บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

“ธัญญ์แน่ใจเหรอคะว่าถ้าถึงวันนั้นแม่คุณจะยอมให้คุณกับผู้หญิงคนนั้นหย่ากัน” เธอเคยพบแม่ของแฟนหนุ่มอยู่หลายครั้ง เห็นชัดว่านังแก่นั่นไม่ค่อยปลื้มเธอเท่าไร ต่างจากลูกชายของท่านที่หลงเธอจนแทบจะโงหัวไม่ขึ้น เพราะเหตุนี้เลยทำให้เธอกับเขายังคบกันมาจนถึงทุกวันนี้ เขาเลือกที่จะมองข้ามความไม่ชอบของแม่ตัวเองเพื่อรักษาความสัมพันธ์ของเธอไว้ แค่นี้ก็ทำให้รู้แล้วว่าเขารักเธอ ต่อให้คนทั้งโลกจะเกลียดเธอแต่เขาก็ยังยืนกรานว่ารักเธออยู่ดี

“ต่อให้แม่ไม่ยอมผมก็จะหย่า ถึงตอนนั้นจะไม่มีใครมาบังคับผมได้อีก แขรอผมนะครับ ผมรักคุณ ไม่มีวันที่ผมจะไปรักคนอื่นโดยเฉพาะกับเด็กคนนั้น ทันทีที่หย่ากับเขาเราจะแต่งงานกันทันที” คราแรกตั้งใจว่าหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็จะไม่ยอมรับ แต่พอได้ยินเขาเอ่ยถึง ‘งานแต่งงาน’ อกที่ร้อนรุ่มไปด้วยความไม่พอใจก็สงบลงทันที

“แขเชื่อใจธัญญ์ได้ใช่ไหมคะ” อย่างน้อยถ้ามีงานแต่งงานเกิดขึ้นเธอก็ไม่ต้องกลัวใครหน้าไหนอีก ซ้ำยังเหมือนได้ฉีกอกนังแก่นั่นด้วย ไม่ว่าจะมองในมุมไหนก็ได้ความสะใจกลับมาแบบเห็น ๆ

“ได้สิครับ ผมไม่มีวันหักหลังแข แขรอผมนะ แค่สี่ปีเท่านั้น จากนั้นเราสองคนจะรักกันได้อย่างเปิดเผย จะไม่มีใครมาทำลายความรักของเราสองคนได้อีก ผมสัญญา” ได้ฟังแบบนั้นดาราสาวก็ตอบตกลงอย่างว่าง่าย แต่นั่นไม่ใช่เพราะว่าเธอเป็นคนดีอะไร แต่เป็นเพราะเธออยากแต่งงานกับเขา และเหมือนนี่จะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เธอได้ทุกอย่างที่ต้องการ

เธอกับธัญญ์รู้จักกันตอนสมัยมัธยมปลาย เขาเป็นหนุ่มหล่ออันดับต้น ๆ ของโรงเรียน ส่วนเธอก็เป็นดาวที่ใครหลายคนหมายปอง แต่มีแค่เขาเท่านั้นที่เรียกความสนใจจากเธอไปได้ และก็เป็นเธออีกเช่นกันที่เขาเดินหน้าจีบ เมื่อใจตรงกันความสัมพันธ์ฉันท์คนรักก็เริ่มต้น

จนกระทั่งวันที่เขาพาเธอไปแนะนำให้ได้รู้จักกับครอบครัว เธอยังจำได้ไม่ลืมถึงท่าทีไว้ตัวที่แม่ของเขาแสดงออกเมื่อได้พบหน้า มันบอกให้รู้ได้ในทันทีเลยว่าท่านไม่ชอบเธอ ไม่ยินดีต้อนรับ และก็เป็นจริงอย่างที่คิดเมื่อเขาเป็นฝ่ายมาบอกเรื่องนี้กับเธอด้วยตัวเอง

“แค่เพราะแม่คุณไม่ชอบหน้าแข เราถึงกับต้องเลิกกันเลยเหรอคะ แขทำอะไรผิดคะธัญญ์”

“ไม่ครับแข ผมไม่มีวันเลิกกับคุณ เพียงแต่ระหว่างนี้ผมแค่อยากให้เราปิดเรื่องการคบกันของเราไว้ก่อน อย่างน้อยก็จนกว่าแม่ของผมจะยอมใจอ่อนเรื่องคุณ ผมจะทำทุกทางเพื่อให้ท่านยอมรับเรื่องของเราให้ได้ แขเชื่อใจผมนะครับ” แม้จะยืนยันแบบนั้น แต่ยิ่งเขาพยายามมากเท่าไรก็ยิ่งเหมือนแม่จะยิ่งไม่ชอบขี้หน้าคนรักของเขามากขึ้นเท่านั้น

จนสุดท้ายเรื่องราวก็บานปลาย มันทำให้เขาต้องเลือกระหว่างคนรักกับครอบครัว ซึ่งในวันนั้นเขาตัดสินใจไม่เลือกใครเลยสักคน แต่เลือกพาตัวเองออกจากบ้านไปใช้ชีวิตไปแบบที่อยากเป็น โดยที่ยังคงเก็บความสัมพันธ์ของแม่และคนรักเอาไว้เหมือนเดิม

หลังจากงานแต่งที่ถูกจัดขึ้นโดยมีแต่คนในครอบครัวเท่านั้นที่ร่วมเป็นสักขีพยานผ่านพ้นไปธัญญ์ก็บินกลับไร่ที่เชียงรายของตัวเองทันที ส่วนมุกดาก็ทำหน้าที่นักศึกษาปีสุดท้ายไปพร้อม ๆ ด้วยทะเบียนสมรสที่ถูกเก็บปิดตายไว้ในลิ้นชักข้างเตียง ต่างคนต่างใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองเลือกเดิน

มีบ้างที่เขาจะบินกลับมาเยี่ยมครอบครัวในช่วงเทศกาลต่าง ๆ แต่ก็เป็นทุกครั้งที่เธอติดกิจกรรมของมหาลัย หรือครั้งไหนที่ว่างตรงกันเธอก็มักหาทางเลี่ยง เลยทำให้การพบเจอกันระหว่างเธอกับเขานั้นแทบจะกลายเป็นศูนย์

“คิดได้หรือยังว่ารอบนี้จะหาเรื่องหลบหน้าพี่ธัญญ์ด้วยวิธีไหน ให้เราช่วยคิดเอาไหม” ทิวาถามไปก็อดขำเพื่อนรักไม่ได้ เป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาข่าวของพี่ชายที่ตอนนี้โยกย้ายตัวเองไปทำไร่ของตาที่เชียงรายจะกลับมาเยี่ยมบ้าน เพื่อนรักของเธอก็คอยแต่จะหาทางเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับขานั้นเรื่อย ไม่รู้จะกลัวอะไรกันนักหนา

“คุณทิวา มุกไม่ได้...”

“โกหกไม่เก่งยังจะพยายามอีก มุกนี่น่ารักจริง ๆ แต่ก็เอาเถอะ เห็นแก่มิตรภาพอันยาวนานของเราหรอกนะเรายอมบอกก็ได้ มุกจะได้เลิกคิดมาก แล้วเอาเวลาไปทำอย่างอื่นบ้าง” คำบอกเล่านั้นทำให้เกิดความสงสัยตามมาจนต้องรีบถาม

“บอกอะไรเหรอคะ”

“พี่ธัญญ์เพิ่งโทร.มาบอกเมื่อสักพักนี้เองว่าวันเกิดคุณแม่ปีนี้คงลงมาฉลองด้วยไม่ได้ เห็นว่าม้าที่ไร่ใกล้คลอด เป็นตัวโปรดเสียด้วย เลยอยากอยู่ดูมันคลอดด้วยตัวเอง คุณแม่นี่โกรธจนความดันขึ้นเลยล่ะ มุกน่าจะได้เห็น” ความจริงที่ได้รู้ทำให้อดสงสารป้าที่ตอนนี้เลื่อนมาเป็นแม่สามีของเธอขึ้นมาไม่ได้ เพราะท่านรอคอยเวลานี้มานานหลายเดือน แต่เขาก็ยังใจร้ายทำกับแม่ผู้ให้กำเนิดได้ลง

แต่ก็ดีแล้วที่เขาไม่มา เธอจะได้ต่อเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับเขาไปอีกหน่อย บอกตามตรงว่าเธอยังไม่พร้อมเจอหน้าเขาในตอนนี้ เพราะกลัวเขาจะพูดถึงเรื่องหย่าที่ใกล้เข้ามาทุกที กลัวที่ต้องตอบคำถามที่ไม่อยากตอบ

งานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบรอบหกสิบสองปีของญาดาถูกจัดขึ้นบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน โดยแขกที่มีสิทธิ์เข้ามาร่วมงานนั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนมีหน้ามีตาทางสังคมแทบทั้งสิ้น

หลังจากช่วยทิวารับแขกอยู่หน้างานพักใหญ่มุกดาจึงขอตัวมาเข้าห้องน้ำ เพราะอยากหาที่โล่ง ๆ ออกมาสูดหายใจเข้าปอดบ้าง

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปสักกี่ปีเธอก็ไม่เคยทำตัวให้ชินกับงานเลี้ยงแบบนี้ได้เลยสักครั้ง ผิดกับเพื่อนรักที่รายนั้นชอบเข้าสังคม จึงไม่แปลกที่จะสนุกมากกว่าใครในบ้าน

“มุก” เสียงเรียกที่คุ้นหูทำให้คนที่กำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดสะดุ้ง ก่อนจะส่งยิ้มให้คนที่กำลังเดินตรงเข้ามาหา

“พุฒ”

“กำลังนึกอยู่เชียวว่าจะตามหามุกได้จากที่ไหน” ชายหนุ่มตรงหน้าคือ พุฒ เพื่อนสนิทต่างคณะของเธอเอง เธอมีโอกาสได้รู้จักกับเขาเพราะทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งก็ถือได้ว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง

“เราให้” ซองจดหมายที่จู่ ๆ ก็ถูกยื่นมาให้ทำเธอตกใจจนเผลอถอยหนี แต่ก็เป็นเขาที่ขยับเข้ามาใกล้ก่อนที่จะยัดมันใส่มือกันดื้อ ๆ

“เราเขียนทุกความรู้สึกของเราที่มีใส่ไปในจดหมายนี้หมดแล้ว ถ้ามุกอ่านจบแล้วเขียนตอบเราด้วยนะ เราจะรอจดหมายตอบจากมุก” นานแค่ไหนเขาก็รอได้ ขอแค่เธอให้โอกาสเขาจะเป็นผู้ชายที่ดีพร้อมเพื่อเธอ

เพื่อนชายจากไปได้สักพักใหญ่แล้ว แต่มุกดากลับยังยืนอยู่ที่เดิมพร้อมด้วยจดหมายรักที่เพื่อนสนิททิ้งเอาไว้ให้คิดหนักก่อนจาก

จนเมื่อได้ยินเสียงร้องอวยพรดังขึ้นจากด้านนอกเธอถึงได้สติเตรียมจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในงาน แต่จังหวะก้าวเดินกลับมีอันต้องชะงักเมื่อหันมาพบเข้ากับร่างสูงใหญ่ของใครบางคนเสียก่อน

“คุณธัญญ์!”

ก็ไหนว่าไม่มา แล้วเขามานานแค่ไหนแล้ว

“ตกใจอะไรนักหนา แล้วนั่นซ่อนอะไรไว้ข้างหลัง” เขาถาม ก่อนจะลอบมองไปยังด้านหลังที่มีบางสิ่งถูกซ่อนเอาไว้แต่กลับไม่มิด

“มะ...ไม่มีค่ะ ว้าย! คุณธัญญ์เอาของมุกคืนมานะคะ” สายเกินที่จะร้องห้ามได้ทันเพราะเขาแย่งไปแล้ว แถมยังถือวิสาสะเปิดอ่านอีกด้วย

“หึ! น้ำเน่าชะมัด นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ยังมีคนเขียนจดหมายรักให้กันอยู่อีกหรือไง ปัญญาอ่อน” ใจจริงก็อยากจะฉีกทิ้งเพราะหมั่นไส้ แต่มาคิด ๆ ดูอีกทีเก็บไว้ปั่นประสาทคนแถวนี้เล่นคงดีไม่น้อย ระหว่างอยู่ที่นี่เขาจะได้มีเรื่องให้ทำแก้เบื่อ ยกตัวอย่างเช่นแกล้งหล่อนเหมือนที่เคยแกล้งมาตั้งแต่เด็ก ๆ

“ผัวไม่อยู่เหงาจัดจนถึงขั้นลักลอบคบชู้ แม่ฉันจะว่ายังไงนะถ้าเห็นจดหมายนี่” คำถามนั้นทำเอาคนฟังถึงกลับหน้าชาให้กับคำกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง

“อย่านะคะ มุกกับพุฒเราเป็นแค่เพื่อนกันจริง ๆ ค่ะ” แม้จะค่อนข้างมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดกับเธอแค่เพื่อน แต่สำหรับเธอแล้วพุฒเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีวันที่เธอจะมองเขาเป็นอย่างอื่น

“ฉันเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นมากกว่า และเท่าที่เห็นเธอเองก็คงมีใจให้ไอ้หน้าอ่อนนั่นไม่น้อยถึงได้ไม่ปฏิเสธ” ถ้าเรื่องนี้เธอแค่ไม่อยากทำลายความเป็นเพื่อนที่มีมายาวนานก็เท่านั้น หากรู้ว่าการเงียบของตัวเองจะทำให้คนตรงหน้าตีความหมายไปในทางที่ผิดเธอคงเลือกที่จะปฏิเสธเพื่อนไป อย่างน้อยเขาจะได้เลิกว่ากันด้วยเรื่องไม่จริงเสียที

“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะคุณธัญญ์” หนนี้ไม่เพียงแต่ไม่ฟังคำอธิบาย เขายังเดินหนีไปราวกับเสียงของเธอนั้นคือสิ่งที่น่ารำคาญ ซึ่งก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้กับเธอ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel