ใครอยากแต่ง
“ท่านอ๋องไหนว่าจะไม่แต่งกับนาง”
จินเทาก้าวเดินตามทางลาดยาว ตามหลังจิงหยางอ๋องที่หุนหันด้วยโทสะที่ยังคุรกรุ่น
“จินเทา เรื่องนี้ยอมได้หรือไร ข้าจิงหยางอ๋องไม่แต่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าไม่อยากเอาชนะนาง สตรีเช่นไรจึงมีท่าทีแข็งกร้าวต่างกับเจ้าลูกหมูน้อยนั่น น่าเอ็นดูคงจะได้นิสัยของบิดา”จินเทาส่ายหน้าไปมาเบาๆ
“ท่านอ๋องไม่เคยชื่นชอบเด็กเล็กๆ ….”เอ่ยปากเบาๆ ราวกับพูดกับตัวเอง
ทว่าจิงหยางอ๋องกลับฉุกคิด เขาถูกเจ้าลูกหมูน้อยนั่นทำให้เสียอาการ เดิมจิงหยางอ๋องมิใช่คนที่ยอมใจอ่อนกับใคร ไหนจะใบหน้างดงามที่คอยหลอกหลอนเขานั่นอีก นางเองก็ทำให้เขาโมโห แต่จนป่านนี้จิงหยางอ๋องก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองโมโหเรื่องใดกัน เรื่องที่นางไม่แต่งกับเขาหรือเรื่องที่ฮ่องเต้จะประทานงานแต่ง ในใจเขาตอนนี้สับสนสิ้นดี
แล้วจางหลี่ลี่เล่า นางอยู่ในจวนอ๋องก่อนแล้วเขามีหน้าที่จะต้องชดใช้ให้นาง
“ไม่แต่ง”
จินเทาสะดุ้งกับ ประโยคนั้นของจิงหยางอ๋องที่อยู่ๆ ก็โผลงขึ้นมาหลังจากที่เงียบมานาน
จวนอ๋อง
จางหลี่ลี่ในอาภรณ์สะอาดสะอ้านใบหน้าแต่งแต้ม ด้วยสีสันสะดุดตา ย่อกายลงช้าๆ ตรงหน้าหร่วนจิงหยางอ๋องที่ก้าวเข้ามาในจวนด้วยโทสะที่ยังขุ่นมัวจางหลี่ลี่รีบมารับเพื่ออวดโฉม
“ท่านอ๋อง”เสียงหวานหยด
สายตาคมแค่เพียงจ้องมองไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไร หรือว่าเพราะคืนนั้นเขาต้องพิษบทสวาทกับนางจึงดูเร่าร้อนและน่าจดจำ มาในตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าจางหลี่ลี่แค่เพียงคนแปลกหน้า ที่เขามองผ่านคนหนึ่งก็เท่านั้น
“เจ้าอยู่ที่นี่ได้จนกว่าจะพอใจ”
“หลี่ลี่ ขอบคุณท่านอ๋องที่เมตตา หลายปีผ่านมาหลี่ลี่ลำบากไม่น้อย”สายตาเศร้าสร้อย
“ข้าจำได้ว่า นางห้อยกำไลหยกไว้กับตัวมิได้สวมใส่มันที่ข้อมือเหมือนอย่างนี้”
คว้ามือดึงเอาข้อมือเล็กของจางหลี่ลี่ขึ้นมาพิศดู
“เอ่อ หลี่ลี่จะนำมันไปขายแล้วเพราะอัตคัดเหลือเกินก่อนหน้านั้นข้าก็ห้อยมันไว้ที่คอ”ส่งเสียงอ้อมแอ้ม
“เจ้าได้กำไลหยกนี้มาจากที่แห่งใด”
หลี่ลี่ขมวดคิ้ว ด้วยจิงหยางอ๋องช่างสงสัยเหมือนตั้งใจพิสูจน์อะไร จึงแสร้งบีบน้ำตาให้ปริ่มขอบตางาม
“ตอนนั้น ท่านพ่อค้าขายกับต่างแคว้นกำไลหยกชิ้นนี้เป็นของที่ท่านพ่อเลือกไว้ให้ข้าด้วยเห็นว่าเป็นหยกเนื้อดี ข้าจึงเก็บติดตัวไว้ตลอดมาแต่ด้วยยามนี้แร้นแค้น ข้าวยากหมากแพงอีกทั้งยังเกิดภัยแล้งไปทั่วทุกหย่อมหญ้าจึงทำให้ข้าต้องตัดใจนำของสำคัญมาขาย”
จิงหยางอ๋องถอนหายใจยาวปล่อยมือจากข้อมือของหลี่ลี่
“บิดาเจ้าทำผิด ฝ่าบาทละเว้นโทษตายส่วนเจ้าข้าจะช่วยกราบทูลขอให้เสด็จพ่ออภัยโทษให้เจ้าที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเสีย บางทีเจ้าอาจจะอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจ”
“หลี่ลี่ขอบพระทัยฝ่าบาทกับท่านอ๋องที่เมตตา”
ยิ้มหวานหยดย้อย จิงหยางอ๋องถอนหายใจอีกครั้ง บังเกิดความสงสารกับหยาดน้ำตานั้นไม่น้อย
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง”
จินเทาวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้อง
“มีเรื่องใดเร่งด่วน”
“ข้าน้อยไปที่ตลาด ได้ยินคนเขาพูดถึงเรื่อง พูดถึงเรื่อง เรื่องเจ้าเจิ้งชินที่ถูกขุนนางกงเตี๋ยจูยึดทั้งบ้านและทรัพย์สินบังคับซื้อบ้านในราคาถูก และไล่นางกับลูกชายชายออกมาเร่ร่อนนอกบ้าน”
แม้จะรู้สึกว่าเรื่องที่ได้ยินขัดแย้งยิ่งนัก แต่เมื่อได้ยินคำว่าเจิ้งชินกับเจ้าลูกหมูน้อยหร่วนจิงหยางอ๋องถึงกลับทะลึ่งพลวด จางหลี่ลี่เองถึงกับขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำว่าเจิ้งชิน
“ยังไม่ทันข้ามวันนางก็ตกต่ำเพียงนั้นเชียวหรือ เสด็จพ่อรู้เรื่องนี้หรือยัง”
จินเทาก้มหน้า
“ยังขอรับ ให้จินเทาทูลฝ่าบาทหรือไม่”
“ไม่ต้องข้าจะไปที่บ้านกงเตี๋ยจูว่าเกิดอะไรขึ้น”
จินเทายิ้มก้าวเดินตามจิงหยางอ๋อง
หลี่ลี่ทรุดกายลงบนเก้าอี้
“เป็นเจ้าอีกแล้วหรือเจิ้งชิน เจ้าเจิ้งชิน ขอให้ไม่ใช่เจิ้งชินคนนั้น”
บ้านกง
“ยะยะ ท่านอ๋องโปรดเมตตาไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย นางติดหนี้บ้านกงหลายแสนตำลึงทอง อีกทั้งยังเขียนสัญญาว่าจะยอมยกบ้านเจ้าหากไม่สามารถใช้หนี้ข้าได้ตามกำหนด”
ร่างชราของเตี๋ยจูผงะล้มหงายหลังเมื่อจิงหยางอ๋อง จี้คมกระบี่ไปตรงหน้าลักษณะข่มขู่ชัดเจน จินเทารีบเข้ามาขวางไว้
“เจ้าจะไม่ใจร้ายไปหน่อยหรือนางเป็นสตรีที่หาเลี้ยงลูกเล็กๆ เพียงลำพังเจ้าทำเช่นนี้ นางจะอาศัยหลับนอนที่ไหนกัน”เตี๋ยจูยิ้มเจื่อนๆ
