จดหมายสำคัญ
ยี่สิบปีต่อมา
พุทธศักราช 2456
คฤหาสน์เทพาอนันต์
08.00 น.
ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ที่มีอาณาเขตกว้างขวางเป็นคฤหาสน์ของตระกูลเทพาอนันต์ เป็นบ้านไม้สีขาวสองชั้นหลังคามุงกระเบื้องว่าวในตัวคฤหาสน์มีโถงใหญ่โตโอ่อ่าตกแต่งแบบตะวันตกผสมผสานวัฒนธรรมสยาม หลังคฤหาสน์มีเรือนเล็กเรือนน้อยสองสามเรือนเอาไว้รับแขก เดิมทีเป็นของอนันต์แต่เมื่อเขาเสียชีวิตไปตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็ตกเป็นของพนาลูกชายอย่างพนาและพุดซ้อนลูกสะใภ้
“คุณปู่ขาสิ้นคุณปู่แล้วต่อไปนี้ชีวิตของแก้วจะเป็นอย่างไรล่ะคะ”
กรองแก้วหญิงสาววัยสิบเก้าย่างยี่สิบในชุดเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวแขนสั้นผ้าถุงสีดำร่างเล็กอรชรหน้าตาจิ้มลิ้มดวงตากลมโตนัยน์ตาฉายแววหม่นหมองปากนิดจมูกหน่อยใบหน้ารูปไข่ผมดกดำสยายยาวถึงกลางหลังนั่งสะอึกสะอื้นปาดน้ำตาลวกๆอยู่ที่ระเบียงหลังเรือนสุขขาวหลังเล็กที่อยู่หลังคฤหาสน์หลังใหญ่อีกที
ร่างบางนั่งพิงเสาด้วยสีหน้าเศร้าหมองจมูกน้อยจิ้มลิ้มแดงเป็นลูกตำลึงเนื่องด้วยร้องให้มาเป็นเวลานาน แม้นอนันต์ปู่ของเธอจะเผาไปเป็นอาทิตย์แล้วแต่เธอเองก็ยังอดอาลัยอาวรณ์ไม่ได้ มือน้อยกอดกำตรงดวงใจเอาไว้แน่นรู้ดีว่าหากปู่ของเธอรู้ว่าเธอยังฟูมฟายก็จะไม่ไปดีแต่เธอก็อดกลั้นที่จะไม่ร้องให้เสียใจไม่ได้
เรือนสุขขาวเป็นเรือนไม้หลังเล็กสีขาวที่กรองแก้วอยู่ ตั้งแต่จำความได้เธอเป็นเด็กกำพร้าที่อนันต์และพนาได้ไปสำรวจป่าและเจอกับเธอจึงเก็บเอามาเลี้ยงที่ๆดูจะสุขสบายแห่งนี้ไม่เคยทำให้เธอได้สุขสบายใจได้เลย เพราะตั้งแต่จำความได้เธอก็จะถูกดูถูกดูแคลนจากคนที่นี่ตลอดแม้แต่คนรับใช้ของบ้านแต่เธอก็ไม่เคยคิดโต้ตอบเพราะเจียมตัวดีว่าตัวเองมาจากไหน
จะมีก็แต่อนันต์คุณปู่ของเธอที่เอ็นดูเธอเป็นพิเศษ รองลงมาก็เป็นพนาที่เขานั้นอนุญาตให้เธอเรียกว่าพ่อได้แต่คุณพ่อของเธอนั้นก็ไม่ค่อยได้มีเวลาเจอกับเธอเท่าไร เนื่องจากต้องทำงานต่างพื้นที่นานๆทีถึงจะกลับมา
หลังจากที่อนันต์ได้จากไปแล้วจากนี้หญิงสาวก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ที่นี่อย่างสงบสุขได้หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้เธอยังมีคุณปู่เธอคุ้มกะลาหัวอยู่บ้างแต่หลังจากนี้กรองแก้วก็ไม่รู้ว่าเธอจะต้องเจอกับอะไร
“เมื่อไรจะหยุดฟูมฟายซะที”
