
บทย่อ
เรื่องวุ่นๆของคนที่ต้องแก้คำสาป กับคนถูกสาปให้มีปัญหาเรื่องจุ๊ดจู้..ว่าไงนะ ของนายมันเรืองแสงได้งั้นเรอะ!!
1.มันจ้าซะเหลือเกิน
ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเข้ามาอยู่ที่ไหน..รู้เพียงแต่ว่าที่นี่มันไม่ใช่โลกที่ฉันเคยอยู่อย่างแน่นอน ที่นี่ราวกับเป็นเมืองชนบทหรือว่าอะไรสักอย่าง มีทุ่งหญ้าที่แสนกว้างใหญ่ มีบ้านเรือนแสนแปลกตาและ..มีผู้ชายหล่อๆ เต็มไปหมด!!
ถึงแม้ว่าเมืองนี้มันจะแปลกและไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่สำหรับฉันแล้วที่ไหนก็ตามที่มีคนหล่อ ที่นั่นถือว่าเป็นสถานที่ที่นับว่าดีงามก็แล้วกัน
“ยินดีต้อนรับสู่เกม สโนว์ไวท์ผู้น่าสงสาร ภารกิจคือ คุณผู้เล่นจะต้องช่วยเหลือคนแคระผู้ถูกสาปตามคำร้องขอของแม่มด!”
เกม? ที่นี่คือเกมงั้นเหรอ? เมื่อคำว่าเกมผุดขึ้นมาในหัวฉันก็รู้ได้ในทันทีเลยว่า นี่จะต้องเป็นฝีมือของน้องชายต่างแม่ของฉันอย่างแน่นอน..
น้องชายของฉันคือผู้สร้างและผู้พัฒนาเกมออนไลน์ของค่ายยักษ์ใหญ่ และเกมที่หมอนั่นกำลังทำอยู่มันคือเกมสำหรับเด็กที่มีชื่อว่า สโนว์ไวท์ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตา เป็นเกมที่เอาไว้ให้เด็กๆ เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ..
เราทั้งคู่ไม่ใช่พี่น้องที่สนิทกันเท่าไหร่และเมื่อปีที่แล้วเมื่อพ่อเสียชีวิตเรามีปากเสียงกันอย่างรุนแรงเรื่องการแบ่งทรัพย์สมบัติของพ่อ..สิ่งเดียวที่เธอต้องการคือบ้านเท่านั้น ส่วนทรัพย์สินที่เหลือจะเอาอะไรไปก็เอาไปได้เลย เพราะสำหรับฉันแล้วบ้านคือความทรงจำเกี่ยวกับแม่เพียงสิ่งเดียวที่ฉันเหลืออยู่ ถึงแม้ว่าพอแม่เสียชีวิต พ่อจะพาภรรยาใหม่เข้ามาเลยก็เถอะ แต่อย่างน้อยในบ้านหลังนั้นฉันและแม่ก็เคยอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่น..
แต่น้องชายไม่ยินยอมและนั่นนำไปสู่การฟ้องร้องที่แสนยาวนาน
“บ้านนั้นมันควรเป็นของผมสิ! แม่กับผมอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน..พี่ต่างหากที่เป็นคนนอก!”
“บ้านหลังนั้นก็สำคัญสำหรับฉันเหมือนกัน ฉันไม่ยอมยกให้แกหรอกนะ!!”
อีกฝ่ายเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่เขาจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“เพราะงานที่พี่ทำ มันทำให้พี่ไม่มีปัญญาหาเงินไปซื้อบ้านหลังใหม่ใช่ไหม ก็แน่ล่ะพี่เป็นแค่พนักงานเองนี่..จะเอาปัญญาที่ไหนไปซื้อบ้าน..”
“ผลัวะ!!”
ฉันต่อยน้องชายออกไปเต็มแรงด้วยความรู้สึกที่ทั้งโกรธและโมโห
“แล้วแกล่ะ ถ้าแกมีปัญญามากนักก็ไปซื้อบ้านหลังใหม่สิโว้ย!! แกเองก็เป็นได้แค่คนสร้างเกมของเด็กเท่านั้น แกคิดว่าตัวเองดีกว่าพี่มากนักเหรอ!!”
เขาเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะมองหน้าเธอด้วยแววตาแค้นเคือง
“ผมจะต้องดีมากกว่าพี่อยู่แล้ว และ..เกมนั่นมันก็ไม่ใช่เกมเด็กๆ ผมสาบานเลยว่าสักวันหนึ่งผมจะสร้างเกมขึ้นมาแล้วขังพี่เอาไว้ในนั้น..แบบที่พี่ไม่มีวันจะหาทางออกเจอ”
เพ้อเจอชะมัด เกมแบบนั้นใครจะไปแพ้กัน ฉันน่ะไม่มีวันเล่นเกมที่หมอนี่สร้างแพ้หรอก เกมเด็กๆ แบบนั้นระดับฉันจะต้องเอาชนะแล้วผ่านมันไปได้อยู่แล้ว
“......”
จุดเริ่มต้นมาจากการแย่งบ้านที่เป็นสมบัติของพ่อ หลังจากนั้นเราก็ด่าทอกันด้วยถ้อยคำที่เจ็บปวดที่สุดเท่าที่จะสามารถทำร้ายคนคนหนึ่งได้..
หน้าต่างของเกมยังเด้งค้างอยู่อย่างนั้นและฉันยังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
นี่ฉันเข้ามาอยู่ในเกมที่น้องชายสร้างขึ้นงั้นเหรอวะ!! แล้วนี่มันเป็นเกมแบบไหนกันล่ะเนี่ย แถมนี่มันอะไรกัน..ทำไมฉันถึงมาอยู่ในร่างของคนอื่นแบบนี้ เป็นเกมเสมือนจริงงั้นเหรอ? แล้วร่างกายจริงๆ ของฉันอยู่ที่ไหนล่ะ ไม่ใช่ว่าฉันตายไปแล้วหรอกใช่ไหม
คำถามมากมายผุดขึ้นมาไม่หยุดหย่อน ตามมาด้วยหัวใจที่รู้สึกไม่มั่นคงอย่างน่าประหลาด
ฉันขบเม้มริมฝีปากไปมา ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อจะขอความช่วยเหลือ
“นาเวีย..เจ้ามาอยู่ที่นี่เอง ข้าตามหาเจ้าซะทั่วเลย”
หญิงชราผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาฉัน นางมีจมูกที่ยาวมากกว่าผู้คนทั่วไปอีกทั้งในตะกร้าในมือยังเต็มไปด้วยผลแอปเปิ้ล นี่จะต้องเป็นแม่มดอย่างแน่นอน แล้ว..ฉันไม่ใช่สโนว์ไวท์งั้นเรอะ!!
อุตส่าห์นึกว่าตัวเองจะได้เป็นนางเอกแท้ๆ
ฉันเดินตามแม่มดผู้นั้นไป เพราะอย่างน้อยตามคำบอกเล่าของหน้าต่างเกมก็บอกให้ฉันทำตามคำขอของแม่มด..
“ดูเจ้าเหนื่อยๆ นะนาเวีย..เพราะว่าข้าใช้งานเจ้าหนักมากไปใช่ไหม..”
ฉันไม่ได้ตอบ..ฉันเพียงแค่มองหน้าของแม่มดก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับนาง
“ข้าเหลือเวลาน้อยลงเต็มที ข้าน่ะกำลังจะตายและ..ความผิดที่ข้าเคยกระทำเอาไว้เมื่อครั้งอดีตทำให้ข้ารู้สึกเสียใจเหลือเกินนาเวีย ข้ามีเพียงแค่เจ้าเท่านั้นที่จะทำให้ข้ารู้สึกผิดน้อยลง”
เกมนี่มันยังไงกันนะ ฉันจะต้องช่วยเหลือคนแคระทั้งเจ็ด ตามคำสั่งของแม่มด เช่นนั้นแล้วสิ่งที่แม่มดกำลังรู้สึกผิดอยู่คือการทำร้ายคนแคระอย่างนั้นสินะ
“ในอดีตข้าเคยร่ายคำสาปเอาไว้กับผู้ชายที่นอกใจข้า..ตัวข้านั้นมิได้งดงามดังเช่นสตรีทั่วไป แต่เพราะข้าคือสตรีที่เกิดในตระกูลขุนนาง บุรุษเหล่านั้นจึงเข้าหาข้าเพราะเรื่องเงินทอง ข้าเจ็บใจที่ถูกหลอกจึงสาปพวกเขา..”
