เปิดตัว3
เพลงบรรเลงกู้เจิ้งพลิ้วไหวล่องลอย ผู้คนเข้ามาในหอโอชารสล้วนได้อนิสงค์ บ้างถือจอกสุราค้างบ้าง หาได้สนใจในนางคณิกาข้างกาย ตะแคงหูฟังเสียงบรรเลงเศร้าสร้อยดื่มด่ำกับบทเพลงพลิ้วหวานล่องลอยนั้นแต่หากอยากได้ยินชัดเจน จะต้องจ่ายมากว่าหรือเท่ากับเป่ยชุนหวังอ๋อง ก่อนหน้านั้นเฉวียนอ๋องยิ้มร่าด้วยถุงทองหนักอึ้งในมือถึงสองถุง นางไม่ควรเอาเปรียบ มอบให้หวาหวาเสียถุงหนึ่งเก็บไว้เองเสียถุงหนึ่ง หากมีแขกเช่นเป่ยชุนในทุกค่ำคืน เฉวียนเยว่ก็คงพอได้ยิ้ม หลังจากที่แคว้นฉินแห่งนี้ขัดสนไปทุกเรื่องเสื่อมโทรมถึงขีดสุด ขุนนางฝักใฝ่แต่เรื่องคาวโลกีย์ เปิดหอโอชารสมีหญิงงามที่ยินดีขายเรือนร่างเพื่อนำเงินจุนเจือ
ครอบครัว เฉวียนเยว่จึงไม่อยากเอาเปรียบพวกนาง ดีอย่างเดียวตรงที่ไม่มีแคว้นอื่นมารุกราน เพราะก่อนหน้านั่นฮ่องเต้สร้างสมบารมี รบทัพจับศึกมีเมืองขึ้นถึงห้าเมืองหกแคว้น ตอนนี้แม้จะงดจัดเก็บภาษีเพราะเมืองขึ้นทั้งหลายล้วนต้องส่งบรรณาการและเงินทอง จนขุนนางและราชวงค์ล้วนไม่ต้องดิ้นรนอานิสงค์ยังตกมาที่ราษฎรคือปลอดภาษี เมื่อฝักใฝ่เรื่องคาวโลกีย์หอโอชารสจึงเป็นเหมือนบ่อน้ำกลางทะเลทรายที่มีให้หาความสำราญได้ทั่วกัน
วังหลวง
"เป่ยชุนหวังอ๋อง เป็นเขยไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องในราชสำนัก แต่ใช่ว่าเจ้าจะทำตามใจ" ท่าทีองอาจจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไท่หลิ่งหง ใบหน้าดั่งอิสตรีแต่ทว่าน้ำเสียงดุดัน
"ใครๆ ในวังหลวงล้วนกระทำเรื่องเช่นนี่ สี่ชายาห้าอนุไม่ถือว่าผิด"
"อ้ายอวี้ (หยกแห่งความรัก) กำลังตั้งครรภ์เจ้าทิ้งนางอยู่เพียงลำพังออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกไม่เหมาะนัก"
"ข้าเป็นเขย แต่เป็นเขยที่หาเต็มใจไม่ ข้าไม่มีชายารองเพราะฝ่าบาททรงขอไว้ให้เห็นแก่อ้ายอวี้ แต่ข้างนอกนั่นยังไม่ให้ข้าหาความสำราญจะไม่กดดันข้าไปหน่อยหรือออกไปก็เพียงความสำราญชั่วคราวหาได้จริงจัง อ้ายอวี้พูดเกินจริง เรื่องนี้ฝ่าบาทก็น่าจะเข้าใจตามวิสัยบุรุษเรา"พูดแทงใจดำเหมือนจะคิดว่าทีฝ่าบาท ยังมีสนมนางในเสียมากมาย
"ข้าขอสั่งห้ามไม่ให้เจ้าออกไปหาความสำราญข้างนอกอีกต่อไป"
"ฝ่าบาทมีอำนาจสูงสุดในใต้หล้าก็จริง แต่นี่เป็นเรื่องของสามีภรรยาซึ่งไม่น่ายื่นมือเข้ามายุ่ง"กำหมัดทุบลงตรงโต๊ะไม้เบื้องหน้าอย่างแรงเป่ยชุนเองก็ไม่คิดจะอ่อนข้อยอมแพ้
"สามหาว กล้าดีอย่างไรมาสั่งสอนข้า หากไม่เห็นแก่อ้ายอวี้ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย"เป่ยชุนยิ้มหยันเชิดหน้าท้าทาย
"ฝ่าบาทกระทำได้ทุกเรื่องอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องพูดว่าเห็นแก่ใคร ไม่ให้ข้าออกไปข้าก็จะนำนางเข้ามาในนี้" อ้ายอวี้วิ่งเข้ามากอดร่างสูงของเป่ยชุนไว้
"ท่านพี่คุกเข่า คุกเข่าเสีย"รั้งตัวเป่ยชุนให้คุกเข่า
"ฝ่าบาทโปรดประทานอภัย ท่านพี่แค่เพียงฉุนเฉียวไปนิด"อ้ายอวี้ก้มหน้าคุกเข่าต่างจากเป่ยชุนที่เชิดหน้าดังเดิม
"ข้าไม่ออกไปอีก แต่จะบอกให้ ไม่ใช่เพราะท่านแต่เพราะข้าจะหาทางนำนางเข้ามาในวังหลวงอย่างถูกต้อง"อ้ายอวี้ปล่อยน้ำตาร่วงริน ฮ่องเต้หนุ่มกัดฟันด้วยความโกรธที่สะกดกั้นไว้สงสารน้องสาวคนเดียวยิ่งนัก
ใบหน้าคมเปลี่ยนเป็นยิ้มหยัน
"ดี ให้นางเข้ามา ข้าก็จะสั่งประหารนางเสีย ดูรึว่าเจ้ากับข้าใครจะเหนือกว่ากัน"เป่ยชุนหวังอ๋องยิ้มหยันเช่นกัน
"ข้ารักนาง พร้อมจะหย่ากับน้องสาวของฝ่าบาทเพื่อเชิดชูนางและพานางกลับไปที่แคว้นหมิ่นหลง แม้ว่าจะยากลำบาก ก็ยังดีกว่าต้องทนอยู่ที่นี่ ไหนๆ บ้านเมืองของข้าก็ถูกแคว้นฉินรุกรานไปแล้วจะหาเหตุผลใดกันรั้งข้าให้อยู่ที่นี่"
อ้ายอวี้คุกเข่าทั้งๆ ที่ท้องป่องนูนน่าสงสารยิ่งนัก
"ฝ่าบาท โปรดอภัยท่านพี่พูดไปเพราะกำลังโมโห"แววตาเศร้าสร้อย เป่ยชุนสะบัดแขนเสื้อเดินออกจากตรงนั้นไปไม่ลาสักคำ
ไท่หลิ่งหงลงจากบัลลังก์พยุงอ้ายอวี้ให้ลุกขึ้นยืน
"อาจเป็นเพราะเจ้ากำลังตั้งครรภ์เขาจึงห่างเหิน ไว้ข้าจะค่อยๆ หาทางคุยกับเขา"เช็ดน้ำตาให้อ้ายอวี้อย่างเบามือ
"เราบังคับเขามาแต่งด้วย ท่านพี่เป่ยชุนก็ไม่ต่างจากเฟิ่งเฟยเจิน ที่พร้อมจะโบยบินจากไป"ไท่หลิ่งหงหลับตาไล่ความรู้สึกเจ็บปวดในใจ
"นางแสร้งว่าท้อง ทำให้ฝ่าบาทสงสาร ฝ่าบาทนางจะไปจะรั้งนางไว้ทำไมกัน นางอาจมีคนที่หมายปองก่อนหน้า คิดหรือว่าฝ่าบาทได้ตัวนางมาครอบครองแล้วนางจะยอมเป็นคนของฝ่าบาททั้งกายทั้งใจ"
อิวอันพูดสิ่งที่ทำให้หัวใจของไท่หลิ่งหงกระตุกไหว
"ขันทีส่งคนสืบข่าวว่าเป่ยชุนติดพันหญิงใด"ตะโกนเสียงดังลั่นเพื่อดึงตัวเองออกจากอดีตที่ผ่านมา
"ฝ่าบาท หญิงงามอันดับหนึ่งหอโอชารส..หวาหวา..
ที่โด่งดังแต่ไม่เคยเปิดเผยใบหน้าของนางให้กับผู้ใด"ไท่หลิ่งหงขมวดคิ้ว
“หวาหวา” ไท่หลิ่งหงทวนชื่อเบาๆ