ผกามาศคุณหนูวัยสิบแปดลูกสาวคนเดียวของพนาและพุดซ้อนคุณหนูคนสวยคิ้วเข้มตาคมจมูกโด่งปากเป็นกระจับแต่งแต้มใบหน้าจนเข้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ผกามาศเป็นคนค่อนข้างเอาแต่ใจเพราะถูกเลี้ยงตามใจมาจากคนเป็นแม่ แถมยังชอบโขกสับกรองแก้วด้วยเพราะคนเป็นแม่ปลูกฝังมาตั้งแต่เล็กๆว่าต้องทำให้กรองแก้วเป็นเบี้ยล่างตนเองมาตลอด
“คุณผกา”
กรองแก้วรีบปาดน้ำตาลุกขึ้นยืนตรงหน้าผกามาศที่กำลังยืนกอดอกจ้องเธอด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรสักเท่าไร
“คุณแม่เรียกพบตามฉันมา”
คุณหนูสาวเอ่ยเสียงห้วนให้กรองแก้วตามเธอไปพบกับแม่ของตนก่อนจะหันหลังกลับด้วยอาการที่ไม่พอใจเท่าไร เพราะแทนที่แม่เธอจะให้คนรีบใช้ลงจากตึกมาตามกรองแก้วแต่กลับใช้เธอมาเสียอย่างนั้นให้เหตุผลว่าไม่อยากให้ใครรู้เรื่องที่จะคุยกับกรองแก้ว
“ค่ะ”
กรองแก้วรีบเดินตามหลังผกามาศไปที่ตึกใหญ่น้อยครั้งนักที่พุดซ้อนจะเรียกเธอเข้าหา ด้วยเพราะแค่หน้าพุดซ้อนยังไม่อยากจะมองเธอด้วยซ้ำ แม้นในใจจะหวั่นว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแต่ก็ต้องจำใจเผชิญกับมัน
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอเข้ามาสิ”
หญิงวัยกลางคนแต่งตัวลายดอกสีสันตัดเป็นเดรสด้วยผ้าราคาแพงใบหน้าไร้ความเป็นมิตร หากผู้คนที่กำลังสนทนาด้วยไม่ได้ฐานะเสมอหรือสูงกว่าตน เป็นพุดซ้อนที่กำลังนั่งรับของว่างเป็นผลไม้ลอยแก้วอยู่ในโถงนั่งเล่น เมื่อเห็นว่าผกามาศตามกรองแก้วมาถึงแล้วจึงรีบเรียกกรองแก้วเข้ามานั่งคุยทันที
“คุณแม่มีอะไรจะคุยกับแก้วหรอคะ”
กรองแก้วรวบผ้าถุงนั่งพับเพียบลงที่พื้นหลังจากที่ผกามาศนั้นนั่งลงที่โซฟาราคาแพงเรียบร้อยแล้ว
“อ่านนี่ซะนี่เป็นสัญญาที่คุณพ่อทำไว้กับคนที่ไร่สุเรนทรชิต”
พุดซ้อนยื่นซองจดหมายสีน้ำตาลเก่าที่เธอพึ่งเจอในห้องของอนันต์ไม่นานมานี้ หลังจากที่พ่อสามีของเธอเสียแล้วไปรื้อค้นหาของเก่าเอามาเก็บไว้เป็นสมบัติของตน
“ส่งลูกหรือหลานไปแต่งงานกับเจ้าของไร่หรอคะ”
กรองแก้วค่อยๆแกะดูสิ่งที่อยู่ด้านใน จดหมายที่เธอถืออยู่ในมือค่อนข้างเก่ามากในนั้นมีข้อความถึงสัญญาของปู่เธอที่ให้ไว้กับใครบางคนว่าต้องการให้ลูกหรือหลานมาแต่งงานกับคนที่ไร่สุเรนทรชิตพร้อมรับปากว่าจะเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี
และที่กรองแก้วเชื่ออย่างไม่มีข้อกังขาว่าจดหมายนี้เป็นสัญญาของปู่เธอจริงก็เพราะมีลายเซ็นของปู่เธออยู่ด้วยซึ่งลายมือของคุณปู่ของเธอจำมันได้ดี
