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ ...แล้วไหนจะบริษัทอีกหลายแห่งแล้วก็ที่ต่างประเทศอีกล่ะ
“วันนี้มีเพชรแบบพิเศษที่เพิ่งคัดมาใหม่ สนใจไหมฉันจะให้คนพามาให้เลือก” ดรัณหอมแก้มเธอเบา ๆ ปริญดาเบี่ยงตัวอย่างอาย ๆ ก็อยู่กันตั้งหลายคนแบบนี้
เงาสะท้อนในลิฟต์ทำให้ลูกน้องคนสนิทที่ไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูต้องกลั้นยิ้ม เมื่อเห็นปริญดาตวัดมือเรียวใส่เจ้านายตรงต้นแขน
“ปิดตาซะ” นายหัวออกคำสั่งให้ลูกน้อง หันมารั้งตัวหญิงสาวเข้ามาจูบ
“แก้ม.... ” ปริญดาร้องได้แค่นั้นก็โดนปิดปาก ลิ้นหนานุ่มชอนไชเข้ารับรสอย่างรวดเร็วไม่ให้ตั้งตัว หญิงสาวเผยอริมฝีปากน้อย ๆ มองค้อนหนึ่งทีเมื่อดรัณคลายวงแขนออกด้วยรอยยิ้มอย่างสมใจ ......แกล้งเธออีกแล้ว
“จะปิดตาอีกนานไหม” ดรัณเอ่ยถามคนสนิท ที่ทำตามคำสั่งเสียเคร่งครัด จนลิฟท์ขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของตึกระฟ้าแห่งนี้แล้วก็ยังไม่ยอมเปิดตา
ทุกคนพร้อมใจกันลืมตาขึ้น เม้มริมฝีปากกลั้นยิ้ม
ทั้งหมดตรงไปยังห้องทำงานเดียวที่ใหญ่โต โดยมีกชกรเลขาสาวนั่งประจำที่อยู่แล้วอย่างเรียบร้อยตรงหน้าห้อง
กชกรส่งยิ้มเป็นมิตรให้ปริญดา ปริญดาจึงยิ้มกว้างตอบกลับไปอย่างมีมิตรไมตรีไม่แพ้กัน
กชกรเข้ามาทำงานที่โรซี่บรูไดมอน ก่อนที่ดรัณเข้ามารับตำแหน่งแทนบิดาได้ไม่นาน ด้วยอายุที่ไล่เลี่ยกันทำให้คุยกันง่าย ดรัณสั่งอะไรกชกรก็ทำตามคำสั่งได้เป็นอย่างดี