เมื่อกล่าวจบแม่มดเอมเบอร์ก็ส่งตะกร้าแอปเปิ้ลให้นาเวีย
“นาเวียเด็กดี เพราะเวลาล่วงเลยมากว่าร้อยปี แน่นอนว่าชายหนุ่มพวกนั้นก็คงจะล้มหายตายจากไปจนหมดแล้ว หากจะหลงเหลือก็คงเหลือเพียงทายาทของพวกเขาเท่านั้น ข้าอยากให้เจ้าตามหาทายาทของพวกเขาให้เจอ แล้วส่งมอบแอปเปิ้ลพวกนี้ให้เขากินเพื่อที่จะ..ลบล้างคำสาปที่ข้าได้สาปเอาไว้”
นั่นมัน..งานง่ายซะที่ไหนกัน? งานยากสะบัดเลยนี่
“แล้วท่านร่ายคำสาปว่าอย่างไรกันคะ อีกทั้ง..บุรษที่ท่านสาปพวกเขาเอาไว้คงไม่ได้มีเจ็ดคนหรอกใช่ไหม”
แม่มดเอมเบอร์แย้มยิ้มออกมาด้วยความตกใจ
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าร่ายคำสาปชายหนุ่มพวกนั้นเอาไว้ถึงเจ็ดคนน่ะ ให้ตายสินาเวีย สวรรค์คงจะส่งเจ้ามาเพื่อช่วยเหลือข้าอย่างแน่นอน ข้าจำได้ว่าข้าร่ายคำสาปใส่บุรุษเจ็ดคน มีทั้งบุรุษที่นอกใจข้า และบุรุษที่ข้ารักเขาเพียงข้างเดียว ส่วนเรื่องที่ว่าข้าร่ายคำสาปว่าอย่างไร..เรื่องนั้นข้าจำไม่ได้”
เพราะมันผ่านมาหนึ่งร้อยปีแล้วอย่างนั้นสินะ คำใบ้ของแม่มดท่านนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลยสักนิดเดียว ไม่มีเบาะแสอะไรทั้งนั้น..
“แต่พวกเขาอยู่ที่เมืองนี้ทั้งหมดนะ ข้าจำได้ว่าข้าได้ร่ายคำสาปเอาไว้ว่าไม่ให้พวกเขาออกไปจากเมืองนี้เพื่อให้ง่ายต่อการตามหา..นาเวียของข้า เจ้ายินดีจะช่วยข้าใช่ไหม”
เธอ..ไม่ได้รู้สึกยินดีที่จะช่วยสักนิดเลย แต่เพราะว่านี่คือเกมยังไงล่ะ..
และเมื่อนาเวียตกปากรับคำของแม่มดเอมเบอร์ ฉับพลันร่างของแม่มดก็จางหายไปต่อหน้าเธอในทันที
“ติ้ง!!”
“คำใบของชายคนที่หนึ่งคือ สามารถพบเจอเขาได้ในยามราตรีและในป่าเท่านั้น”
เมื่อได้รับคำใบ้นาเวียก็รีบวิ่งออกไปจากบ้านหลังนี้ในทันที เธอวิ่งเข้าไปในป่าด้านหลังหมู่บ้านก่อนจะทอดสายตามองไปรอบๆ เธอรู้ดีว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็อยากจะชนะเกมนี้!.
“........”
สิ่งที่ทำให้นาเวียต้องหรี่ตาลงคงหนีไม่พ้นแสงสว่างเจิดจ้าที่กำลังเคลื่อนที่มาหาเธอ มันราวกับว่าไฟด้านหน้ารถสิบล้อกำลังส่องมาที่เธอ..นาเวียพยายามหรี่ตามองให้ชัดๆ และสิ่งที่เธอเห็นคือชายผู้หนึ่ง..เขากำลังเดินเข้ามาหาเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉย ในมือทั้งสองข้างของเขากำลังถือสัตว์ป่าที่ล่ามาได้ ใช่แล้ว..แสงเจ้าปัญหาที่ว่านั่นมันไม่ใช่แสงของไฟหน้ารถหรือว่าไฟฉายเพราะหมอนั่นไม่ได้ถือวัตถุที่ให้ความสว่างอยู่เลย..แสงที่เจิดจ้าจนแสบตานั้นมันคือแสงที่มาจาก..
นั่นมันอะไรกันพระเจ้าช่วย ยัยแม่มดคนนั้นร่ายคำสาปแบบนี้ออกมาได้ยังไงกันฟะ!!
