หนี้บรรณาการ

40.0K · จบแล้ว
วรนิษฐา
26
บท
608
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เพราะหมายปองมาตั้งแต่เธอเป็นสาววัยแรกรุ่น แต่จะฉุดกระฉากลากถูมาเป็นเมียก็ดูจะรุนแรง นั่นทำให้อินทัชค่อยๆ วางแผนเพื่อไม่ให้เธอหลุดมือ ด้วยการค่อยๆ ป้อนเหยื่อให้เป้าหมายนั้นติดกับจนดิ้นไม่หลุด +++++++++++++++++++++ “คือ...ฉันมีอะไรจะสารภาพ” เมื่อมาถึงบ้าน จู่ๆ อินทัชก็เอ่ยขึ้น นั่นเพราะพอได้ฟังอาคมพูดก็หวนนึกถึงเรื่องของตัวเองที่ก่อไว้ แต่คำพูดของเขาก็สร้างความงุนงงให้พริมา ว่าอินทัชนั้นต้องการจะสารภาพเรื่องอะไร เธอเฉไฉแกล้งพูดเพราะกลัวจะเป็นเรื่องร้าย “สารภาพรักหรือคะ” “เปล่า...สารภาพบาป” “คุณไปทำผู้หญิงที่ไหนท้อง” น้ำเสียงห้วนๆ ของ พริมาเอ่ยถามขึ้น แต่กลับทำให้อินทัชหัวเราะ แค่ลินินคนเดียวในตอนนั้นเขาก็ปวดหัวจะแย่แล้ว ทำไมต้องสร้างเรื่องอีก

นิยายรักโรแมนติกแต่งงานสายฟ้าแลบนอกใจมาเฟียเลือดร้อน

บทที่ 1

‘หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม’

นั่นคือความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับพริมาในตอนนี้ หัวใจเธอมันหวิวๆ มือไม้เย็นเฉียบ สีหน้าบ่งบอกถึงความเครียดจนคิ้วสวยผูกโบ สาเหตุที่เป็นแบบนั้นเพราะเธอกำลังล้วงกระเป๋าเพื่อนำเงินที่ไปถอนมาจากธนาคารเมื่อวาน มาจ่ายเป็นค่าเทอม ซึ่งนี่เป็นการเรียนเทอมสุดท้ายของเธอแล้วนั่นเอง

แต่ทว่า! เวลานี้เธอกลับหาเงินนั่นไม่พบ พริมาที่ยืนอยู่หน้าห้องการเงินของมหาวิทยาลัยถึงกับเททุกอย่างออกจากกระเป๋า เธอมั่นใจว่าไม่ได้ทำมันหายแน่นอน เพราะตอนออกจากบ้านก็เห็นว่าซองใส่เงินยังคงอยู่ในกระเป๋าสะพายเป็นอย่างดี

“เงินค่าเทอมหายไปไหน” พริมาเอ่ยถามกับตัวเองด้วยเสียงที่สั่นเครือ ซองใส่เงินยังอยู่ดีแต่เงินกลับหายเกลี้ยงอย่างไม่ทราบสาเหตุ ก่อนที่ภาพเมื่อเช้าจะย้อนเข้ามาในหัว

“หรือว่า...จะเป็นพ่อ” นั่นเพราะเมื่อเช้าพริมาเห็นพ่อเข้ามาในห้องนอนของเธอ ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยถามอะไร พ่อก็ชิงตอบเสียก่อนว่าเข้ามาดูว่าวันนี้เธอจะไปเรียนหรือเปล่า จากนั้นก็กลับออกไปทันที

พริมาไม่ได้เอะใจสักนิดว่าเงินจะหายไปจากกระเป๋า ทั้งๆ ที่ตอนคว้าขึ้นมาสะพายซิปมันเปิดค้างไว้ พอคิดถึงเรื่องนี้พริมาก็น้ำตาคลอ ก่อนจะกวาดทุกอย่างที่เธอได้เทออกจากกระเป๋าสะพายใส่กลับกระเป๋าอีกครั้ง และเมื่อเสร็จน้ำตาของเธอก็หมดแหมะลงบนโต๊ะทันที

