นางหงส์
"ท่านแม่ข้าไม่ได้วิ่งเล่นข้ามากับท่านพ่อ"อาตูน้อยส่งเสียงเจื้อยแจ้ว
"ท่านพ่อหรือ..? จริงด้วยมีลูกก็ต้องมีพ่อ หึหึเป็นข้าเองที่คิดไปเองฝ่ายเดียว"
"ไปได้แล้ว เป่ยชุนอ้ายอวี้รอเสวยพร้อมเจ้าเวลาเที่ยง จัดการธุระของเจ้าให้เรียบร้อย อย่าให้นางต้องแขวนท้องรอ นางกำลังตั้งครรภ์จะไม่ส่งผลดีต่อลูกของเจ้า"
เทียนห่าวแทรกกายออกมารับอาตูไว้ในอ้อมแขน หันหลังออกเดินหนีไป บางอย่างชวนให้ไท่หลิ่งหงหันกลับมาจ้องมองแผ่นหลังของเทียนห่าวที่อุ้มอาตูน้อยอย่างทะนุถนอม คิ้วคมขมวดเข้าหากัน ทำไมคนผู้นี้จึงคุ้นหน้าคุ้นตายิ่งนัก
เป่ยชุนหวังอ๋องยืนเก้อมองทั้งสามคนเดินจากไปจนลับตา
"ขอโทษข้าเกือบทำเสียเรื่อง"น้ำเสียงปนไปด้วยความรู้สึกผิด
"ไม่ใช่ความผิดของท่าน อาจเป็นสวรรค์ลิขิตไว้แล้ว แต่ข้าจะฝืนชะตาฟ้าด้วยตัวข้าเอง"
"เราสามคนทำไมไม่ไปจากที่นี่เสีย" เทียนห่าวเอ่ยขึ้นลอยๆ
"เรื่องราวอดสูในครั้งนั้นข้าจะฝั่งมันไว้เสียที่นี่ ไม่หนีไปไหนอีกแล้ว"เทียนห่าวถอนหายใจยาว
"เจ้าแน่ใจหรือ เพื่อหลีกหนีสิ่งที่เจ้าทำอยู่จะไม่ทำให้ตัวตนของเจ้าเปิดเผย"
"ข้าแน่ใจจะไม่กลับไปวังวนนั่นอีก"
วังหลวง
"ขันทีส่งคนตามสืบแม่นางคนนั้น"
"ฝ่าบาทนางแค่เพียงนางงามในหอคณิกา หาได้มีสิ่งใดให้น่าสนใจไม่"
"ข้าบอกให้ไปสืบเรื่องของนาง ก็ไปสืบมา เรื่องนี้ข้าตัดสินใจเพียงลำพัง ผู้ใดก็ไม่อาจมาขวาง"
"หญิงงามนามหวาหวา เป็นที่เลื่องชื่อว่าสามารถมัดใจบุรุษให้ลุ่มหลง ฝ่าบาทคงไม่ใช่แค่อยากรู้ว่านางเป็นใครเท่านั้น ขุนนางในราชสำนักหลายสิบคนต่างแวะเวียนแย่งชิงเพื่อที่จะได้ฟังนางบรรเลงกู้เจิ้ง เป็นแขกคนสำคัญของนางในแต่ละคืน"
"แต่ไม่ใช่ข้าไท่หลิ่งหง งดงามแค่ไหนควรค่ายิ่งกว่านางข้าก็ไม่เคยต้องแย่งชิงกับผู้ใดเพียงข้าต้องการ ไม่ว่าใครก็ย่อมสยบแทบเท้า"ขันทีชราส่ายหน้าไปมาช้าๆ
"ข้าน้อยหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น"บ่นพึมพำเบาๆ ไท่หลิงหงไม่ทันได้ยินประโยคสุดท้ายของขันที
หอโอชารส
“ใต้เท้า หวาหวานางป่านนี้ยังไม่มา ใต้เท้าอดทนรออีกหน่อยนางคงใกล้จะถึงแล้วข้าส่งเกี้ยวไปรับนางที่บ้าน”
“ข้าออกมาจากวังหลวง ยอมหนีงานในราชสำนักเพื่อที่จะมาจองตัวนางก่อนใคร หลายวันมานี้เป่ยชุนเป็นผู้ที่ได้เป็นแขกของนางในทุกค่ำคืนไม่แบ่งให้ใคร เชอะ! ถือว่าตัวเองเป็นถึงน้องเขยของฝ่าบาท เรื่องเช่นนี้ ยอมลงมายื้อแย่งกับพวกข้า”
“ใต้เท้าหลัวเจ้าขาใจเย็นๆ เจ้าค่ะ วันนี้อย่างไรข้าก็ต้องขอร้องคุณชายเป่ยชุน ให้แบ่งปันความสำราญกับท่านยอมให้หวาหวา เชิญท่านเป็นแขกสักวัน” เฉวียนเยว่จีบปากจีบคอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานทั้งๆ ที่เบื่อระอายิ่งนัก
“ข้าหนีงานในราชสำนักมาเพื่อนาง บ่อยๆ ก็ไม่ดีเกรงว่าฝ่าบาทจะทรงกริ้วเข้าสักวัน ข้ามีข้อเสนอข้าจะต้องใช้เงินมากน้อยเพียงใดจึงจะไถ่ตัวนางไปบรรเลงเพลงกู้เจิ้งให้ข้าฟังเพียงคนเดียว”
“โธ่ใต้เท้าเจ้าขา หวาหวานางเป็นหญิงงามที่ดึงดูดแขกมากหน้าให้กับหอโอชารส หากใต้เท้าพานางไปเสียข้าก็คงแย่อีกอย่างนางไม่ได้มีสัญญาผูกมัดกับข้า นางจะไปจะมาล้วนแต่เป็นนางที่ตัดสินใจ”
“เสียดายเสียจริง ข้าชื่นชมในตัวนางอีกอย่างข้ายังต้องการอนุอีกสักคนสองคนเพื่อไว้แก้เหงา”
“ใต้เท้าหลัว พูดง่ายดายยิ่งนักรับนางเป็นอนุช่างไม่มองฐานะและสังขารตัวเอง ดูอย่างงข้าสิเป็นถึงแม่ทัพ อีกอย่างยังไม่มีภรรยา ยังไม่คิด จะรั้งนางไว้กับตัว ท่านช่างกล้าดึงนางลงไปเกลือกกลั้วกับท่านอย่างแม่นางหวาหวานะหรือสมควรเป็นอนุ” ใต้เท้าหลัวผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้
“ข้าเป็นถึงใต้เท้ากรมคลัง มีเงินทองมากมายให้นางใช้สอยอีกอย่างเรื่องนี้จะต้องถามความสมัครใจของแม่นางหวาหวาเจ้าก็แค่ คนหนุ่มที่ไร้ทรัพย์สิน เจ้าคิดว่าหญิงงามคนใดอยากไปกัดก้อนเกลือร่วมกับเจ้ากัน แม่ทัพฟางหลิน”
“นั่นอย่างไรข้าไม่หวังให้นางมาใช้ชีวิตร่วมกันกับข้าแต่ข้าเชื่อว่านางจะไม่มีทางเลือก คนแก่หนังเหี่ยวเช่นท่าน”
“คุณชาย ใต้เท้าใจเย็นๆ เจ้าค่ะ” เมื่อต่างคนต่างไม่ยอมกัน หวิดจะประมือกันเสียให้ได้
“ไปตามหวาหวา ไปตามนางมาเดี๋ยวนี้มีเพียงนางที่จะลดความขัดแย้งนี้ได้” นับวันการแย่งชิงยิ่งเข้มข้น
ตำหนักไทเฮา
"อู่เทียนห่าวส่งข่าวมาหรือยัง"
"ยังเลยเพคะไทเฮา"
"ข้าได้ยินว่านางขัดสนถึงเพียงนั้น ถึงกับต้องไปบรรเลงเพลงกู้เจิ้งแลกเงิน อู่เทียนหาวดูแลนางไม่ดีพอหรือไร"
