12.สั่นทั้งที่ไม่ได้รู้สึกหนาว
ด้านในร้านหนังสือของฮานีเป็นบ้านหลังย่อมๆ ที่นาเวียคิดว่าเขาคงจะเหงามากทีเดียวที่ต้องอยู่ที่นี่ตลอดเวลา
ดูจากชั้นหนังสือมากมายที่ติดอยู่ตามผนังแล้ว เขาคงจะเคยชินกับการอยู่คนเดียวสินะ
"ขอรบกวนด้วยนะคะ.."
เธอรู้สึกเกรงใจเขา แต่ถึงอย่างนั้นนี่ก็ดึกเกินกว่าจะเดินกลับไปยังบ้านของอิสเค
"อย่าทำท่าเกรงใจเช่นนั้นสิครับ ข้ายินดีให้นาเวียอยู่ที่นี่นะ อันที่จริงข้ายังรู้จักเพื่อนอีกสองคนที่มีอาการถูกคำสาปคล้ายๆ กัน..เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะนัดหมายพวกเข้ามาที่นี่เพื่อมาเจอนาเวียนะครับ"
เธอยกมือขึ้นมาลูบอกเบาๆ บรรยากาศสดชื่นหลั่งไหลเข้ามาในใจ เมื่อฮานีกล่าวว่าเขารู้จักชายที่ถูกสาปอีกสองคน นี่คือเรื่องที่น่ายินดีมากทีเดียว..เพราะมันหมายความว่าเธอไม่ต้องไปตามหาชายผู้ถูกสาป
"นั่นถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเลยนะคะ..หากเป็นไปได้ข้าก็อยากจะช่วยทุกคนให้รอดพ้นจากคำสาป"
นาเวียไม่ได้มีดีเพียงแค่ใบหน้าของนางเท่านั้น แต่ในสายตาของฮานีแล้วนางงดงามทั้งภายนอกและภายใน..
ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของนางเลยด้วยซ้ำ แต่นางกลับมีน้ำใจที่ยิ่งใหญ่มากเหลือเกิน
"ข้าจะพยายามบอกกล่าวทุกอย่างที่ข้ารู้ให้เจ้าฟังทั้งหมด..หวังอย่างยิ่งว่าเรื่องที่ข้าบอกกล่าวออกไปมันจะช่วยเหลือเจ้าได้ไม่มากก็น้อย"
นาเวียล้มตัวลงนอนบนเตียง ที่นี่คือห้องขนาดใหญ่ที่มีฉากกั้นเป็นห้องครัว ห้องนั่งเล่น และห้องนอน อาจจะเพราะเดิมทีฮานีอยู่คนเดียวเขาจึงไม่ได้เคร่งครัดเรื่องการกั้นห้องเท่าไหร่นัก ทำให้เมื่อเธอมาค้างที่นี่ มันราวกับว่าเรากำลังนอนอยู่ในห้องเดียวกัน มีเพียงม่านบางๆ กันเราทั้งสองคนเอาไว้
เธอและเขากำลังนอนคุยกัน..ถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ทั้งเกี่ยวกับในหมู่บ้านนี้ และเกี่ยวกับตัวของฮานีเอง
"ของเดนนีสอาจจะได้รับสืบทอดคำสาปมาในตอนที่เขาอายุสิบห้า ส่วนของข้านั้นได้รับการสืบทอดคำสาปจากท่านปู่ในตอนที่ข้าอยู่สิบเจ็ดปี..มันไม่ง่ายเลยกับการปรับตัว ทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนไปทั้งหมด ในตอนแรกข้าก็คุมตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ เพียงแค่เห็นใบหน้าของสตรีข้าก็รู้สึกถูกราคะในร่างกายก็ควบคุม ข้าไม่อยากให้ตัวเองในสายตาของคนอื่นเป็นพวกจิตวิปริตหรือว่าพวกหื่นกาม เพราะอย่างนั้นข้าจึงเก็บตัวเงียบในร้านหนังสือ ไม่ออกไปพบเจอพวกคนที่ด้านนอก.."
น้ำเสียงที่เขากำลังเล่าเรื่องราวของตัวเองออกมามันโศกเศร้ามากเหลือเกิน..เธอไม่รู้ว่าเมื่อก่อนฮานีเป็นคนแบบไหน แต่ในตอนนี้รอยยิ้มของเขามันคือรอยยิ้มที่ไม่ได้มาจากหัวใจจริงๆ ความสดใสของเขาจางหายไปตามกาลเวลา ยิ่งต้องเก็บตัวเงียบอยู่คนเดียวมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องละทิ้งความสุขและตัวตนไปมากเท่านั้น
"แสดงว่าที่ผ่านมา ท่านฮานีคงจะอดทนมากเลยอย่างนั้นสินะคะ"
"ครับมันคือความอดทนที่ข้าเองก็ไม่ได้อยากจะอดทนมากเท่าไหร่ แต่เพราะข้าไม่อยาก เป็นคนเลวในสายตาคนอื่น"
นาเวียนอนตะแคง เธอหันหน้ามองไปที่เตียงของฮานี ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเปิดม่านนั้นออกอย่างช้าๆ
"ท่านฮานีเป็นคนดีจังเลยนะคะ.."
เขามองหน้านาเวียเลยแววตาที่สั่นไหวเล็กน้อย..
"ข้าเป็นคนดีไม่เท่ากับนาเวียหรอกครับ"
ความคลุมเครือเข้าปกคลุมบรรยากาศเมื่อเราทั้งคู่ประสานสายตากัน..เธอควรจะปล่อยมือออกจากม่านกั้น แล้วล้มตัวนอนไปซะ แต่นาเวียกลับไม่อยากทำเช่นนั้น เธอลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาเขา..
"...รังเกียจกันหรือเปล่าคะ หากว่าตอนนี้ข้าจะทำการรักษาท่าน"
สองแก้มแดงของเขาเห่อร้อนขึ้นมา ฮานีลุกนั่งบนเตียง สายตาของเขายังคงไม่ละไปจากใบหน้าของนาเวียเลย
เราต่างก็รู้ดีว่าคำว่ารักษามันหมายถึงอะไร..
"คะ..คือว่าข้า..ไม่ได้รังเกียจเลยครับ แต่ข้าอยากให้นาเวียคิดให้ดีก่อน เพราะกับบางอย่าง เมื่อมันเริ่มไปแล้วมันไม่สามารถถอยหลังกลับไปได้แล้วนะครับ"
เธอไม่ได้คิดอะไรที่มันเป็นการเกินเลย ในใจของนาเวียแค่รู้สึกว่า ทำไมท่านฮานีถึงได้น่าสงสารเช่นกัน เขาไม่ควรอยู่คนเดียวแบบนี้สิ ควรให้ออกไปข้างนอกไปท่องโลกกว้างในแบบที่เขาอยากจะรู้จัก
"หากถอยหลังไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็จะเดินหน้าต่อค่ะ อยู่ที่ฮานีต่างหากที่คิดเช่นไร หากท่านยืนยันว่าจะผลักไส เช่นนั้นข้าก็จะรอคอยจนกว่าท่านจะพร้อมจริงๆ .."
เมื่อกล่าวจบนาเวียก็หันหลังไปในทันที เธอยกมือขึ้นมาเพื่อเปิดม่านกั้น แล้วกลับไปยังเตียงของตัวเอง แต่ทว่าข้อมืออีกข้างของเธอกลับถูกฮานีรั้งเอาไว้..
เขาไม่อยากดูน่ารังเกียจ แต่เขากำลังคิดเรื่องน่ารังเกียจกับเธอต่างหาก..
คงมีแค่เขาที่หวั่นไหวและไม่ได้คิดว่านี่คือการรักษา..คงมีแค่เขาที่ทุกความรู้สึกบางอย่างครอบงำเอาไว้..
เขาไม่อยากให้การรักษาหรือว่าการชำระล้างอะไรนั่นจบลงโดยเร็ว..เพราะในใจของฮานียังคงอยากอยู่กับนาเวียอีกหน่อย
"ข้าพร้อมแล้วครับ..ข้ายินยอมจะทำตามที่นาเวียสั่งทุกอย่างเลย.."
เขาพูดจาตะกุกตะกักด้วยความขวยเขิน ความอ่อนไหวเขินอายปรากฏบนแววตา..
เมื่อเขาให้คำมั่นเช่นนั้น นาเวียจะค่อยๆ ดึงผ้าห่มที่กำลังปกคลุมร่างกายของฮานีออกมา..
เธอเคยเห็นขนาดที่น่าตื่นตาตื่นใจของเขาแล้ว..แต่ครั้งที่แล้วเธอไม่ได้เห็นมันใกล้ชิดขนาดนี้มาก่อน..
ไม่ว่าทางปากหรือทางไหน..ด้วยขนาดของเขาแล้วมันไม่มีทางเข้าไปได้อย่างแน่นอน..ฉะนั้นเธอควรจะเริ่มมันจากตรงไหนกันนะ
ลมหายใจของเขาร้อนผ่าวขึ้นมา เมื่อเธอกำลังจ้องมองส่วนนั้นด้วยแววตาที่ลุกวาว ริมฝีปากที่แสนยั่วยวนของนาเวียทำให้ฮานีออกอาการเล็กน้อย ทุกจุดที่เขาโดนมือของเธอสัมผัสคล้ายกับมีไฟร้อนลุกขึ้นมา เธอเริ่มขยับปลายนิ้วลูบไล้ไปตามโคนขาอ่อนของเขา สัมผัสอ่อนนุ่มจากปลายนิ้วส่งให้เขารู้สึกมัวเมา เพลิงราคะโหมไหม้ไปทั่วเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ
"ตอนนี้ท่านฮานีไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น แค่ปล่อยให้แรงปรารถนาพัดพาไปก็พอแล้ว"
เธอไม่อยากให้เขาเกร็งมากเกินไป นาเวียอยากให้ทุกอย่างมันผ่อนคลายและค่อยเป็นค่อยไป
เธอกอบกุมส่วนนั้นของเขาเอาไว้ในมือนุ่ม และน้ำหนักจากมืออุ่นๆให้ความรู้สึกที่ดีขึ้นไป เกิดเป็นความรู้สึกวาบหวิวในช่องท้อง ขนาดแค่เพิ่งเริ่มเขายังรู้สึกเหมือนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
ดวงตาคู่นั้นของเธอครอบงำให้เขารู้สึกราวกับถูกดึงดูดเข้าไปอย่างช้าๆ ร่างกายถูกปลุกเร้าจนติดไฟอย่างรวดเร็ว ลมหายใจของฮานีที่กระชั้นขึ้นมา
"ไม่ต้องกลั้นเอาไว้หรอกนะคะ หากอยากจะปล่อย ก็ปล่อยออกมาได้เลย"
ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกหนาว..เขาจ้องมองเธอราวกับว่ามีเพียงใบหน้าของนาเวียเท่านั้นที่เขามองเห็นได้ในยามนี้
