บท
ตั้งค่า

แผน2

“จางหลี่ลี่ นางและเจ้าลูกหมูน้อยเป็นแขกของจวนจิงหยางอ๋องเช่นกันกับเจ้า ควรจะให้เกียรตินางถึงแม้นางจะมาทีหลังก็ตาม”

จางหลี่ลี่มีสีหน้าสลดลงในทันที เจิ้งชินกลับรู้สึกน้อยใจกับคำพูดของจิงหยางอ๋อง

“ท่านอ๋องหลี่ลี่ ผิดไปแล้วต่อไปไม่กล้า”ก้มหน้าแปรเปลี่ยนเป็นท่าทีเศร้าสร้อย

“เจ้ากินอะไรหรือยังข้าได้ยินห้องครัวบอกว่าเจ้าเข้าครัวทำอาหารคาวหวานเพื่อข้าหากยังไม่ได้กินอะไรก็มากินเสียด้วยกันที่นี่”

จางหลี่ลี่ยิ้มหวานแต่เจิ้งชินกลับหันหลังก้าวเดินไปที่ทางพร้อมกับจูงมือจิวหลงให้หลบไป

“จินเทาให้สาวใช้ตักข้าว เจ้าลูกหมูน้อยเจ้าพามารดาของเจ้ามากินข้าวเสียด้วยกัน”

จิวหลงดึงมือมองหน้าเจิ้งชินแต่เมื่อเห็นว่าเจิ้งชินมีสีหน้าเรียบเฉยก็เอ่ยดังๆ

“ชัดเจนว่าท่านแม่ข้าไม่อยากกินกับท่านและกับท่านป้าคนนั้นข้า เองไม่กินดีกว่า ข้าเป็นบุรุษเสียสละเล็กน้อยเช่นนี้ได้”

เจิ้งชินส่ายหน้าไปมาอดที่จะอมยิ้มเสียไม่ได้ คำพูดเช่นนี้ จิวหลงไปจำมาจากใครจึงได้ สรรหาคำพูดที่ทำให้นึกขันได้ตลอดเวลา

“เช่นนั้นหลี่ลี่กลับไปกินที่ห้องดีไหมเชิญท่านอ๋องกับ…แขกมาใหม่กินด้วยกันเถิดวันหลี่ลี่ยังมีเวลาที่จะกินข้าวกับท่านอ๋องอีกมาก”ตีหน้าเศร้า แล้วย่อกายจากไป

เจิ้งชินถอนหายใจ หลายครั้งแล้วที่หลี่ลี่นางมักจะใช้ไม้นี้จนบิดาใจอ่อนและมักจะโทษว่าเจิ้งชินผิด แต่ครั้งนี้

เจิ้งชินไม่ได้ยิ้ม แต่ดวงตากลมโตราวดอกท้อที่แช่แสงอาทิตย์กลับประคองประกายร้อนระอุไว้ในแววตานิ่งงัน เพียงปรายตามองถ้วยข้าวในมือจางหลี่ลี่ แล้วแวะไปที่ถ้วยของหรวนจิงหยางอ๋อง ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานปนเย็นยะเยือก

“ท่านอ๋อง ท่านกินกับนางไปเถิดเพคะ”

เสียงนุ่มนวลเจือเย็นชา ไร้แววอาลัย

“นางบอกว่ามีเวลาอีกมาก…ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่”

เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย คล้ายกำลังชี้ให้เห็นความผิดพลาดของอีกฝ่ายด้วยความเมตตา แต่กลับฟาดถ้อยคำอย่างเงียบงัน

“หากข้าแต่งเข้าจวนอ๋องตามบัญชาของฝ่าบาทแล้ว…เกรงว่าเราสองคนคงต้องกินข้าวด้วยกันทุกวัน”

เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยราวกำลังพูดเรื่องลมฟ้าอากาศ แต่กลับเชือดเฉือนยิ่งกว่ามีดขอดเกล็ดปลา

“นางคาดการณ์ผิดแล้ว ตอนนี้เจิ้งชินยอมให้ท่าน หาเศษหาเลย ได้…”

คำว่า หาเศษหาเลย… ออกจากปากเธออย่างชัดถ้อย ไม่สูงส่งแต่กลับไม่ต้อยต่ำเชือดเฉือนใครบางคนจนเลือดซิบ

“…แต่ทว่าเมื่อแต่งกันแล้ว ท่านอ๋องก็ควรจะอยู่ในร่องในรอยบ้างกระมังเพคะ”

คำสุดท้ายเปล่งเสียงเบานัก แต่ทุกคำกลับหนักอึ้งดุจหินทับใจ ท่ามกลางความเงียบ จางหลี่ลี่หน้าชาดวงตากระตุกวูบ ส่วนหรวนจิงหยางอ๋องก็ได้แต่นิ่งงันไปชั่วครู่ เจิ้งซินนางกล้ากรีดคำพูดอย่างเฉียบคมลงกลางโต๊ะอาหารเช่นนี้ด้วยหรือ ไม่ธรรมดาจริงๆ

หรวนจิงหยางอ๋องที่นั่งเงียบอยู่ตรงข้ามพลันอมยิ้มขึ้นมาน้อยๆ ราวกับคำพูดของเจิ้งชินที่เจือด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบกลับไปตรงเข้ากับใจเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ยามยิ้มยิ่งทำให้ใบหน้าหล่อเหลาใต้แสงสลัวของโคมไฟยิ่งดูมีเสน่ห์จนยากจะละสายตาไปได้

"หึ..." เสียงหัวเราะเล็กน้อยแผ่วเบาของเขาดังก้องในห้องท่ามกลางความเงียบ ไร้ซึ่งการขัดแย้ง แทนที่เขาจะร้อนรนหรือโกรธกลับกลายเป็นยิ้มที่แสดงความพอใจในตัวนาง

"เจ้ามีฝีปากที่แหลมคมไม่เบาเลยนะ เจิ้งชิน"

คำพูดนั้นแผ่ไปถึงหัวใจของเจิ้งชินเหมือนกับการรับรู้ว่าเธอไม่เป็นแค่หมากในเกม แต่เป็นผู้ที่ยืนอยู่ข้างเขาด้วยความมั่นคง ไม่ได้เป็นเพียงผู้หญิงในวังที่ถูกบีบบังคับให้ปฏิบัติตามคำสั่งของเขาหรือคนอื่น

จางหลี่ลี่ที่นั่งอยู่ด้านข้างหลบสายตา อึดอัดกับท่าทีที่แสนจะเห็นได้ชัดของจิงหยางอ๋อง ได้แต่กัดฟันมองแต่ไม่อาจทำอะไรได้

หรวนจิงหยางอ๋องมองสบตาเจิ้งชินอีกครั้ง ใบหน้าเรียบเฉยพลันเปลี่ยนเป็นความพอใจที่ชัดเจน สายตานั้นแปลกไปจากเดิมเมื่อเห็นว่าคำพูดของนางนั้นทำให้เขารู้สึกถึงอำนาจที่แฝงไว้ในทุกประโยคที่เอื้อนออกมา หญิงงามเหนือหญิงงาม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel