บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 12 ขนมทังหยวนสื่อรัก

“อ๋อเรื่องนี้นั่นเอง ก่อนหน้านี้หากมีการเลี้ยงประเภทนี้ท่านจัดการอย่างไร ก็ให้ทำเช่นนั้นเถิด เพียงแต่ครั้งนี้ขอให้จัดเป็นการส่วนตัวภายในจวนเท่านั้น มิต้องเชิญแขกจากภายนอกมา”

“ขอบังอาจสอบถามพระชายาเพคะ เหตุใดถึงมิให้จัดงานอย่างเอิกเกริกและเชิญผู้อื่นจากภายนอกมา” อนุซ่งเป็นผู้สอบถาม

เหมยฮวาพูดโดยไม่ขยับปากบอกกับอู๋เสี่ยวหรันว่า อนุซ่งนางนี้เป็นพวกเดียวกันกับพระชายารองโจว

อู๋เสี่ยวหรันไม่ได้ตอบคำถามของอนุซ่งผู้นี้โดยทันที แต่นางหันไปมองหน้าและสบตาของอนุซ่ง ยกยิ้มบางเบาอยู่ชั่วอึดใจ จนกระทั่งอู๋เสี่ยวหรันเห็นว่าสีหน้าของอนุซ่งดูไม่เป็นธรรมชาติเช่นเดิมแล้ว จึงเปิดปากพูดออกมาว่า “แล้วอนุซ่งคิดว่าต้องเชิญใครมามากน้อยเพียงใด”

อนุซ่งที่หลงคิดว่าพระชายากำลังปรึกษาเรื่องนี้กับตนเอง นางจึงยืดหลังตรง เชิดหน้าขึ้นและตอบคำถามอย่างมั่นอกมั่นใจ

“การที่ครั้งนี้ท่านอ๋องเดินทางไปยังต้าเลี่ย เพื่อเป็นตัวแทนพระองค์มอบของขวัญอวยพรฮองเฮาองค์ใหม่ หน้าที่อันเป็นเกียรติสูงสุดเช่นนี้สมควรป่าวประกาศให้รับทราบกันโดยทั่วไป ข้าเห็นควรว่าให้เชิญท่านอ๋องคนอื่น ๆ ขุนนางระดับสูงและคนจากบ้านเดิมของพวกเราทุก ๆ คนมาร่วมงานนี้ด้วยเพคะ”

หลังจากพูดจบนางก็ยิ้มและส่งสายตาว่าอยู่เหนือกว่าไปยังอนุทั้งสอง ที่มิได้เปิดปากพูดสิ่งใด

“พระชายารองเองก็เห็นเช่นนั้นหรือ” อู๋เสี่ยวหรันหันไปถามโจวเพ่ยเพ่ย

“ในเรื่องของภารกิจที่สำคัญของท่านอ๋องในครั้งนี้หม่อมฉันเห็นด้วยกับอนุซ่งเพคะ เพียงแต่มิต้องเชิญบ้านเดิมของพวกเรามาร่วมด้วย”

“เพราะเหตุใดหรือ”

“เกรงว่าครอบครัวอันต่ำต้อยของพวกเราจะมารบกวนความรื่นเริงบันเทิงใจของแขกท่านอื่นได้เพคะ”

ฟังดูก็รู้ว่าพระชายารองคนนี้จิกกัดเหล่าอนุทั้งสามที่นั่งอยู่ในห้องนี้ รู้ทั้งรู้ว่านางมาจากตระกูลอันสูงส่ง แน่นอนว่าครอบครัวอันต่ำต้อยที่นางพูดถึงก็ต้องเป็นครอบครัวของอนุทั้งสามอย่างแน่นอน

อนุหลีและอนุหยางที่ก้มหน้าอยู่แล้วหลังจากได้ยินสิ่งที่พระชายารองกล่าว ก็เงยหน้าขึ้นมามอง แต่แล้วก็ก้มลงเช่นเดิมอย่างรวดเร็ว แต่อู๋เสี่ยวหรันที่หูตาว่องไวนางเห็นว่า อนุหยางมีสายตาที่ไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่เพียงพริบตาเดียวก็หายไปอย่างรวดเร็ว

“ถ้าอย่างนั้นข้าขอคุยเรื่องนี้กับท่านอ๋องก่อน เรื่องนี้เกี่ยวกับท่านโดยตรง เพราะฉะนั้นควรสอบถามความเห็นชอบก่อนจะดีกว่า” อู๋เสี่ยวหรันตัดจบเรื่องนี้ลง

