ตอนที่ 2 อู๋เสี่ยวหรัน
หลังจากที่สาวใช้ออกไปแล้ว นางเริ่มจับชีพจรตัวเอง หลังจากที่พินิจพิจารณาอยู่สักพัก นางก็พบว่าร่างกายนี้ถูกพิษตั้งแต่ในครรภ์ ทำให้ร่างกายรับสารอาหารไม่ได้เต็มที่ เป็นเหตุให้นางรูปร่างเล็กกระดูกไม่แข็งแรง ออกจะผอมมากเกินไปด้วยซ้ำ
เท่านั้นยังไม่พอในระยะห้าปีที่ผ่านมาร่างกายนี้ได้รับสารหนูเพิ่มเข้ามาอีก นางคิดทบทวนความทรงจำจากชาติก่อน และนางก็จำได้ว่านี่มันเป็นระยะเวลาที่อู๋เสี่ยวหรัน แต่งเข้าจวนอ๋องแล้ว
'อู๋เสี่ยวหรัน เอ๋ย อู๋เสี่ยวหรัน เจ้าคิดว่าเขาปกป้องเจ้าได้จริงหรือ เจ้าคิดว่าการอยู่ในจวนอ๋องนี้จะปลอดภัยอย่างนั้นหรือ หากเป็นเช่นนั้นจริงเจ้าจะตายได้อย่างไร
มาเถิดข้า ‘เผิงเสี่ยวหรัน’ ผู้นี้จะกำจัดศัตรูให้เจ้า ต่อไปนี้ข้าจะเป็น 'อู๋เสี่ยวหรัน' ที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่แทนเจ้าเอง '
หลังจากที่จับชีพจรตนเองเรียบร้อยแล้ว ความง่วงงุนก็กดดันนางอีกครั้ง ทำให้อู๋เสี่ยวหรันฝืนร่างกายตนเองไม่ไหว ต้องยอมปิดเปลือกตาลงและเข้าสู่การหลับใหล
เมื่ออู๋เสี่ยวหรันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าอาหารทุกอย่างที่นางต้องการได้จัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
หลังจากได้ชิมอาหารทุกจานบนโต๊ะ พบว่าไม่มีของแปลกปลอมอยู่ในจานอาหารเหล่านี้ อาหารถูกปรุงมาเป็นอย่างดีรสชาติใช้ได้เลยทีเดียว ผิดก็แต่โสมที่นางต้องการคือโสมร้อยปี แต่ในชามนี้เป็นเพียงโสมทั่วไปเท่านั้น
อืมเรื่องนี้ต้องจัดการเพราะหากปล่อยไปเช่นนี้ร่างกายนี้ เมื่อไรจะกลับมาแข็งแรงกัน แต่เอาเถิดมื้อนี้กินให้อิ่มท้องเสียก่อน
“ท่านอ๋องอยู่ที่ไหน” นางถามขึ้นหลังจากกินอาหารเสร็จ
“เรียนพระชายาตอนนี้ท่านอ๋องน่าจะอยู่ในห้องอักษรเพคะ”
“ตอนนี้คือวันอะไรปีอะไร” นางถามสาวใช้
แม้สาวใช้จะแปลกใจแต่ก็ตอบนางอย่างนอบน้อม
หลังได้ฟังคำตอบ นางได้คำนวณดูวันและเวลา ณ ขณะนี้คือหลังจากที่นางสิ้นลมหายใจและมันได้ผ่านเวลามาได้เพียงหนึ่งปีเท่านั้น
“แล้วใครดูแลเรื่องน้ำแกงโสมนี่กัน” อู๋เสี่ยวหรันถามต่อ
“เป็นพ่อบ้านใหญ่ที่ดูแลเรื่องเบิกจ่ายสมุนไพรที่มีมูลค่ามาก จากนั้นก็จะส่งต่อให้ห้องเครื่องปรุงเป็นอาหารต่อ พระชายามีอันใดหรือเพคะ ”
“ไม่มีอะไรข้าแค่อยากรู้เท่านั้น”
นั่นหมายความว่าความผิดปกติ เกิดจากสามที่ด้วยกันคือห้องสมุนไพรตัว พ่อบ้านใหญ่และห้องเครื่อง
อู๋เสี่ยวหรันลุกขึ้นแต่พบว่าแข้งขาของนางนั้นอ่อนแรงเกินกว่าจะลุกขึ้นยืนและเดินแบบฉับพลันได้ โชคดีที่สาวใช้เตรียมพร้อมและเข้ามาประคองนางได้ทันท่วงที จึงทำให้ตัวของนางไม่ล้มลงกับพื้น
“พระชายาระวังเพคะ ท่านเพิ่งจะฟื้นจากการนอนนิ่งมานาน หม่อมฉันช่วยพยุงพระองค์ไปนอนบนแท่นบรรทม”
อู๋เสี่ยวหรันได้พยายามประคองตนเองให้ทรงตัวได้มั่นคงมากที่สุด แต่ก็เหมือนว่านางถูกสาวใช้คนนี้หิ้วไปอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อหนังท้องอิ่มหนังตาก็เริ่มหย่อน เมื่อได้รับการปรนนิบัติจากสาวใช้ให้นอนลงและห่มผ้าให้กับนาง จากนั้นอู๋เสี่ยวหรันก็เข้าสู่การหลับใหลเป็นครั้งที่สามของวันนี้แล้ว
จนกระทั่งเวลามื้อเย็นเฉิงอ๋องก็มาเพื่อร่วมกินมื้อนี้กับนาง
“หรันเอ๋อร์เจ้าเป็นอย่างไรบ้างยังคงไม่สบายตรงไหนหรือไม่”
“ไม่เลยเพคะ เพียงแต่รู้สึกว่าไม่มีแรงอยู่บ้าง เมื่อกลางวันให้ห้องเครื่องทำน้ำแกงโสมร้อยปีมาให้ แต่ดื่มแล้วก็ไม่เห็นผลอันใด ร่างกายน้องคงจะรับของบำรุงไม่ไหวแล้วจริง ๆ” อู๋เสี่ยวหรันกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
เฉิงอ๋องได้ฟังนางพูดก็ขมวดคิ้วแน่น “ไว้ข้าจะให้คนนำเอาของบำรุงมาไว้ที่ตำหนักเจ้าเลยดีกว่า จะได้ใช้สอยสะดวกขึ้น ต้องการอะไรเพิ่มหรือไม่”
น้ำเสียงของเขายังคงอ่อนโยน แต่อู๋เสี่ยวหรันรู้ว่าสิ่งที่นางต้องการนั้นได้ผลแล้ว จึงเห็นสมควรว่าให้พอเท่านี้ก่อน
“เพียงขอเพิ่มสาวใช้ที่ไว้ใจได้มาเพิ่มอีกสี่ห้าคนก็ดีเพคะ”
“ได้สิ”
“ขอบคุณเพคะ”
แล้วคนทั้งคู่ก็เริ่มกินอาหารกัน มื้อนี้อู๋เสี่ยวหรันกินได้มากทีเดียว ทำให้เฉิงอ๋องกล่าวชมออกมาว่า ถ้านางกินได้แบบนี้ทุกมื้อนางคงจะแข็งแรงขึ้นในเร็ววันแน่นอน หลังจากกินเสร็จเขาก็แยกตัวออกไปทำงานต่อ และนอนพักยังตำหนักของเขา
ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่นางต้องการเช่นกัน คืนนี้เองอู๋เสี่ยวหรันนางต้องการเข้าถึงความทรงจำของร่างนี้เพื่อให้นางใช้ชีวิตเป็น ‘อู๋เสี่ยวหรัน’ ที่แท้จริงได้ง่ายขึ้น
หลังมื้อค่ำเฉิงอ๋องที่แยกตัวออกไปยังห้องทำงานของตนเอง ไม่นานสาวใช้เฝ้าประตูที่เป็นผู้รับใช้อู๋เสี่ยวหรัน ก็เข้ามารายงานสถานการณ์ของวันนี้ทั้งหมดให้เขาฟัง
“ไปตรวจสอบเรื่องโสมซะ”
เขาบอกนางและเงียบไปสักพักจน สาวใช้ผู้นั้นกำลังจะเดินออกไปเพราะคิดว่าเจ้านายไม่น่าจะมีคำสั่งอะไรเพิ่มแล้ว แต่แล้วก็มีเสียงของเขาดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“เจ้าไปหาคนของเราเลือกที่เป็นผู้หญิงมาอีกสามคนที่หน้าตาใช้ได้ แล้วก็หาคนที่รู้เรื่องพิษด้วยแล้วมาพบข้าคืนนี้”
“เพคะ” นางรับคำและออกไปทันที
“จวิ้น”
เฉิงอ๋องส่งเสียงเรียกไม่นานก็มีคนที่แต่งตัวเป็นองครักษ์เปิดประตูเข้ามาทันที เฉิงอ๋องไม่ได้รอให้เขาพูดแต่ออกคำสั่งไปทันที
“หาองครักษ์เงาสิบนายแล้วพามาพบข้า เลือกเอาคนที่ไว้ใจได้ ข้าจะให้ติดตามพระชายา”
“พ่ะย่ะค่ะ” หลี่จวิ้นองครักษ์คนสนิทของเฉิงอ๋องรับคำและเดินออกไปทันที
“หรันเอ๋อร์ข้าหวังว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้เจ้าเข้มแข็งและลุกขึ้นสู้ได้บ้างคงจะดีไม่น้อย” เฉิงอ๋องพึมพำกับตัวเอง
สำหรับน้องสาวคนนี้เขาเป็นห่วงความอ่อนแอของนางยิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือจิตใจ เหตุการณ์ในครั้งนี้หวังว่าจะทำให้นางตาสว่างและลุกขึ้นมาปกป้องตัวเองบ้าง เขาคงไม่สามารถเฝ้าปกป้องนางได้ตลอดเวลา แม้จะอยู่ในเรือนเดียวกันเขายังปล่อยให้นางถูกทำร้ายได้ ตัวเขาเองก็ปล่อยปละละเลยนางมานานมาก ซึ่งนี่ก็เป็นความผิดของเขาด้วยเช่นกัน
และเพื่อให้ท่านแม่และท่านน้าที่อยู่ในปรโลกได้สบายใจ หลังจากนี้เขาจะมอบคนเพื่อปกป้องนางเพิ่มขึ้นอีกก็แล้วกัน หวังว่าท่านแม่คงจะไม่ตำหนิเขาเรื่องที่ผ่านมา
คืนนี้อู๋เสี่ยวหรันไล่คนออกไปทั้งหมด จากนั้นนางจึงขึ้นนั่งบนเตียงของตัวเองหลับตาลงนั่งทำสมาธิ ปัดเรื่องราวทุกสิ่งออกไปจากหัวแล้วพยายามเข้าถึงความทรงจำดั้งเดิมจากร่างนี้ให้ได้
“อู๋เสี่ยวหรันหากเจ้าต้องการให้ข้าทวงคืนแค้นนี้ให้กับเจ้า เปิดทางให้ข้าเถอะให้เข้าถึงความทรงจำของเจ้า”
นางพูดกับอากาศธาตุและพยายามที่จะอยู่ในสมาธิต่อไป เวลาเนิ่นนานผ่านไปก็ยังไม่มีอันใดเกิดขึ้น แต่นางจะยอมแพ้ไม่ได้นางต้องยืนหยัดนั่งสมาธิต่อไป ไม่รู้ว่านั่งอยู่นานเพียงใด แต่ดูเหมือนว่าร่างกายแสนอ่อนแอนี้ จะไม่ให้ความร่วมมือสักเท่าไร ในที่สุดนางก็ฝืนร่างกายไว้ไม่ไหว ล้มตัวลงนอนและสติก็ดับวูบไป
“พระชายาเพคะหม่อมฉันขออนุญาตเข้าไปนะเพคะ” เสียงของสาวใช้ดังแว่วมาจากประตูหน้าห้อง
อู๋เสี่ยวหรันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองอย่างยากลำบาก นางรู้สึกหนักอึ้งและปวดตามแขนขารวมทั้งหลังเป็นอย่างมาก คาดว่าน่าจะมาจากการที่นางไม่ยอมนอนพักให้ดี แต่กลับฝืนร่างกายเพื่อนั่งสมาธิเข้าถึงความทรงจำของร่างกายนี้มากเกินไป
“เข้ามาได้”
ในที่สุดก็สามารถเปิดปากพูดด้วยเสียงแหบแห้งและเบามาก แต่ถึงแม้กระนั้นสาวใช้ก็ยังได้ยินเสียงของนางและเดินเข้ามาด้านใน
เมื่อเปิดประตูนำแสงสว่างจากด้านนอกส่องเข้ามาสาวใช้เห็นใบหน้าของพระชายาดูซีดเซียวลงอีกครั้ง และดูเหมือนว่านางจะสามารถล้มตัวลงไปได้ทุกขณะ สาวใช้จึงรีบเร่งฝีเท้าเข้ามาพร้อมกับประคองตัวของพระชายาเอาไว้
“ท่านดูไม่ค่อยดีเท่าไรหม่อมฉันจะไปตามท่านหมอมาเดี๋ยวนี้ พระชายารอสักครู่นะเพคะ”
สาวใช้ที่เข้ามาประคองตัวของอู๋เสี่ยวหรันที่กำลังค่อย ๆ ยันตัวเองให้ลุกขึ้น ยังคงเป็นสาวใช้คนเดิมที่นางได้เห็นตั้งแต่เมื่อวันวาน สีหน้าของสาวใช้ดูตกใจและเป็นห่วงนางเป็นอย่างยิ่ง
“ไม่ต้องตามใครทั้งนั้นข้าแค่รู้สึกปวดเมื่อยเท่านั้นคงเป็นเพราะนอนบนเตียงนานเกินไป”
“ถ้าเช่นนั้นพระชายานั่งพิงตรงนี้สักครู่เพคะ หม่อมฉันจะไปรินน้ำชาอุ่น ๆ” หลังพูดจบนางก็เดินออกไป ไม่นานมากก็กลับมาพร้อมกับกาน้ำชาที่ยังมีไอร้อนพวยพุ่งออกมาให้เห็น
เมื่อได้จิบน้ำชาอุ่น ๆ ไปหลายอึกแล้วก็รู้สึกว่าคอที่แห้งผากของนางได้รับความชุ่มชื้นขึ้นในทันตา
“น้ำชานี่ผสมสิ่งใดลงไปหรือ ดื่มแล้วรู้สึกชุ่มคอยิ่งนัก”
“นี่เป็นชาผสมดอกบวบและน้ำผึ้งเล็กน้อยเพคะ”
“เจ้ารู้เรื่องสมุนไพรด้วยหรือ”
“ตัวของหม่อมฉันรู้เพียงเล็กน้อย แต่ว่ามีสาวใช้ที่ท่านอ๋องประทานมาเพิ่มนางรู้เรื่องสมุนไพรเป็นอย่างดี น้ำชานี้นางก็เป็นผู้จัดเตรียมด้วยเพคะ”
“ขอบใจมาก” อู๋เสี่ยวหรันพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“มาช่วยข้าแต่งกายเถิด อยากล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นสักหน่อย”
สาวใช้เข้ามาช่วยนางให้นั่งลง และหันหลังออกไปเตรียมอ่างที่ทำจากทองเหลืองขัดมันวาวเข้ามาเพื่อให้นางได้ใช้งาน
“เช้านี้พระชายาจะเสวยที่ห้องนี้หรือห้องโถงดีเพคะ”
“ท่านอ๋องล่ะ”
“ท่านอ๋องเข้าวังตั้งแต่เช้าแล้วเพคะมีรับสั่งให้ท่านไม่ต้องรอ”
“เข้าใจแล้วถ้าเช่นนั้นก็กินมื้อเช้าในห้องนี้เลยแล้วกัน”
สาวใช้ผงกหัวรับจากนั้นนางก็หันหลังไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อนำเสื้อผ้าออกมาให้เจ้านายผลัดเปลี่ยน
“วันนี้พระชายาจะสวมชุดสีอะไรดีเพคะ”
อู๋เสี่ยวหรันมองตามเสียงของสาวใช้ก็เห็นว่านางหยิบชุดสีขาวและสีฟ้าอ่อนออกมา เมื่อเห็นสีสันและรูปแบบของเสื้อผ้านางแทบอยากจะกลอกตาให้กับความจืดชืดนี้เสียจริง
อีกอย่างชุดสีฟ้าอ่อนนี้ทำให้นางนึกถึงญาติฝ่ายหญิงที่ร่วมมือกันทรยศหักหลังของนางในชาติก่อน หญิงนางนั้นก็ชอบแต่งกายด้วยชุดสีอ่อนหวานแบบนี้เช่นกัน
“สีขาวก็แล้วกัน” ในที่สุดนางก็ต้องตัดสินใจ
หลังจากผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว สาวใช้ก็ออกไปเตรียมสำรับอาหารพร้อมกับยาเข้ามาด้านใน
อู๋เสี่ยวหรันมองไปยังกระจกทองเหลืองที่ตั้งอยู่ตรงหน้า มันถูกขัดจนขึ้นเงาสามารถสะท้อนใบหน้าได้อย่างชัดเจน ใบหน้าของนางตอนนี้คล้ายกับโครงกระดูกเดินได้ก็มิปาน มองดูมือเรียวที่มีแต่หนังหุ้มกระดูกยกขึ้นมาลูบไล้ตามใบหน้าใหม่ที่ไม่คุ้นเคย
เมื่อครั้งที่นางยังอยู่ในร่างเก่า แม้จะเป็นหญิงสาวอายุไม่น่าจะมากไปกว่าพระชายาเอกคนนี้นัก แต่นางนั้นเป็นนักรบรูปร่างแม้จะบอบบางสมส่วนเหมือนกับสตรีทั่วไป แต่ภายใต้รูปร่างอันผอมเพรียวนี้มันเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่สวยงาม