แผน
วังหลวง
หยางจิงหยงจิบน้ำชายามบ่ายสบายอุรา องครักษ์หนุ่มกวานหยาก้าวขามาตรงหน้า
"สำเร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงประเมินจิงหยางอ๋องได้แม่นยำเกินคาด"
องครักษ์หนุ่มนามกวานหยาเอ่ยปากพร้อมกับประสานมือตรงหน้าหร่วนหยางจิงหยงฮ่องเต้ที่ยิ้มกริ่ม
"เช่นไร จิงหยางอ๋องรับตัวเจิ้งชินไปพำนักที่จวนจิงหยางอ๋องแล้วรึ"
สีหน้าตื่นเต้นกับผลลัพธ์
"พ่ะย่ะค่ะ"
"มิเสียแรงแล้วจิงหยางอ๋องทำร้ายกงเตี๋ยจูอย่างที่คาดการณ์หรือไม่ ส่งหมอหลวงไปหรือยัง"
"ไม่พ่ะย่ะค่ะ ใต้เท้ากงยังอยู่ดีท่านอ๋องอ่อนลงไม่น้อยเห็นจินเทาบอกกับข้าน้อยว่าถึงกลับอุ้มเด็กน้อยจิวหลงราวกับลูกเลยทีเดียว"
ฮ่องเต้อมยิ้มหัวเราะในลำคอหุหุ
"นั่นปะไรในที่สุด ในที่สุดจิงหยางอ๋องก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เฮ้อข้าก็ยังไม่อาจวางใจเรื่องนี้เก็บเป็นความลับอย่าได้แพร่งพรายเกรงว่าด้วยความเป็นจิงหยางอ๋องหากรู้เรื่องนี้ก็จะหาเรื่องเอามาเป็นข้ออ้างไม่แต่งกับเจ้าเจิ้งชิน"
"พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"
"ส่งคนสอดแนมที่จวนอ๋อง ดูรึว่าจิงหยางอ๋องจะปฏิบัติต่อเจ้าเจิ้งชินและลูกอย่างไร"ก่อนจะถอนหายใจยาว
จวนจิงหยางอ๋อง
อิงอิงกับลูลู่วิ่งหน้าตื่
นเข้ามาในห้อง
"นายหญิงเจ้าขา ท่านอ๋องพาหญิงลูกติดเข้ามาในจวนเจ้าค่ะท่าทีสนิทสนมแล้วยัง..ยังอุ้มเด็กนั่นราวกับลูก"
ลูลู่กับอิงอิงแย่งกันพูด จางหลี่ลี่เงยหน้าจากมือที่สารวนเลือกหยิบเครื่องประดับหลากหลายมาเป็นของตัว มองอิงอิงรอคอยคำตอบจากปาก
"นางคือใคร"
"ข้าน้อยไม่อาจรู้ได้ ตะตะแต่ว่านางงดงามราวกับ ราวกับเด็กสาว"
จางหลี่ลี่ชะงักในทันทีจะเป็นใครไปอีกเล่าหากไม่ใช่ เจิ้งชินคนนั้นนางคงเปลี่ยนแซ่เสียใหม่เพราะบิดาไม่ให้นางใช้แซ่จางอีกทั้งนางเองงดงามเหมือนมารดานางที่เป็นนางโลมมาก่อน
"พาข้าไป"
ลุกขึ้นยืนด้วยความร้อนรนแต่ไม่ลืมหยิบกำไลหยกที่คล้องสายสร้อยตั้งใจจะสวมไว้กับตัวแต่เปลี่ยนใจวางไว้เสีย
หากเจิ้งชินเห็นกำไรหยกชิ้นนี้นางจะต้องเปิดปาก
ด้านหน้าจวนอ๋อง
"โอ้โห้ ท่านหมูตัวใหญ่ทำไมบ้านของท่านใหญ่โตกว่าบ้านเจ้าของเราอีกเล่า"
จิงหยางอ๋องวางร่างอ้วนป้อมที่ดิ้นลงจากอ้อมแขนก่อนจะวิ่งไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้นวิ่งเข้าห้องนู่นออกห้องนี้
"เห็นไหมเจ้าลูกหมูน้อยชอบจวนอ๋องของข้า เจ้าควรจะดีใจ"
เจิ้งชินแสร้งทำไม่สนใจ
"นี่เจ้า ได้ยินที่ข้าพูดไหม"
เจิ้งชินแสร้งเดินไปรับเอาสัมภาระจากอี๋เฟยเสียจิงหยางอ๋องพุ่งตัวเข้าใส่คว้าข้อมือบางกระชากให้มาซบอก
"นี่หัดใช้กิริยาที่ดีกว่านี้กับข้าหน่อย อย่างน้อยข้าก็มีบุญคุณกับเจ้ายามที่เจ้าลำบากข้ายังเห็นแก่..เห็นแก่การที่เราจะต้องแต่งงานกัน ช่วยเหลือให้มีที่พักพิง"เจิ้งชินยิ้มบางๆ
"ไม่ช่วยข้าก็ไม่เคยร้องขอจิงหยางอ๋องผู้ถูกกล่าวขานในด้านที่คนอื่นเขาไม่ถูกกล่าวขาน ข้าหรืออยากจะเข้าใกล้หากไม่เพราะขอรัองข้ามีหรือข้าจะยอมมา"
ผลักคนตัวสูงดิ้นออกจากอ้อมกอด
"ถูกกล่าวขานในเรื่องที่ผู้อื่นไม่ถูกกล่าวขาน เจ้าหมายถึงเรื่องใดกัน"
เผลอเคี้ยวฟันด้วยโทสะ
"เอาอีกแล้วนะ ท่านหมูใหญ่จิวหลงเผลอเป็นม้าได้เลย"
เสียงใสแหงนหน้ามองคนตัวสูงส่ายหน้าระอาใจ เมื่อวิ่งกลับมาหามารดาแล้วพบสายตาพิฆาตของจิงหยางอ๋องที่มองเจิ้งชิน
"ข้าหิวแล้ว ในฐานะเจ้าบ้านพอจะมีหมั่นโถวให้ข้าสักชิ้นไหม"จิงหยางอ๋องสายตาอ่อนโยนขึ้นในทันที
"เจ้านี่น่าเอ็นดูยิ่งนัก รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา คงได้นิสัยบิดาเจ้ามาอย่างแน่นอน ปะข้าพาไปหาอะไรให้เจ้ากิน อย่าว่าแต่หมั่นโถวเลยเจ้าอยากจะกินสิ่งใดหมูเห็ดเป็ดไก่ล้วนมากมายสำหรับเจ้า อ่อชวนมารดาของเจ้าไปด้วยกันไหม”
จิวหลงพยักหน้า ขึ้นลงดวงตาเป็นประกาย
