ตอนที่ 11 อนุทั้งสาม
“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ พระชายาอย่าทำให้บ่าวอายุสั้นเลย เป็นบ่าวก็สมควรรอเจ้านายนั่นเป็นสิ่งสมควรแล้ว ขอพระชายาอย่าได้ใส่ใจเลย ที่กระหม่อมมารบกวนวันนี้มีชุดใหม่และอาภรณ์มาส่งที่จวน กระหม่อมจึงได้นำมันมาเพื่อส่งมอบให้พระชายาด้วยตัวเองพ่ะย่ะค่ะ”
พ่อบ้านโม่ประสานมือขึ้นมา แล้วผายมือไปยังด้านของกล่องที่วางอยู่ประมาณสี่ถึงห้ากล่องได้ แต่ละกล่องล้วนมีลวดลายงดงามมีสัญลักษณ์ของแต่ละร้านประทับอยู่ เพื่อให้ผู้รับแยกแยะได้
“เมื่อส่งของเรียบร้อยแล้วกระหม่อมขอตัวลาพ่ะย่ะค่ะ”
“เชิญเถิดพ่อบ้านโม่” อู๋เสี่ยวหรันอมยิ้มเล็กน้อยดูเป็นหญิงมีมารยาทรู้ความ แต่รอยยิ้มนี้เมื่อพ่อบ้านโม่เป็นผู้มองมัน ทำให้เขาขนลุกวาบที่สันหลัง อยู่ ๆ ก็รู้สึกถึงความหนาวแปลก ๆ ยิ่งเขามองรอยยิ้มนั้น ยิ่งเหมือนเขากำลังแหวกหน้าอกเปิดเผยความลับและตัวตนทั้งหมดให้กับนางได้ล่วงรู้
พ่อบ้านโม่ไม่รอช้า ยกมือประสานทำความเคารพ แล้วถอยออกจากตำหนักไปทันที พร้อมกับบ่าวทั้งหลายที่ขนของมา
“พ่อบ้านโม่คนนี้มีประวัติอย่างไรนะ” อู๋เสี่ยวหรันถามขึ้นระหว่างที่นางเริ่มให้สาวใช้เปิดหีบออก
“ขออนุญาตพระชายาเล่าเรื่องของพ่อบ้านโม่เจ้าค่ะ” เป็นเหมยฮวาคุกเข่านั่งบนพื้นข้าง ๆ นาง
เมื่ออู๋เสี่ยวหรันพยักหน้าให้นาง ระหว่างที่มือเรียวงามของนางหยิบชุดสีแดงเลือดนกขึ้นมา แล้วส่งให้กับเหลียนฮวาที่ยืนอยู่ ให้นางคลี่ชุดออกเพื่อดูชัด ๆ
“พ่อบ้านโม่เขาเป็นรุ่นลูกของอดีตพ่อบ้าน ที่ติดตามมาตั้งแต่สมัยของบิดาของท่านอ๋อง เมื่ออดีตพ่อบ้านเริ่มแก่ตัวลง ก็เป็นพ่อบ้านโม่คนปัจจุบันเป็นผู้รับตำแหน่งต่อ
โดยปกติพ่อบ้านคนนี้ทำงานได้ดี จัดการงานต่าง ๆ ได้เหมาะสม ไม่เคยมีเรื่องร้องเรียนจากบ่าวไพร่เลย แต่เมื่อประมาณห้าถึงหกปีก่อน ตอนที่พระชายารองโจวเข้ามาในจวนอ๋องแห่งนี้ และเริ่มรับหน้าที่ดูแลจวน พ่อบ้านโม่ก็เริ่มที่จะเอนเอียงและเอื้อผลประโยชน์ให้กับทางนั้นมากขึ้นเจ้าค่ะ”
“เหตุใดตอนนั้นข้าถึงไม่ได้ดูแลจวนกันนะ” อู๋เสี่ยวหรันถาม
“ตั้งแต่พระชายารองเข้ามาในจวนอ๋องได้ไม่นาน ท่านก็เริ่มล้มป่วย เริ่มแรกจากเจ็บไข้เล็ก ๆ น้อย ๆจนกระทั่งกลายเป็นโรคประจำตัว ท่านทำอันใดนิด ๆ หน่อย ๆ ก็จะเหนื่อยหอบ ท่านอ๋องเห็นดังนั้นจึงให้ท่านพักรักษาตัวให้ดี และทรงมอบหมายให้พระชายารองดูแลเรื่องในจวนแทนเจ้าค่ะ”
“อ่อ ข้าก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย ส่งคนไปจับตาดูพ่อบ้านและคนสนิทของเขาไว้ด้วย” อู๋เสี่ยวหรันกล่าว
“เจ้าค่ะ” เหมยฮวาตอบ
“ไอหยา…พระชายาชุดนี้งดงามมากเลยเจ้าค่ะ หากท่านได้สวมใส่จะต้องงดงามโดดเด่นเป็นราวกับนางฟ้านางสวรรค์แน่นอน” เหลียนฮวานำชุดสีแดงที่ดูโดดเด่นที่สุดขึ้นมาแล้วกางออก
“หึ หึ เหลียนฮวาของเราปากหวานจริง ๆ ข้าไม่อยากเป็นหรอกนางฟ้า” อู๋เสี่ยวหรันแสยะยิ้มออกมา
ชุดแรกนี้เป็นชุดสีแดงเลือดนก ชายแขนเป็นทรงป้านกว้าง ชายผ้าปักลวดลายสมหวังด้วยสีขาวสลับดิ้นเงิน ปกเสื้อปักลายผีเสื้อหยอกล้อกับกล้วยไม้สีชมพูและขาวนวล แถบกับเอวปักเป็นลวดลายสอดคล้องกันเสริมด้วยไหมสีทองและยังมีเกาะอกตัวในที่เป็นสีเลือดนกเรียบ ๆ แต่มีการจับจีบเป็นชั้น ๆ ทำให้ดูหน้าค้นหามากยิ่งขึ้น
“หากชุดนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงสด ปักด้วยลายหงส์สีทองคงต้องเป็นชุดแต่งงานที่งดงามที่สุดเลยนะเจ้าคะ” หวงหลานที่มองด้วยดวงตาเปล่งประกายกล่าวชมออกมา
“หากพวกเจ้าทั้งห้ามีคนใดคนหนึ่งแต่งงาน ข้าก็จะตัดชุดเจ้าสาวที่งดงามเช่นนี้ให้กับทุกคนเช่นกัน” อู๋เสี่ยวหรันกล่าวหยอกล้อสาวใช้ของนาง
ทำให้แต่ละคนนั้นม้วนอายยกมือโบกปฏิเสธกันพัลวัน ว่าพวกตนไม่ต้องการแต่งงาน ทำให้อู๋เสี่ยวหรันหัวเราะออกมาในความน่าเอ็นดูของพวกนาง การที่ได้อยู่กับสาว ๆ ที่จงรักภักดีเช่นนี้ช่างทำให้นางอารมณ์ดียิ่งนัก
ภายในห้องโถงของตำหนักพระชายาเอกแห่งจวนเฉิงอ๋อง เต็มไปด้วยเสียงแห่งความสนุกสนาน เสียงพูดคุยหัวเราะคิกคักและเสียงฮือฮาเป็นบางครั้ง เพื่อชื่นชมความงามของชุดใหม่ที่เพิ่งจะมาส่งถึงจวนในวันนี้ เหล่าสาวใช้ทั้งห้าแทบรอไม่ไหวที่จะให้พระชายาของพวกตนได้สวมใส่
“วันนี้บ่าวนำเสื้อผ้าทั้งหมดไปทำความสะอาด อบควันหอมก่อนนะเจ้าคะ” ไป๋หลานและหวงหลานยกของที่เป็นผ้าทั้งหมดออกไป จากนั้นเหมยฮวาจึงนำหีบเครื่องประดับออกมาวางตรงหน้าอู๋เสี่ยวหรัน
“พ่อบ้านแจ้งว่าส่วนที่นำมาส่งวันนี้เป็นเพียงครึ่งหนึ่งที่ท่านต้องการเท่านั้นเจ้าค่ะ อีกห้าวันร้านเครื่องประดับจะนำมาส่งเพิ่มอีก เพราะพวกเขาต้องการทำผลงานชิ้นพิเศษให้พระชายาเอกเจ้าค่ะ”
เหมยฮวาเปิดกล่องทั้งสามไปด้วยและบอกกล่าวเรื่องราวไปด้วย
อู๋เสี่ยวหรันมองไปยังแต่ละกล่อง โดยไม่ได้เลือกหยิบชิ้นใดออกมา ตรงหน้ามีปิ่นทอง ปิ่นหยก หวีที่ตกแต่งด้วยอัญมณีหลากสี หยกประดับเอว เข็มขัดและสิ่งของแปลกตาอย่างหนึ่ง ลักษณะเป็นหยกสีขาวมันแพะแกะสลักเป็นรูปดอกบัว มีลูกปัดที่ทำมาจากหยกเช่นเดียวกันร้อยเป็นเส้นยาวสามเส้น ส่วนปลายของแต่ละเส้นถูกห้อยไว้ด้วยแผ่นทองที่ทำออกมาเป็นรูปกลีบดอกบัวนางเลือกหยิบสิ่งนั้นขึ้นมา
“นี่เรียกว่าอะไรหรือ”
“นี่เป็นเครื่องประดับที่ร้านฝู่หร่งออกมาใหม่เรียกว่า ‘ยาจิ่น’ เจ้าค่ะ ใช้ประดับตรงคอเสื้อหรือแถมผ้ารัดอก สิ่งนี้กำลังเป็นที่ต้องการของหญิงสาวทั่วเมืองหลวงเลยนะเจ้าคะ หลายคนไม่สามารถหาซื้อได้ต้องรอเท่านั้น” ดวงตาของเหลียนฮวาดูเป็นประกาย
“ร้านฝู่หร่งเป็นหนึ่งในกิจการของซ่งฮูหยินเจ้าค่ะ ว่ากันว่านางติดตามสามีที่เปิดสำนักคุ้มภัยไปทั่วทิศ จึงได้เห็นสิ่งสวยงามและแปลกตาจำนวนมาก ไม่แปลกเลยที่นางจะมีความสามารถทำให้ร้านฝู่หร่งที่เพิ่งเปิดมาไม่ถึงปีโด่งดังได้” เหมยฮวาบอก
“ดีจังเลยนะเจ้าคะ พระชายาจะต้องเป็นผู้ที่ได้ใช้ยาจิ่นนี้เป็นคนแรก ๆ” เหลียนฮวาพูดเสริม
ฟังจบอู๋เสี่ยวหรันก็วางมันกลับลงกล่องไปเช่นเดิม ใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยเช่นเดิม
“เอาทั้งหมดนี่ไปเก็บไว้ก่อน ข้าจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย”
พูดจบนางก็ลุกขึ้นแต่ยังไม่ทันได้เดินไปที่ไหน หวงหลานก็เดินมารายงานก่อน
“พระชายารองและอนุทั้งสามมาขอเข้าพบ ตอนนี้รออยู่ที่ห้องโถงเจ้าค่ะ”
อู๋เสี่ยวหรันแม้จะแปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังต้องพบพวกนางเหล่านั้นอยู่ดี
“ได้สิบอกให้พวกนางรอสักครู่ ข้าขอผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
หลังจากผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สมกับฐานะพระชายาเอก และใช้เครื่องประดับใหม่ที่เพิ่งได้มา ใช้เวลาราว ๆ สองเค่อได้ จากนั้นจึงเดินเข้าไปในห้องโถง
ตรงทางเข้านางพบบรรดาสาวใช้ที่ยืนรอเจ้านายอยู่หน้าห้องประมาณสิบกว่าคนได้
ทุก ๆ คนเมื่อเห็นว่าอู๋เสี่ยวหรันเดินเข้ามาต่างแหวกทางออก แล้วโค้งคำนับพร้อม ๆ กัน อู๋เสี่ยวหรันจึงโบกมือให้ทุกคนแยกย้ายกันไป
นางก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามา ทุกคนที่อยู่ในห้องก็ลุกขึ้นมาแล้วย่อตัวลงเท่านั้น
ถึงแม้ว่าท่าทางและน้ำเสียงของพวกนางจะดูอ่อนน้อม แต่ไม่มีใครคุกเข่าลงแม้แต่คนเดียว อู๋เสี่ยวหรันรู้ว่าหญิงสาวเหล่านี้มิได้เห็นนางเป็นพระชายาเอก แต่เรื่องนี้นางก็จะปล่อยผ่านไปชั่วคราวก่อน เรื่องนี้นางค่อยรวบยอดทีเดียว
อู๋เสี่ยวหรันเดินขึ้นไปยังตำแหน่งที่นั่งประธานแล้วนั่งลง หญิงสาวทั้งสี่เดินขึ้นหน้ามายืนเรียงหน้ากระดาน โดยมีพระชายารองยืนอยู่ด้านหน้าอนุทั้งสามอีกประมาณครึ่งก้าว
“ถวายพระพรพระชายาเพคะ” หญิงทั้งสี่กล่าวออกมาพร้อมกัน
อู๋เสี่ยวหรันกวาดตามองทุกคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้านางตอนนี้ บางคนก้มหน้าลง บางคนก็เงยหน้าขึ้นมามองอู๋เสี่ยวหรันตรง ๆ อย่างไม่เกรงกลัว