มือเล็กๆ ถูกยกขึ้นมาปาดน้ำตา พริมาสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ แล้วกลับออกไปจากมหาวิทยาลัย เธอตรงกลับบ้านและนั่งรอผู้เป็นพ่ออย่างใจเย็น เพราะเธออยากได้เงินจำนวนนั้นคืนมา นั่นคือเงินค่าเทอมของเธอที่แลกมาด้วยชีวิตของแม่

“แม่ทำประกันชีวิตไว้ หลังจากแม่ตายแล้ว พริมเอาเงินตรงนั้นส่งตัวเองเรียนนะลูก”

ประโยคสั่งเสียของแม่ดังก้องอยู่ในหัวของพริมา ยิ่งคิดย้อนไปเธอก็ยิ่งเสียใจ เพราะลมหายใจสุดท้ายของแม่ก็ยังคงเป็นห่วงเธอเสมอ พริมาตั้งใจเรียน ไม่นอกลู่นอกทางเพื่อให้แม่ที่จากไปแล้วได้ภาคภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้ แม้บางครั้งเธอจะถูกบั่นทอนจากผู้เป็นพ่อก็ตาม

ชีวิตของพริมาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เธอต่อสู้มาตลอด นอกจากเวลาเรียนเธอก็ขายของออนไลน์ โดยเริ่มจากเสื้อผ้า เครื่องสำอาง แม้จะไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็มีเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องเดือดร้อนไปถึงพ่อที่เวลานี้ตกงานอยู่ แถมยังเข้าออกบ่อนเป็นว่าเล่น

พริมานั่งรอพ่อมาตั้งแต่บ่ายกระทั่งค่ำ เธอไม่ได้ลุกไปเปิดไฟแต่กลับนั่งอยู่กับความสลัวราวกับต้องการรวบรวมความกล้าเพื่อจะคุยกับคนที่รอ กระทั่งเกือบเที่ยงคืนพ่อก็กลับเข้าบ้านมา

“อ้าว! พริม ดึกแล้วยังไม่นอนอีกเหรอลูก”

“พริมรอพ่ออยู่ค่ะ” น้ำเสียงและสีหน้าที่เห็น ไม่บอกอาคมก็พอจะเดาได้ว่าพริมารอเพื่อจะคุยกับตนด้วยเรื่องอะไร แต่ก็ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ แล้วเอ่ยถามออกไป

“รอทำไมลูก”

“พ่อเอาเงินในกระเป๋าพริมไปใช่ไหมคะ”

“ใช่”

“พ่อ!” พริมาผิดหวังจนน้ำตาคลอเบ้า เธอรู้ว่าพ่อเป็นคนเอาเงินนั่นไปแต่ก็ยังทำใจให้รับเรื่องนี้ไม่ได้ หากพ่อไม่ติดการพนันชีวิตเธอกับแม่อาจดีกว่านี้

“พ่อก็แค่จะขอยืมลูกก่อนเท่านั้น ไม่ได้จะเอาไปเลย” อาคมแก้ต่างให้ตัวเอง แต่ทว่ามันกลับฟังไม่ขึ้น

“กี่ครั้งแล้วที่พ่อพูดแบบนี้”

“เออนะ บอกว่ายืมก็คือยืมสิ นี่พ่อนะไม่ใช่คนอื่น”

“พ่อรู้ไหมว่านั่นคือเงินค่าเทอมที่แม่เอาไว้ให้พริม”

“รู้” น้ำเสียงห้วนๆ ของอาคมเอ่ยรับ แม้จะโกรธภรรยาที่แอบไปทำประกันชีวิตไว้ แถมยังระบุชื่อผู้รับผลประโยชน์ในกรมธรรม์แค่พริมาเพียงคนเดียวอีก แบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับเขาสักนิด

“นั่นคือค่าเทอมก้อนสุดท้ายที่พริมพยายามไม่ไปแตะมัน และเมื่อวานพริมก็เบิกมาเพื่อจะนำไปจ่ายค่าเทอมเทอมสุดท้ายวันนี้”

“พ่อรู้ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้พ่อจะหาเงินมาคืนลูกแล้วกัน” อาคมรับปากแบบส่งๆ นั่นเพราะยังคิดไม่ออกว่าจะไปหาเงินจำนวนนั้นมาคืนพริมาได้จากไหน เพราะวันนี้ก็ยังคงกลับบ้านมือเปล่า

“หาจากไหนหรือคะ”

“มีก็แล้วกัน” เอ่ยจบอาคมก็เดินผ่านพริมาเพื่อขึ้นบ้านไป ปล่อยให้ลูกสาวทิ้งตัวร้องไห้อย่างเสียใจ เพราะสุดท้ายแล้วพริมาก็คงทำอะไรไม่ได้เหมือนที่ผ่านๆ มา

ส่วนเรื่องเรียนถ้าไม่มีเงินไปจ่ายค่าเทอมก็คงต้องดรอปไว้ก่อน ทั้งๆ ที่เหลือเพียงเทอมสุดท้ายเธอก็จะเรียนจบแล้วแท้ๆ ยิ่งคิดพริมาก็ยิ่งเสียใจ เธอจึงร้องไห้ออกมาอย่างหนัก และเสียงสะอื้นร้องไห้ของเธอก็ดังขึ้นไปถึงชั้นบน

อาคมที่นอนไม่หลับได้ออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ เขาตระเวนไปขอหยิบยืมเงินจากคนรู้จัก แต่ทว่ากลับไม่มีใครให้ยืมเลยแม้แต่บาทเดียว แถมยังผลักไสไล่ส่งราวกับคนไม่รู้จัก นั่นกลับทำให้ทุกอย่างยิ่งเลวร้าย แต่ในเมื่อรับปากพริมาไว้แล้วว่าจะหาเงินไปคืน ยังไงเขาก็ต้องทำให้ได้

จู่ๆ ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวของอาคม ในเมื่อไม่มีใครให้ยืมเงินเขาก็ต้องเสี่ยงดวงอีกสักครั้ง โดยก่อนเข้าบ่อนอาคมมีบนบานศาลกล่าวยกมือไหว้เจ้าที่เจ้าทางท่วมหัว ขอให้ดวงจงเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว แต่ทว่าสิ่งที่อาคมหวังกลับไม่เป็นดั่งหวัง

“อะไรวะ” อาคมสบถออกมาอย่างหัวเสีย นั่นเพราะตั้งแต่เริ่มเล่นเขามีแต่เสียกับเสีย แต่เพราะยังอยากได้เงินจึงทุ่มสุดตัว ขนาดขอเปิดเครดิตเพิ่มอีก

“นายครับ...คุณอาคมจะขอเปิดเครดิตเพิ่มครับ”

“ขอมาเท่าไหร่” เสียงทุ้มที่ฟังมีพลังของชายเจ้าของบ่อนที่ตอนนี้อยู่ในชุดดำเกือบทั้งตัวเอ่ยถามขึ้น เขาเอนหลังพิงเก้าอี้ทำงานหนังตัวใหญ่เพื่อรอฟังอย่างใจเย็น

“หนึ่งแสนครับ”

“ให้ไป”

“จะดีหรือครับนาย เพราะยอดเก่าก็ยังไม่จ่าย” ลูกน้องคนสนิทเอ่ยถามขึ้น เพราะไม่อยากให้เจ้านายทุ่มเงินไปกับคนอย่างอาคมไปมากกว่านี้ เพราะมั่นใจว่าอาคมนั้นไม่มีทางหาเงินมาจ่ายหนี้ได้หมด

“อืม...ฉันไม่เคยทำอะไรแล้วไม่ได้กำไรหรอก”

“ครับ” คำตอบของผู้เป็นนายทำให้ยุทธนาเลือกที่จะหมดความสงสัย เขาเอ่ยรับเพียงสั้นๆ แล้วกลับออกไปจัดการตามที่ได้รับอนุญาต