“มอบหน้าที่นี้ให้เป็นของหม่อมฉันเองเถิดเพคะ อย่างไรเสียหม่อมฉันก็ยังเป็นผู้ดูแลจวนแห่งนี้ ควรจะเป็นผู้สอบถามกับท่านอ๋องด้วยตัวเอง มิรบกวนเวลาพักฟื้นของพระชายาเพคะ” ชายารองโจวรีบกล่าวขึ้นมาทันทีที่อู๋เสี่ยวหรันพูดจบ

“อืมได้สิ หากจะจัดการแบบใดให้คนมาส่งข่าวให้ข้าด้วย”

อู๋เสี่ยวหรันรับปากนางอย่างง่ายดาย และยังคงมีสีหน้าอมยิ้มอยู่เช่นเดิม มิได้แสดงความไม่พอใจใด ๆ ออกมา

“ถ้าเช่นนั้นพวกหม่อมฉันขอตัวลาก่อนเพคะ” ยังคงเป็นชายารองที่ออกปากกล่าวลา หลังจากนั้นคนทั้งหมดก็ลุกขึ้นเดินออกไป มีเพียงอนุที่สองหรืออนุหลีที่หันกลับมามองอู๋เสี่ยวหรันเป็นครั้งคราว ราวว่ายังมีสิ่งใดติดในใจแต่ก็มิได้พูดสิ่งใด

“พระชายาเพคะเหตุใดท่านไม่กลับมาดูแลจวนด้วยตัวเองเพคะ” เหลียนฮวาผู้ปากไวที่สุดถามนางขึ้นมา

“เอาเป็นว่าตอนนี้ข้าขอตัวดูแลตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัยและแข็งแรงกว่านี้ก่อน จากนั้นเราค่อยทวงสิ่งที่เป็นของเราคืนมา ปล่อยให้พวกนางปีนขึ้นไปให้สูงกว่านี้อีกสักหน่อย เวลาที่ตกลงมาจะได้ไม่ต้องลุกขึ้นมาอีก”

ดวงตาของอู๋เสี่ยวหรันแข็งกร้าวขึ้นมาทันที ทำให้เหมยฮวาที่อยู่ใกล้นางที่สุด ได้เห็นแววตานั้นก็ทำให้ใจของนางสั่นไหวขึ้นมาทันทีเพราะแววตาของพระชายาน่ากลัวยิ่งนัก

หลังออกจากตำหนักเจินจู อนุซ่งก็เดินตามชายารองโจวไป ส่วนอนุอีกสองคนที่เหลือก็แยกตัวกลับไปยังเรือนของตน

“พระชายารองท่านจะไปพบท่านอ๋องเลยหรือไม่เจ้าคะ”

อนุซ่งถามออกไประหว่างที่นางเดินตามหลังพระชายารองโจวไป โดยที่นางไม่ได้เห็นสีหน้าเย้ยหยันจากโจวเพ่ยเพ่ย ก่อนที่จะหันมายิ้มบางเบาให้อนุซ่งแล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“มีอะไรอย่างนั้นหรือ หรือว่าอนุซ่งอยากติดตามไปพบท่านอ๋องด้วย”

อนุซ่งได้ฟังคำกล่าวเช่นนั้นจากพระชายารอง ก็ให้ตกใจไม่คิดว่านางจะถามออกมาตรง ๆ เช่นนี้

“ไม่ ๆ มิใช่เจ้าค่ะ ที่ข้าอนุผู้ต่ำต้อยถามเช่นนั้นเป็นเพราะไม่อยากให้ พระชายาอู๋ชิงตัดหน้าเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาท่านอ๋องก่อนท่าน ตอนนี้พระชายาอู๋ดูแข็งแรงขึ้นมาก ไม่แน่ว่านางอาจจะขอกลับมาดูแลจวนก็ได้นะเจ้าคะ”

อนุซ่งยิ่งพูดถึงประโยคท้าย ๆ เสียงของนางก็เบาลงเรื่อย ๆจนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ

โจวเพ่ยเพ่ยได้ยินสิ่งที่อนุซ่งบอก นางเองก็เริ่มคิดตามและก็เห็นว่ามีเหตุผล

“ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล แต่นางจะหายดีแน่หรือ หึ หึ”

“นั่นสิเจ้าคะร่างกายอ่อนแอมานาน หากไม่มีนางสักคนท่านต้องได้ขึ้นเป็นพระชายาเอกอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ คุณหนูสูงศักดิ์เช่นท่านสมควรนั่งอยู่ในตำแหน่งอ๋องเฟยมากกว่า”