นางได้รับรายงานจากองครักษ์เงาแล้ว ว่าแต่ละคนในนี้เป็นใครมาจากไหนรวมถึงภาพเหมือนอีกด้วย ตอนนี้ที่อู๋เสี่ยวหรันเห็นตัวจริง นางจึงรู้ได้ทันทีว่าใครเป็นใคร
อนุที่หนึ่งมาจากจวนเจ้ากรมพิธีการ นางมีนามว่า ‘ซ่งหลิว’ นางเป็นคนผิวขาว เอวบางร่างน้อย หน้าอกหน้าใจไม่ค่อยมีสักเท่าไร ใบหน้าเล็กเป็นคนปากนิด จมูกหน่อย ตากลมแต่ไม่โตมาก รวม ๆ แล้วเหมือนเด็กที่ดูน่ารักบอบบางหน้าทะนุถนอมคนหนึ่ง แววตานางดูมีความซุกซนและอิจฉาริษยาอยู่ในที
อนุที่สองเป็นบุตรสาวลูกของภรรยาเอก แต่เป็นบุตรจากบ้านสายรองของจวนมหาอำมาตย์หลี มีนามว่า ‘หลีอันอัน’ นางผิวขาวออกจะติดซีด ปากกระจับได้รูป หางตาเชิด เอวบางแต่สะโพกผาย หน้าอกกำลังพอดี รวม ๆ แล้วเป็นคนงามคนหนึ่งเช่นกัน แต่ดวงตาที่เชิดขึ้นพร้อมกับคางที่ยื่นยาวทำให้นางดูเป็นคนหยิ่งผยอง
อนุที่สามมาจากญาติฝั่งมารดาของเฉิงอ๋อง นางก้มหน้าก้มตาไม่ยอมมองหน้าของอู๋เสี่ยวหรัน ใช้แซ่เดียวกันกับมารดาของเฉิงอ๋องมีนามว่า ‘หยางเจินเจีย’ นางเป็นคนตัวเล็ก เอวบาง แต่หน้าอกกับสะโพกกลับดูใหญ่ ทำให้นางมีรูปร่างแบบนาฬิกาทราย หากดูตามภาพวาดแล้วนางเป็นคนที่มีตากลมโต จมูกไม่โด่งมาก ริมฝีปากอวบอิ่มใบหน้ารูปไข่ เป็นลักษณะที่ไม่ได้เป็นพิมพ์นิยมในปัจจุบัน แต่ก็เป็นคนที่มิได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่อย่างใด
เมื่อมองหญิงสาวทั้งสี่นางที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ก็ให้รู้สึกว่าเฉิงอ๋องช่างเป็นผู้มีวาสนากับหญิงงามยิ่งนัก ขนาดว่าตัวของอู๋เสี่ยวหรันที่นางสิงร่างอยู่ตอนนี้ ก็นับว่าเป็นคนงามล่มเมืองคนหนึ่งเช่นกัน
“เหมยฮวาจัดที่นั่งให้พระชายารองกับอนุทุกคนเถิด” ในที่สุดอู๋เสี่ยวหรันก็บอกให้พวกนางกลับไปนั่งประจำที่ของแต่ละคน
“ขอบพระทัยเพคะ”
หญิงทั้งสี่ยกมือประสานกันข้างเอวด้านซ้ายและย่อกายลงแล้วกลับไปนั่งยังที่นั่งของแต่ละคน
“มิทราบว่าพวกท่านทั้งหลายมาพบเราด้วยเหตุอันใดหรือ”
อู๋เสี่ยวหรันถามโดยไม่ระบุชื่อ
“เรียนพระชายาที่พวกเราพี่น้องมาวันนี้เพื่อจะมาปรึกษาท่านเรื่องเลี้ยงอำลาท่านอ๋อง ที่จะเดินทางไปเป็นตัวแทนอวยพรแด่ฮองเฮาองค์ใหม่ของต้าเลี่ยเพคะ” พระชายารองโจวเป็นผู้ตอบคำถามของอู๋เสี่ยวหรัน
✼ ┈┈┈┈┈┈┈ ✼
"ยาจิ่น" (压襟) แปลตรง ๆ คือกดทับบริเวณคอเสื้อให้แน่น ไม่ให้หลุดพะเยิบพะยาบไป ยาจิ่นนี้ไม่มีกฎเกณฑ์กำหนดชนชั้นว่าใครต้องใส่อะไรชิ้นไหน จะใช้อะไรทับเสื้อก็ตามใจของให้มีเงินเป็นพอ ดังนั้นเจ้านาย ขุนนาง ผู้ดีมีเงินทั้งหลายจึงสามารถใช้ของมากมายตามแต่ใจชอบ รูปแบบหนึ่งที่พบมากคือพวงอุบะเงินทองที่แยกเป็นสามส่วน ได้แก่ ส่วนสายโยงที่แขวน