บทที่ 5
“คือ...พ่อ” อาคมอึกๆ อักๆ ที่จะตอบ แต่สุดท้ายก็ยอมพูดออกไปว่าตอนนี้เหลือหนี้กับใครและยอดหนี้เท่าไหร่ พริมาสะดุดกับเจ้าหนี้รายใหญ่ของพ่อที่ชื่อว่า...อินทัช
เพราะเธอไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มคิดอะไรอยู่ ทำไมเขายอมให้พ่อเธอติดหนี้มากมายขนาดนั้น แถมยังเปิดเครดิตที่บ่อนได้เรื่อยๆ อีก แล้วยังยอมให้แลกเครดิตเป็นเงินสด ซึ่งเงิดสดที่ได้มาก้อนล่าสุดคือค่าเทอมเทอมสุดท้ายของเธอนั่นเอง
“พ่อเป็นหนี้คุณอินทัชถึงสิบล้านเหรอคะ”
“ใช่...พ่อขอโทษนะพริม พ่อไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้จริงๆ นะลูก” อาคมเอ่ยขอโทษลูกสาวอีกครั้ง แต่ทว่าเวลานี้พริมาเหมือนจะไม่มีสติพอที่จะฟัง เธอเอาแต่ร้องไห้จนรู้สึกหูอื้อไปหมด ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วออกไปจากบ้านทันที
“จะไปไหนพริม พริม” เสียงตะโกนถามของอาคมดังขึ้นตามหลัง แต่ทว่าพริมากลับไม่ได้หันไปตอบ เธอยังไม่มีจุดหมายว่าจะไปที่ไหน ขอแค่ได้ออกไปจากบ้านเป็นพอ เพราะหลังจากนี้ไปไม่รู้จะมีใครโผล่มาทวงหนี้พ่อต่อหน้าเธออีกหรือเปล่า
พริมาตรงไปหาณดลที่คอนโดมิเนียม แต่กลับไม่ได้ขึ้นไปหาชายหนุ่มที่ห้อง ได้แต่นั่งรอตรงลอบบี้อยู่นานจนค่ำมืด ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาชายหนุ่ม ทว่าเขากลับไม่รับสายเธอเลย จึงเปลี่ยนไปเป็นกดโทรหาอารยาแต่ก็ติดต่อไม่ได้อีกคน
เสียงถอนหายใจหนักๆ กังมาจากพริมา พร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำตาของตัวเองไปด้วย เพราะสองคนที่เธออยากโทรไประบายกลับติดต่อไม่ได้ทั้งคู่ กระทั่งสายตามองไปเห็นข้อความไลน์ที่เธอยังไม่ได้เปิดอ่าน เมื่อเปิดเข้าไปจึงรู้ว่าเป็นข้อความของณดล
“เรากลับบ้านที่เชียงใหม่สองสามวันนะพริม คิดถึงเธอ” เมื่ออ่านข้อความจบพริมาก็ถึงกับถอนหายใจออกมาหนักๆ อีกครั้ง
จังหวะที่เธอกำลังจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าก็มองเห็นกุญแจคอนโดมิเนียมของณดลเข้า ซึ่งเมื่อหลายเดือนก่อนชายหนุ่มเคยให้เธอเก็บไว้และเธอก็ไม่เคยเอามันออกจากกระเป๋าเลย เพราะณดลเคยทำกุญแจหายจนต้องเอาของเธอไปใช้ เธอจึงพกกุญแจชุดนี้ติดตัวไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก ณดลเอาไปใช้ได้ทันท่วงที
พริมามองกุญแจในมืออย่างชั่งใจ เพราะไม่รู้จะไปที่ไหน สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังลิฟต์ กดเรียกลิฟต์ให้มารับ และเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกเธอจึงก้าวเข้าไปแล้วกดหมายเลขเจ็ด ซึ่งห้องพักของณดลอยู่บนชั้นนี้นั่นเอง
คืนนี้เธอคงขอนอนค้างที่ห้องของณดล เพราะยังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้จริงๆ ตั้งใจไว้ว่าเข้าไปในห้องแล้วจะส่งข้อความไปบอกเขา ถ้าณดลโกรธที่เธอมาโดยไม่บอกเธอก็จะขอโทษ หวังว่าชายหนุ่มจะเข้าใจ
ติ๊ง!
เสียงลิฟต์ดังขึ้นเมื่อถึงชั้นที่เจ็ด พริมาเดินออกไปจากลิฟต์ก่อนจะมองซ้ายมองขวาเพื่อมองหาหมายเลขห้องที่ตรงกับกุญแจในมือ ซึ่งมีป้ายหมายเลขห้องพักเล็กๆ คล้องไว้ แม้ก่อนหน้าเธอจะเคยมาที่นี่สองสามครั้งแล้ว แต่พริมาก็ยังไม่ชินเสียที เธอเดินตามทางไปกระทั่งถึงห้องหมายเลข 705 ก่อนจะไขกุญแจเข้าไป
แต่สิ่งที่เห็นกลับทำให้หัวใจเธอเต้นรัว เพราะในห้องพักของณดลมีรองเท้าผู้หญิงวางอยู่ พริมาสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ พยายามคิดในแง่ดีว่าอาจเป็นรองเท้าญาติพี่น้องของเขาสักคนที่บังเอิญลืมไว้ที่นี่ก็เป็นได้
“อุ๊ย! ดลเบาๆ สิ” เสียงของผู้หญิงดังเข้าหูของ พริมาเข้า เธอมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้หูฟาดไปอย่างแน่นอน พริมากลัวความจริงที่จะได้รู้จนอยากหันหลังกลับไปเสียตอนนี้ แต่ถ้าไม่ได้เห็นกับตาเธอก็จะเป็นคนโง่ไปอีกนานแค่ไหน
นั่นทำให้เธอสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ อีกครั้ง พร้อมกับปาดน้ำตาออกจากแก้มอย่างลวกๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องของณดลมากขึ้น ซึ่งเมื่อเดินผ่านส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่นก็จะเจอกับห้องนอนที่อยู่ทางซ้ายมือ แม้จะมีกระจกกั้นแต่มันก็ใสจนมองทะลุเข้าไปข้างในได้
สิ่งที่พริมาเห็นคือภาพเปลือยเปล่าของณดลกับอารยา ที่เวลานี้ทั้งคู่กำลังกอดและจูบกันอย่างดูดดื่มอยู่บนเตียง พริมาช็อคจนตัวแข็งทื่อ เพราะไม่คิดว่าคนรักและเพื่อนสนิทจะหักหลังเธอได้เช่นนี้ มันสร้างความเจ็บปวดให้เธออย่างที่สุด ราวกับถูกมีดปลายแหลมทิ่มแทงนับร้อยๆ เล่ม
“มีความสุขกันมากหรือเปล่า” เสียงสั่นเครือของ พริมาดังขึ้น พร้อมกับจ้องมองมายังทั้งสองคนบนเตียงด้วยความเสียใจ ผิดหวัง นั่นทำให้ณดลและอารยาสะดุ้งสุดแรง พอหันมาเห็นพริมาถึงกับหน้าซีดแล้วแยกออกจากกันทันที
“พริม!” ทั้งณดลและอารยาต่างอุทานชื่อพริมาออกมาพร้อมๆ กัน อารยารีบควานหาเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่รอบๆ เตียงมาสวมมือไม้สั่น ในขณะที่ณดลยังคงใส่เพียงกางเกงบ็อกเซอร์
“เราไม่คิดเลย ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าทั้งแฟนทั้งเพื่อนจะรวมหัวกันทรยศเราได้ถึงขนาดนี้”
“พริมฟังเราก่อน” ณดลเดินเข้าไปใกล้พริมา แต่เธอกลับยิ่งถอยห่าง
“ฟังอะไร คำแก้ตัวหรือคำสารภาพ”
“ไม่ใช่ทั้งคำแก้ตัวทั้งคำสารภาพ แต่คือความจริงต่างหาก” เสียงของอารยาแทรกขึ้น นั่นเพราะเธอเองก็อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เสียที จะได้ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีกต่อไป
“หมวย เงียบๆ ก่อนได้ไหม” ณดลหันมาปรามอารยา เพราะไม่อยากให้เหตุการณ์มันบานปลายไปมากกว่านี้ อีกอย่างพริมาหัวอ่อนจะตายไป พูดจาดีๆ คงเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่ยาก ดีไม่ดีอาจรับได้ด้วยซ้ำ และถ้าเป็นอย่างหลังเขาก็ได้ผลประโยชน์เต็มๆ สองหญิงหนึ่งชาย สุขกว่าเขามีเสียที่ไหน
“จะให้หมวยเงียบทำไม ในเมื่อพริมก็เห็นเองกับตาแล้วแบบนี้”
“หมวย” น้ำเสียงของณดลห้วนขึ้น พร้อมกับส่งสายตาที่แข็งกร้าวมายังอารยา เพื่อบอกให้เธอเงียบปากก่อน แต่อารยากลับไม่ทำตาม