อนุซ่งเห็นว่าตนเองสามารถกลบเกลื่อน เรื่องที่จะติดตามไปพบท่านอ๋องได้แล้ว นางก็รีบประจบประแจงโจวเพ่ยเพ่ยทันที

“ช่วงนี้ท่านอ๋องไม่ค่อยอยู่ที่ตำหนักเลย แต่เห็นว่าท่านอ๋องไปร่วมมื้ออาหารที่ตำหนักเจินจูเกือบทุกคืน หรือว่าข้าจะไปขอพบท่านอ๋องที่นั่นดีนะ อ่า...จริงสิท่านอ๋องทรงโปรดขนมทังหยวนน้ำขิงเป็นพิเศษใช่หรือไม่เยว่จู”

“ใช่แล้วเจ้าค่ะครั้งก่อนที่ท่านอ๋องมาที่ตำหนักเยว่กวางก็เสวยได้หลายคำเลยเจ้าค่ะ”

โจวเพ่ยเพ่ยแสร้งพูดออกมาลอย ๆ โดยไม่มีต้นสายปลายเหตุส่วนเยว่จูสาวใช้ก็รับคำอย่างรู้ความ เมื่อได้เห็นว่าดวงตาของอนุซ่งเป็นประกาย นางก็รู้ว่ามีคนติดกับแล้ว

“อนุซ่งหากไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็กลับเรือนไปเถิด ข้าเหนื่อยแล้วจะกลับไปพักผ่อน ช่วงบ่ายต้องตรวจบัญชีอีก เฮ้อ ช่างเหนื่อยเสียจริง”

โจวเพ่ยเพ่ยไม่รอคำตอบจากอนุซ่ง นางอมยิ้มและเดินนำหน้าไปภายใต้การประคองของเยว่จู

ทางด้านของอนุที่สองหลีอันอัน และอนุสามหยางเจินเจีย พวกนางทั้งสองต้องเดินไปทางเดียวกัน เพราะพวกนางพักอยู่เรือนข้าง ๆ กัน และทั้งสองก็ค่อนข้างจะสนิทสนมกันเป็นอย่างดี เพราะคนทั้งคู่ไม่ได้ร่วมเข้าแย่งชิงความโปรดปรานจากท่านอ๋อง เพียงอยู่ที่เรือนอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวเท่านั้น

“เจินเจียอันที่จริงเจ้ากับท่านอ๋องก็เป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่วัยเด็กเหมือนกันไม่ใช่หรือ”

อนุหยางได้ยินคำถามนางก็หยุดเดินแล้วหันมาพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “อันอันถึงแม้ว่าข้าเองก็จะเป็นญาติเหมือนกัน แต่อย่าลืมสิว่าตัวข้านั้นเกิดจากมารดาที่เป็นอนุ ทั้งบิดาก็เป็นเพียงบ้านสายรองก็เท่านั้น เจ้าต้องการจะพูดอะไรกันแน่”

อนุหลีมองหน้าสหายแล้วก็ถอนใจออกมา “ข้ารู้นะว่าเจ้าก็ชื่นชอบท่านอ๋องอยู่ไม่น้อย หากเจ้าไม่นำความสนิทสนมในวัยเด็กมาเป็นข้ออ้าง ชาตินี้อย่าหวังว่าจะได้แนบชิดกับท่านอ๋องเลย”

แล้วอนุหลีก็ถอดหายใจอีกครั้ง ก่อนจะจับจูงแขนของอนุหยางให้เริ่มออกเดินอีกครั้ง “ที่ข้าพูดก็เพราะเป็นห่วงเจ้าในฐานะสหาย เจ้าคิดดูสิหากพวกเรามีทายาทเป็นของตนเอง ในตำหนักนี้ก็จะมีที่ยืนให้พวกเรามากยิ่งขึ้น”

อนุหยางได้ฟังก็ตกใจรีบเอามือมาตบบนหลังมือของอนุหลีสองสามครั้ง “เจ้าอย่าเสียงดังไปสิ! ตามกฎมณเฑียรบาลแล้ว หากพระชายาเอกไม่คลอดบุตรหรือบุตรีคนแรกพวกเราที่เป็นอนุก็อย่าหวัง”

“แต่พระชายาเอกอู๋อ่อนแอขนาดนั้น เมื่อไรนางจะมีทายาทได้กัน”

“อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลยกลับไปเรือนเถอะ หูตามีอยู่ทั่วไปหากมีใครได้ยินจะเดือดร้อนเอาได้”

ทั้งคู่หยุดการพูดคุยเรื่องของเบื้องสูงไว้เพียงเท่านั้น และเปลี่ยนเป็นเรื่องลมฟ้าอากาศแทน โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นแววตาที่กลิ้งกลอกไปมาของอนุหยาง

ณ ห้องทำงานของเฉิงอ๋อง เขานั่งอยู่ตรงโต๊ะเขียนอักษร โดยมีองครักษ์คนสนิททั้งสามนั่งอยู่ภายในห้องด้วย

“เรื่องที่ชายแดนไปถึงไหนแล้ว” เฉิงอ๋องถาม

“เรียนท่านอ๋องตอนนี้กองกำลังที่ชายแดนเตรียมการไว้พร้อมสรรพแล้ว รอเพียงแต่ลมตะวันออกพัดผ่านเท่านั้น ก็จะสามารถเริ่มแผนได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”

“ดี” เฉิงอ๋องตอบ

“หากสายข่าวที่วางไว้ไม่มีอะไรผิดพลาด กระหม่อมคิดว่าในจวนของแม่ทัพเผิง เอ่อ อดีตเผิงฮองเฮาจะต้องมีห้องลับที่นางใช้เก็บสารลับและแผนที่ของต้าเลี่ยโดยละเอียดไว้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

องครักษ์คนเดิมยังกล่าวรายงานต่อไป

“คิดว่าซือหม่าหวงตี้ต้องส่งคนเข้าไปรื้อค้นจนทะลุปรุโปร่งทุกส่วนแล้วเป็นแน่” องครักษ์อีกคนวิเคราะห์

“นั่นก็ยังไม่แน่ว่ากันว่า ‘กระต่ายเจ้าเล่ห์มีสามโพรง’ แล้วคนเจ้าแผนการอย่างเผิงฮองเฮาจะมีโพรงเดียวได้อย่างไร ไปต้าเลี่ยครั้งนี้กระหม่อมเข้าไปตรวจสอบจวนแม่ทัพเผิงเองพ่ะย่ะค่ะ”

“จวิ้นครั้งนี้เจ้าไม่ต้องเดินทางไปกับข้า ให้อยู่ช่วยพระชายาอู๋ที่นี่ และจับตาดูตำหนักรองด้วย อย่าให้นางได้ออกลวดลายมากนัก หากนางไม่มีประโยชน์ข้าเองก็ไม่อยากเก็บเอาไว้”

เฉิงอ๋องสั่งอีกครั้ง

“แต่ว่า…”

“ไม่มีแต่เจ้าอยู่ทางนี้คอยขัดแข้งขัดขารัชทายาทด้วย ช่วงนี้เขาดูจับจ้องกิจการของพวกเรามากเกินไปแล้ว”

“พ่ะย่ะค่ะ” หลี่จวิ้นรับคำอย่างไม่เต็มใจเท่าไรนัก

หลังจากนั้นพวกเขาก็ยังถกเรื่องต่าง ๆ กันจนถึงเวลาที่จะต้องกินมื้อเย็นพอดี วันนี้เฉิงอ๋องเลือกที่จะไปกินมื้อเย็นพร้อมกับอู๋เสี่ยวหรันที่ตำหนักของนาง

“พระชายาท่านอ๋องมาแล้วเพคะ” เสียงเหลียนฮวารายงานมาจากหน้าห้องโถง ตามมาด้วยตัวของเฉิงอ๋องที่เดินเข้าห้องมา

อู๋เสี่ยวหรันโบกมือให้ทุกคนออกไป นางไม่ชอบให้ใครป้อนข้าวป้อนน้ำให้แก่นาง จากนั้นจึงเชิญเฉิงอ๋องนั่งลงตรงตำแหน่งของเขา

“พี่เสวี่ยเยวียนวันนี้ไม่ได้ออกไปไหนหรือเจ้าคะ” อู๋เสี่ยวหรันถามก่อนจะเริ่มกิน

“ช่วงนี้ข้าเตรียมการเรื่องที่จะเดินทางไกล อาจจะไม่ค่อยมีเวลามากินข้าวร่วมกับเจ้าบ่อย ๆ”

“มิเป็นไรเจ้าค่ะท่านทำเรื่องสำคัญเถิด ตัวข้าอยู่ทางนี้มีพวกเหมยฮวาอยู่ด้วยก็ไม่เหงาเท่าไรแล้วเจ้าค่ะ”

อู๋เสี่ยวหรันพูดพร้อมกับเริ่มคีบเนื้อหมูที่ตุ๋นมาจนนิ่มแทบละลายในปากใส่ลงในถ้วยของเขาพร้อมรอยยิ้ม

“ท่านลองชิมหมูตุ๋นน้ำแดงนี่ดูเจ้าค่ะ ฝีมือของไป๋หลานนางดีขึ้นทุกวัน”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel