แผน
“แต่ ชัดเจนว่าท่านแม่ไม่ชอบท่าน และข้าเองก็ไม่อยากฝืนใจท่านแม่เราสองคนไปด้วยกันไว้ค่อยนำของอร่อยมาฝากท่านแม่”
จิงหยางอ๋องยิ้ม ถอนหายใจเอ็นดูความช่างพูดของจิวหลงไม่น้อย ช่างคิดและแยกแยะได้ เหมือนเขาเห็นตัวเองในยามเด็กไม่ผิด
เจิ้งชินถอดเสื้อคลุมห่มร่างเล็กในอ้อมแขน จิงหลาง
“อากาศเย็น อย่าโลดโผนให้มากแม่เป็นห่วง รีบไปรีบมา”
ในใจกลับรู้สึกว่า วางใจที่จิงหยางอ๋องอุ้มเอาจิวหลงไป แต่ก็อดที่จะหวงลูกน้อยไม่ได้กลัวว่าจะสนิทสนมกับจิงหยางอ๋องมากไป
ทั้งสองคนไปแล้ว เจิ้งชินกับอี๋เฟยและจินเทาช่วยกันจัดเก็บสัมภาระ ร่างอ้อนแอ้นของจางหลี่ลี่ก้าวขาเข้ามาในห้องดวงตาเบิกโพลงเมื่อเห็นเพียงแผ่นหลังของเจิ้งชิน ใจเต้นไม่เป็นจังหวะแต่กลับระงับความตื่นเต้นไว้เสีย
“นายหญิง”
จินเทาเอ่ยปากทัก เจิ้งชินหันหน้าไปมองช้าๆ กับคำเรียกขานว่านายหญิง ก่อนที่รอยยิ้มหยันจะบังเกิดที่ริมฝีปากของจางหลี่ลี่ เจิ้งชินในตอนนี้กลับรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจยิ่งนักรู้สึกเจ็บแค้นและปวดร้าวหากเป็นคนอื่นเจิ้งชินก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดเพียงนี้ คำว่านายหญิงจะเข้าใจเป็นอื่นได้อย่างไรรอดูว่าจางหลี่ลี่จะทักเจิ้งชินว่าอย่างไรทว่านางกลับแสร้งยิ้มเยือนอ่อนหวาน
“จินเทา ท่านอ๋องรับอุปการะผู้ใดอีก ท่านอ๋องนี่ช่างมีน้ำใจเมตตาแก่ผู้คนไม่เว้นสูงต่ำดำขาว”
จินเทาประสานมือนอบน้อม เจิ้งชิน ยิ้มบางๆ แน่แล้วจางหลี่ลี่แสร้งทำเป็นไม่รู้จักเจิ้งชินคิดไปเองว่า สองสามปีที่แล้วบ้านจางตกต่ำนางคงอาศัยบารมีจิงหยางอ๋องและเจิ้งชินไม่ใช่คนในตระกูลจางอีกต่อไปแล้ว ไม่รู้จักก็ดีแล้วเจิ้งชินจะได้ทำการใดไม่ต้องอาศัยความเป็นพี่น้อง
“จินเทา ท่านอ๋องให้นางพักที่ไหนเหตุใดจึงไม่จัดห้องหับที่ดีกว่านี้ เหมือนห้องของข้า”
น้ำเสียงอ่อนโยนทว่าแฝงความนัยว่าห้องของตนดีกว่า
“บริเวณนี้กว้างขวางท่านอ๋องอยากให้ คุณชายน้อยจิวหลงได้มีที่วิ่งเล่นขอรับ”
“หือมีลูกแล้วหรือแย่จริงนางยังสาวยังสวย เหตุใดจึงมีลูกติดเสียได้”จินเทา ก้มหน้า
