จากบ้านไปไกล
สามวันต่อมา
เรือนสุขขาว
“ต้องจากที่นี่ไปจริงๆใช่ไหม”
ดวงตากลมทอดมองกระเป๋าเดินทางสานด้วยหวายใบสี่เหลี่ยมไม่ใหญ่มากนักยืนอยู่ที่หน้าเรือนพักของตน กรองแก้วเก็บของเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อคืนเพราะรู้ว่าวันนี้ต้องเดินทางแต่เช้า หญิงสาวทำใจก่อนจะไปมาเป็นเวลาสองสามวันแล้วแต่เมื่อถึงเวลาจะไปจริงๆก็อดที่จะร้องให้ไม่ได้ เพราะตลอดเวลาสิบเก้าปีที่ผ่านมาเธอก็ใช้ชีวิตอยู่แต่ในพื้นที่ของคฤหาสน์เทพาอนันต์มาโดยตลอด
“แก้ว”
“คุณผกา”
ร่างบางที่ยืนถือกระเป๋าเดินทางหันกลับหลังด้วยความรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงเรียกของผกามาศ
“ฉันเอาเสื้อผ้าดีๆมาให้เธอ เวลาไปที่นั่นจะได้ไม่มีใครมาว่าได้ว่าคนของเทพาอนันต์ซอมซ่อ”
ผกายื่นห่อผ้าให้กรองแก้วทั้งหมดเป็นเสื้อผ้าของเธอที่ไม่ได้ใส่แล้ว จึงเอามาให้กรองแก้วด้วยเห็นว่าหญิงสาวเดินทางไปด้วยชุดเดรสผ้าฝ้ายสีขาวเก่าๆแบบนี้คงไม่ดีเท่าไรนัก
“ขอบคุณนะคะคุณผกา”
กรองแก้วพอจะยิ้มออกได้บ้าง เพราะไม่บ่อยนักที่ผกาจะทำดีกับเธอ
“ไม่เป็นอะไรหรอกยังไงเธอก็ดูแลฉันมาดีโดยตลอด..ดูแลตัวเองดีๆด้วย”
สายตาของผกามาศดูสลดอย่างเห็นได้ชัดที่เธอดูใจหาย เมื่อกรองแก้วจะจากไปก็เพราะเนื้อแท้แล้วนั้นเธอเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่นอยู่พอสมควร แต่ด้วยการเลี้ยงดูของคนเป็นแม่จึงทำให้ผกานั้นเป็นเด็กที่เอาแต่ใจอยากได้อะไรก็ต้องได้ และต้องกดขี่กรองแก้วตามคำสั่งของคนเป็นแม่จนเกิดความเคยชิน
“ขอบคุณนะคะ”
กรองแก้วกอดห่อผ้าที่ผกามาศยื่นให้มองตามหลังหญิงสาวที่กำลังเดินจากไปด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตา เธอรู้ดีว่าผกามาศนั้นไม่ใช่คนที่ใจร้ายใจดำอะไรเพียงแค่ชอบที่จะทำตัวเหนือกว่าคนอื่นด้วยถูกปลูกฝังมาแบบนี้เท่านั้น
วันเวลาพ้นผ่านไปนานแรมเดือนที่กรองแก้วต้องเดินทางมาพร้อมคนถ่อเรือที่พุดซ้อนจ้างให้พวกเขามาส่งเธอที่ป่าทางเหนือ
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบโพล้เพล้กรองแก้วนั่งเหม่อมาตลอด เพราะรู้จากคนถ่อเรือว่าวันนี้เธอก็จะถึงแนวชายป่าที่เป็นจุดที่คนถ่อเรือจะต้องส่งเธอแล้ว จิตใจของเธอไม่เคยอยู่กับเนื้อกับตัวใบหน้าจิ้มลิ้มเศร้าหมองจนไม่มีราศีของความสุข ดวงตากลมโตทอดมองสองข้างฟากฝั่งแม่น้ำเต็มไปด้วยป่าก็ยิ่งพาใจหดหู่คิดถึงเรือนสุขขาวที่เคยอยู่เคยนอนจนจับใจ
“พวกผมส่งคุณได้เท่านี้ หนทางข้างหน้าคุณก็หาจ้างเกวียนเข้าป่าไปเองก็แล้วกัน”
“แต่ตอนนี้มันจะมืดแล้วนะคะแก้วจะไปหาจ้างเกวียนที่ไหนได้”
ท่าทีของหญิงสาวตอนนี้ดูจะร้อนรนตื่นกลัวเป็นพิเศษ เพราะตอนนี้ก็ใกล้ที่ตะวันจะตกดินแล้วคราแรกเธอคิดว่าคนที่มาส่งเธอจะไปส่งเธอแถวหมู่บ้านใกล้ๆแถวนี้เสียอีก ดวงตากลมโตตอนนี้ไหวระริกพยายามมองไปรอบๆว่ามีทางไหนที่เธอจะเข้าถึงหมู่บ้านใกล้ๆแถวนี้ได้บ้างแต่ไม่มีวี่แววเอาเสียเลย
“นั่นมันก็เป็นเรื่องของคุณแล้วครับ”
แล้วแล้วข้าวของกรองแก้วก็ถูกยกลงที่ท่าเทียบฝั่ง เหล่าคนถ่อเรือก็รีบถ่อเรือกลับโดยที่ไม่ได้ใส่ใจว่าเธอจะหาทางไปต่อได้อย่างไร
“เฮ้อ..นี่เราจะต้องเจออะไรอีกเนี่ย”
กรองแก้วยืนมองเรือที่เคยนั่งมานานหลายวันจนลับตา ก่อนจะนั่งฟุบอยู่กับกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอด้วยจิตใจห่อเหี่ยว หากที่นี่มืดลงแล้วเธอจะทำอย่างไร
“แม่หญิง..”
“ค..คุณเป็นใคร”
กรองแก้วผุดลุกยืนถอยหลังหลีกหนีชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ผิวสีแทนในชุดม่อฮ่อมผ้าขาวม้าคาดเอว เมื่อจู่ๆชายคนนี้ก็พุ่งออกจากป่ามาหาเธอโดยที่เธอนั้นไม่ทันได้ตั้งตัว
“แม่หญิงชื่อกรองแก้วใช่ไหมจ้ะ”
ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันเรียงขาวพูดคุยกับญิงสาวด้วยท่าทีนอบน้อม
“ใช่ค่ะพี่รู้จักชื่อฉันได้ยังไงคะ”
กรองแก้วเห็นท่าทีอีกฝ่ายดูไม่เป็นอันตรายจึงยอมคุยด้วย แต่ก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้เท่าไรนัก
“ฉันชื่อช้างจะ มาจากไร่สุเรนทรชิตมารอแม่หญิงแถวนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว นี่เป็นจดหมายที่คุณหญิงพุดซ้อนส่งมาจ่ะว่าจะส่งตัวแม่หญิงมาที่นี่ถึงในเวลาวันสองวันนี้”
มือหนารีบยื่นซองกระดาษสีน้ำตาลให้กับหญิงสาวร่างเล็กตรงหน้า ที่เขาต้องรีบแนะนำตัวเพื่อให้หญิงสาวได้ไว้ใจว่าเขาจะไม่ทำอันตรายอันใดแก่เธอ
