ตอนที่ 6 หลับใหลไม่ยอมตื่น
“คิดดูสิถ้าซูเม่ยได้รู้ว่าถูกคนรักหักหลัง ชายคนนั้นที่นางหลงไว้ใจสารภาพความจริงตรงข้ามกันนาง แน่นอนหากเป็นหญิงคนไหนก็คงทนไม่ได้และคงเจ็บปวดน่าดู ความเจ็บปวดสามารถเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังได้ นั่นเป็นอาวุธที่จะโจมตีจิตใจคนอย่างหนึ่งได้เช่นกัน อีกอย่างเรื่องน้องชายของนางหากถูกจับไปจริง เจ้าคิดว่าอีกฝ่ายจะเลี้ยงดูคนคนหนึ่งไว้นานถึงห้าปีเชียวหรือ ฆ่าทิ้งแล้วให้คนปลอมตัวเขียนจดหมายหรือส่งอะไรสักอย่างให้นางตลอดมันไม่ง่ายกว่าหรือ”
อู๋เสี่ยวหรันตอบข้อสงสัยของสาวใช้ทั้งคู่
“แล้วท่านรู้ได้อย่างไรเพคะว่านางถูกพิษ อย่าลงโทษบ่าวเลยนะเพคะ บ่าวอยากรู้จริง ๆ แม้กระทั่งตัวบ่าวเองก็เพิ่งจะรู้ตอนที่นางกระอักเลือดสีดำออกมา”
ครั้งนี้เป็นหวงหลานถามขึ้น
“ตอนที่ข้าเข้าไปในห้องขังนางแต่แรกข้าก็ได้กลิ่นคล้ายกับกำมะถันอยู่แล้ว นางอยู่กับสารหนูที่ใช้วางยาข้ามานาน ‘หมอพิษตายเพราะพิษ’ ประโยคนี้เจ้าน่าจะเคยได้ยินมาบ้าง”
“เป็นเพราะฝีมือของบ่าวยังอ่อนด้อย ขอบพระทัยพระชายาที่ช่วยให้บ่าวกระจ่างแจ้งเพคะ”
หวงหลานก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด
“ซูเม่ยอยู่รับใช้พระชายามานาน จะให้พวกบ่าวจัดการเรื่องฝังศพให้นางหรือไม่เพคะ”
เหมยฮวาถามออกมาด้วยความปากไว แต่เมื่อถามออกไปแล้วนางก็รู้สึกว่านี่ไม่สมควรอย่างยิ่ง นางก้าวล้ำเส้นของเจ้านายมากเกินไปเสียแล้ว
“ขออภัยเพคะพระชายาคือ ....”
“ไม่เป็นไรเหมยฮวา ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วง เรื่องศพของนางก็ปล่อยให้ทหารเฝ้าคุกดูแลเถิด ข้าสบายมาก ในเมื่อนางกล้าหักหลังข้าโดยไม่ฉุกคิดถึงความสัมพันธ์เก่าก่อน เหตุใดข้าจะต้องให้ค่ากับคนเช่นนั้นกัน”
อู๋เสี่ยวหรันพูดจบนางก็ส่งยิ้มออกมา หันหลังกลับแล้วเดินไปด้านหน้าต่อ แต่ยังต้องให้สาวใช้ช่วยพยุงนางเดินไปตลอดทาง นายและบ่าวทั้งสี่ไม่ได้คุยกันเรื่องของคุกใต้ดินอีก แต่เปลี่ยนมาคุยกันเรื่องสวนดอกไม้ที่เพิ่งสั่งไปแทน
เสียงพูดคุยนั้นห่างไกลออกไปและเบาลงเรื่อย ๆ เมื่อเสียงเงียบไปแล้ว เฉิงอ๋องผู้ที่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงนี้มานานเท่าไรแล้ว ก็เดินออกมาจากมุมหนึ่งของต้นไม้ตรงบริเวณที่พวกนางหยุดคุยกันเมื่อครู่ และยืนเหม่อมองไปทางทิศที่หญิงทั้งสามเดินจากไป
เป็นเพราะอู๋เสี่ยวหรันใช้พลังไปมากจนเกินกว่าร่างกายอันผอมแห้งของนางจะทนรับไหว เมื่อกลับถึงตำหนักนางก็เข้าสู่การนิทราโดยทันที ไม่มีแรงแม้แต่จะจิบน้ำหรือกินของว่างแม้แต่น้อย
“นี่เหมยฮวาเจ้าไปปลุกพระชายาสิ ใกล้จะสิ้นยามโหย่วแล้ว”
เหลียนฮวาผลักเหมยฮวาเบา ๆ เพื่อให้นางเป็นผู้ออกหน้า
“เจ้าก็รู้ว่าเมื่อกลางวันพระชายาสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงไปมาก ทำให้ต้องนอนนานเช่นนี้อย่างไรเล่า ครั้งต่อไปข้าจะต้องห้ามปรามพระชายาเรื่องการออกไปนอกตำหนักบ้างแล้ว”
เหมยฮวานึกถึงใบหน้าขาวซีดไร้เลือดฝาดของเจ้านายนางก็รู้สึกผิดอยู่ในใจ
“การออกไปเดินบ้างนับเป็นเรื่องที่ดี เลือดลมจะได้โคจรได้สะดวก”
เหลียนฮวาแย้งขึ้นมา แต่แล้วก็มีเสียงดังขึ้นเหนือหัวพวกนาง
“ถ้าเช่นนั้นข้าเข้าไปปลุกพระชายาเอกเองก็แล้วกัน”
“ดีเลยฝากเจ้าด้วย จะ จะ จะ…. ท่านอ๋องหม่อมฉันสมควรตายเพคะ ”
เหลียนฮวาพูดยังไม่ทันจบก็เหลือบเห็นว่าเป็นนายเหนือหัวของตนเอง นางเปลี่ยนท่าเป็นการคุกเข่าทันที
“อย่าเสียงดังไปเจ้าจะทำให้พระชายาตกใจได้ เปิดประตูข้าจะไปดูนาง”
เหมยฮวาและเหลียนฮวา ทั้งสองไม่รอช้ารีบขยับตัวเปิดทางให้เฉิงอ๋องทันที
เฉิงอ๋องก้าวเข้าไปด้านในโดยใช้ฝีเท้าให้เบามากที่สุด ภาพแรกที่เขาเห็นคือหญิงดวงหน้าผอมแห้ง กระดูกปูดโปนอย่างชัดเจน กำลังนอนสนิทอยู่บนเตียงนอน สังเกตดูหน้าอกที่ขยับขึ้นลงตามลมหายใจที่สม่ำเสมอ แต่นั่นก็เป็นการขยับที่เล็กน้อยมาก เห็นได้ชัดว่าร่างกายของนางยังคงอ่อนแออยู่มาก
เขาเดินเข้าไปใกล้จนประชิดติดขอบเตียง พร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆ สังเวชในใจยิ่งนัก ที่เห็นว่าพระชายาที่เขาเอ็นดูเป็นน้องสาวอ่อนแอมากถึงเพียงนี้
บางทีการที่นางหมดลมหายใจไปก็อาจจะเป็นการปลดปล่อยนางอย่างหนึ่งเช่นกัน แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งเสียก่อนตายของมารดา เขาก็ต้องถอนหายใจอีกครั้งและเอื้อมมือไปเขย่าตัวนางเบา ๆ
“หรันเอ๋อร์ตื่นเถิดวันนี้เจ้านอนนานเกินไปแล้ว”
เขาเรียกนางอยู่สองสามครั้งแต่ก็ไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง เมื่อลองใช้นิ้วมือยื่นไปที่ปลายจมูกของนางก็ยังสัมผัสได้ถึงลมหายใจแผ่วเบาแต่กระนั้นอาการของนางเช่นนี้ก็ไม่น่าไว้วางใจอยู่ดี
เฉิงอ๋องก้าวเท้ายาว ๆ ออกมาที่หน้าประตูห้องและสั่งการ
“ไปตามท่านหมอจงมา”
เหมยฮวาที่เห็นสีหน้าห้องท่านอ๋องไม่สู้ดีนัก นางจึงได้พุ่งตัวออกไปทันที ส่วนเฉิงอ๋องกลับเข้าไปด้านในอีกครั้ง
ตอนที่หมอจงเข้ามาในห้องบรรทมของพระชายา เฉิงอ๋องกำลังยืนหันหลัง มองออกไปด้านนอกหน้าต่าง สาวใช้ได้ปิดผ้าม่านที่เตียงและนำมือของพระชายาออกมาด้านนอกเพื่อรอเขาอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงมุ่งตรงไปและจับชีพจรให้กับพระชายาทันที
“เป็นอย่างไรบ้าง”
เฉิงอ๋องถามขึ้น
“ทูลท่านอ๋องพระชายาร่างกายเป็นปกติดีพ่ะย่ะค่ะ ไม่มีอาการของพิษใด ๆ แต่…”
หมอจงมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย แต่เมื่อสบกับสายตาของเฉิงอ๋อง เขาก็ต้องกลืนน้ำลายเหนียวลงคอและกล่าวออกมา
“พระชายาเพียงหลับลึกมากเกินไป ซึ่งตัวของกระหม่อมเองก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าเพราะเหตุใด อาจจะเป็นเพราะร่างกายนำพลังงานทั้งหมดใช้ไปแล้ว การนอนหลับลึกเช่นนี้จึงเป็นเหมือนการเพิ่มกำลังหยางให้กับร่างกาย”
เขาหยุดไปชั่วครู่เพื่อสูดหายใจจากนั้นจึงพูดต่อ
“กระหม่อมจะไปจัดเทียบยาบำรุงหยินและหยางมา ระหว่างนี้โปรดทำให้ร่างกายของพระชายาอบอุ่นอยู่ตลอดพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม”
เฉิงอ๋องตอบเพียงคำเดียวสั้น ๆ แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้ว พวกเขาที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชามานาน ย่อมรู้ดีว่าน้ำเสียงเช่นนี้แสดงถึงความหงุดหงิดใจ คำพูดของหมอจงสาวใช้ที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ได้ยินเช่นกัน เหมยฮวาจึงขันอาสาที่จะนำถ่านร้อนเข้ามาเพิ่ม
เฉิงอ๋องเดินไปมองบนเตียงที่อู๋เสี่ยวหรันนอนอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเขาก็หันหลังกลับออกไปโดยไม่พูดสิ่งใดปล่อยให้สาวใช้ปรนนิบัติดูแลต่อไป
ในขณะที่หลายคนกำลังร้อนใจเกี่ยวกับอาการของอู๋เสี่ยวหรันนั้น ก็มีบางคนที่กำลังรู้สึกยินดีปรีดาอยู่
ณ ตำหนักเยว่กวาง ซึ่งเป็นตำหนักของพระชายารองแซ่โจว
“พระชายารองเรื่องที่บ่าวเล่าไปเป็นจริงทุกประการเลยเจ้าค่ะ ตอนที่บ่าวแอบมองอยู่ ยังเห็นท่านหมอจงรีบเร่งหอบถุงย่าม เข้าไปในตำหนักเจินจูนั้นอยู่เลยเจ้าค่ะ”
บ่าวรับใช้ที่แต่งกายด้วยชุดของนางกำนัลขั้นสอง ตำแหน่งไม่ได้สูงแต่ก็ไม่ต่ำต้อย กำลังเล่าถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในตำหนักเจินจูซึ่งเป็นที่พักของพระชายาเอก
และบนเก้าอี้ตัวงามเบื้องหน้าของหญิงรับใช้นางนั้น นางเป็นหญิงสาวใบหน้าดูงดงาม หางตาชี้เชิด จมูกเรียวเล็ก ทำให้นางดูเป็นคนที่ดูหยิ่งยโส บางทีนางอาจจะดูงดงามอ่อนหวานมากกว่านี้ หากการแต่งหน้าของนางเบาบางลงอีกสักนิด
ในตอนนี้ใบหน้าของนางยกยิ้มอย่างพอใจกับข่าวของพระชายาเอกที่หลับใหลไม่ได้สติไปอีกครั้ง มิใช่ใครที่ไหนนางคือโจวเพ่ยเพ่ย พระชายารองนั้นเอง
“จูจิ่นแน่ใจแล้วใช่หรือไม่ว่าไม่มีใครสังเกตเห็นเจ้า” โจวเพ่ยเพ่ยถาม
“แน่นอนเจ้าค่ะ” สาวใช้ที่ถูกขานนามว่าจูจิ่นพยักหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจ
“ดี ฮุ่ยจื่อตกรางวัลให้นาง” สิ้นเสียงคำสั่งของเจ้านายสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ล้วงเอาถุงผ้าใบเล็ก ๆ ที่มีน้ำหนักมากพอสมควร โยนไปตรงหน้าจูจิ่น
ปึก ! จูจิ่นรีบคว้าเอาถุงเงินนั้นมา ยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ เมื่อได้ชั่งน้ำหนักของที่อยู่ในถุงผ้านั้น นางโขกหัวและกล่าวขอบคุณสองสามครั้ง จากนั้นจึงค่อย ๆ ถอยออกไปจากห้องอย่างรู้หน้าที่
เมื่อเห็นว่าไม่มีคนนอกอยู่แล้ว สาวใช้ที่อยู่ข้างกายพระชายารองผู้ที่ถูกเรียกว่าฮุ่ยจื่อก็ถามขึ้น
“นังซูเม่ยถูกจับไปแล้ว คนของเราที่แฝงตัวไปเป็นคนสวน ก็ประสบเหตุอย่างไม่คาดฝันได้รับบาดเจ็บหนักด้วยกันทั้งคู่ ทำให้พวกเขาถูกส่งตัวออกไปด้านนอกตำหนัก เวลานี้ไม่มีคนของเราอยู่ในตำหนักเจินจูแม้แต่คนเดียวแล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ฟังคำกล่าวของสาวใช้คนสนิท ใบหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นขึ้งเคียด เล็บมือที่ถูกตัดแต่งมาเป็นอย่างดี ประดับด้วยปลอกเล็บสีทองยาวงดงามเคาะเป็นจังหวะ
“มีเทียบเชิญจากท่านแม่มาหรือยัง”
“ยังเจ้าค่ะได้ข่าวว่าคุณหนูใหญ่...เอ่อ...ไท่จื่อเฟย ให้คนตามฮูหยินไปพบเป็นการด่วนคาดว่าจะเป็นข่าวดีเจ้าค่ะ”
“หึ! ขอให้เป็นข่าวดีจริง ๆ”
โจวเพ่ยเพ่ยสีหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมาในทันใด เมื่อนึกถึงพี่สาวร่วมมารดาของนางผู้นั้น แต่ตอนนี้นางไม่มีเวลาไปคิดถึงคนอื่น ตอนนี้นางต้องจัดการเรื่องตรงหน้าให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน เพื่อที่นางจะได้ครองความเป็นใหญ่ในตำหนักเฉิงอ๋องแห่งนี้อย่างแท้จริง
ในที่สุดโจวเพ่ยเพ่ยก็นึกถึงคนของนางอีกคน ที่มีอำนาจจัดการเรื่องในตำหนักอ๋องได้
“ไปตามพ่อบ้านโม่มาพบข้า ข้าได้ข่าวว่าอู๋เสี่ยวหรันต้องการเปลี่ยนดอกไม้ทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ยังไม่แล้วเสร็จดี ยังสามารถส่งคนของเราเข้าไปได้อีก ครั้งนี้พวกเราต้องจัดการให้เด็ดขาด เจ้าออกไปหาพ่อบ้านด้วยตนเอง แล้วให้อิ๋งชุนเข้ามาปรนนิบัติข้า”
ฮุ่ยจื่อได้ฟังคำสั่งของเจ้านาย นางก็เหลือบมองเล็กน้อย แต่ก็มิได้กล่าวอะไรเพียงแต่พยักหน้ารับคำและออกไปจัดการงานที่เจ้านายสั่งทันที
ไม่นานก็มีสาวใช้อีกคนเคาะประตูและเดินเข้ามาภายในห้อง สาวใช้นางนี้แต่งกายเหมือนกับฮุ่ยจื่อ แต่นางมีรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าจิ้มลิ้มดูเฉลียวฉลาดกว่า นางมาพร้อมกับถ้วยยาที่ทำมาจากเครื่องเคลือบอย่างดี ดูงดงามและมีราคามากกว่าที่อู๋เสี่ยวหรัน ผู้มีตำแหน่งสูงกว่าใช้อยู่ด้วยซ้ำ
“พระชายารองได้เวลาดื่มยาบำรุงแล้วเจ้าค่ะ”
โจวเพ่ยเพ่ยเหลือบมองถ้วยยานั้น จู่ ๆ นางก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาแทบจะอาเจียน เมื่อนึกถึงรสชาติของยาบำรุงแสนแย่ที่มารดานางส่งมาให้ หากมิใช่ว่านางต้องการที่จะตั้งครรภ์ก่อนพระชายาเอก นางไม่มีทางจะอดทนดื่มยานี้เด็ดขาด
“รีบส่งมันมา”
✼ ┈┈┈┈┈┈┈ ✼
ยามโหย่ว (酉:yǒu) คือ 17.00 - 18.59 น.
ขึ้งเคียด [v.] โกรธ,โมโห,ฉุนเฉียว,เดือดดาล,โกรธขึ้ง.
เยว่ กวาง (月光 yuèguāng) แสงจันทร์
เจินจู ( 珍珠)ไข่มุก
จูจิ่น 朱槿 ดอกชบา ฮุ่ยจื่อ 蕙芷 ดอกฮุ่ยจื่อ/ดอกกล้วยไม้จีน
อิ๋งชุน 迎春 ดอกวินเทอร์จัสมิน