“ข้าน้อยถูกคนเลว ล่อลวงจนถูกกระทำย่ำยีครั้นจะทอดทิ้งลูกในท้องก็คงไม่อาจกระทำ วันนี้ตกอับจำต้องอาศัยพักพิงที่จวนอ๋องชั่วคราว แม้จะมีลูกติดมา แต่ทว่าต่อจากนี้ไม่นานหากข้ายอมตกลงปลงใจยอมรับบัญชาฝ่าบาทแต่งกับท่านอ๋องเสียก็คงจะต้องย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ถาวร”จางหลี่ลี่อ้าปากค้าง
“จริงเช่นนั้นหรือจินเทา
”จางหลี่ลี่ยังคงไม่เชื่อคำพูดของเจิ้งชิน
“ขอรับ ฝ่าบาทมีบัญชาให้ท่านอ๋องแต่งกับแม่นางเจ้าเจิ้งชิน แต่ทว่าข้าน้อยเองก็ยังไม่อาจสรุปได้ว่าทั้งสองคนใครกันแน่ที่อยากแต่งใครกันแน่ที่ยังไม่อยากแต่ง”
จินเทาเกาหัวแกรกๆ กับปัญหาโลกแตกนี้นั่นยิ่งทำให้ จางหลี่ลี่มีความหวัง
“ข้ารอท่านอ๋องเพื่อเสวย ข้าเข้าครัวทำอาหารเองตั้งแต่บ่าย”เจิ้งชินซ่อนยิ้ม
“ท่านอ๋องมาแล้ว”
อิงอิงกระซิบบอกหลี่ลี่ที่รีบหันไปทางด้านหลังภาพที่เห็นคือร่างอ้วนป้อมในอ้อมแขนของหร่วนจิงหยางอ๋อง
“ท่านแม่ๆๆๆๆๆๆ”
จิวหลงลงจากอ้อมแขนของหร่วนจิงหยางอ๋องวิ่งเข้าหาเจิ้งชินที่อ้าแขนออกรับ
สาวใชัยกอาหารคาวหวานมากมายมาวางบนโต๊ะ
“ท่านหมูใหญ่บอกว่าวันนี้เราจะกินของอร่อยกัน”
ปากก็พูดเจื้อยแจ้วแต่ตาก็เหลือบมองจางหลี่ลี่ที่แต่งแต้มใบหน้าจัดจ้าน คิ้วน้อยขมวดเข้าหากัน
“ท่านแม่ ที่นี่มีงิ้วมาแสดงด้วยหรือ ท่านหมูใหญ่ท่านจ้างงิ้วมาต้อนรับเราสองคนแม่ลูกด้วยหรือ”
ใบหน้าอ้วนกลมมีแววตาสงสัยใคร่รู้แต่แววตาใสซื่อจนน่าเอ็นดู
จินเทากับอี๋เฟยปิดปากขำ จางหลี่ลี่กัดฟันจนเป็นสันนูน
“นางเป็นนายหญิงของที่นี่ เจ้าต้องเรียกนางว่าท่านน้า”เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เจิ้งชินไม่ได้แสดงออกมาประหลาดใจ แค่รู้สึกว่าดลกกลมเหลือเกิน
“ข้าไม่มีหลาน และเจ้าไม่ควรนับญาติกับข้า”เจิ้งชินยิ้มบางๆ
“เช่นนั้น จิวหลงเจ้าควรเรียกนางว่าอย่างไรดี”
จิวหลงยิ้มใบหน้าอ้วนกลมมองจ้องยังจางหลี่ลี่ดวงตาเปล่งประกายขี้เล่น
จิงหยางอ๋องกอดอกอมยิ้มกับท่าทีน่าขันนั้น
“ท่านป้าดีไหม นางดูสูงวัยกว่าท่านแม่ของข้าไม่น้อย” จางหลี่ลี่กัดฟันตัวสั่นปากสั่นด้วยโทสะ
“เจ้าควรจะสั่งสอนลูกของเจ้าปากกล้ายิ่งนักปากกล้าเหมือนใครกันเจ้าก็พูดน้อยหรือว่าพ่อของเขาเป็นชายที่เจ้ายอมทอดกายในหอนางโลมสินะลูกของเจ้าจึงปากร้ายเหมือนพ่อ”จิงหยางอ๋องขมวดคิ้ว
