๙ เจ้าบ่าวตัวจริง (๑)
๙
เจ้าบ่าวตัวจริง
“อะไรนะคะ พี่ฌาร์มจะให้ลูกแต่งงาน!”
ข่าวที่น่าตกใจทำให้คนเป็นแม่ถึงกับผุดลุกจากเก้าอี้หลังแต่งหน้าเสร็จเรียบร้อย หล่อนเดินมาหาสามีที่กำลังหยิบของสำคัญลงกระเป๋า พลางขยับเนกไทให้ตรงอยู่หน้ากระจก เลือกนาฬิกามาสวมเสริมความภูมิฐานให้ตนเอง
เบาใจไปได้เปราะหนึ่งที่บุตรสาวเลือกทางเดินถูกต้องสักที ต่อจากนี้ตนจะได้หมดห่วงเรื่องคู่ครองของเฌอรีนา
“ใช่” ตอบด้วยวาจาฉะฉาน จนภรรยาถึงกับงุนงง
เธอจ้องเขาแล้วพยายามทบทวนสิ่งที่ฌาร์มบอกว่าจะให้ลูกแต่งงาน ทว่าไม่ได้ระบุคนไหนสักหน่อย บางครั้งหล่อนอาจจะคิดมากไป คงไม่ใช่ลูกสาวคนโตหรอก ทว่าหากเป็นลูกคนรองก็ยังเรียนมหาวิทยาลัย แล้วจะต้องบินไปต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ จะเอาเวลาไหนไปแต่งงานล่ะ
“ฌอร์นเหรอคะ แต่ลูกยังเรียนไม่จบเลยนะ พี่จะรีบให้แต่งงานทำไม” คนเป็นแม่ถึงกับทำหน้ายุ่ง เธอสับสนไปหมดแล้วว่าสามีกำลังต้องการอะไร หรืออยากทำอะไรกันแน่ ทำไมจึงต้องบงการชีวิตลูกไม่ยอมปล่อยวาง
หรือเธอต้องพูดกับเขาอย่างจริงจัง...
“ใครบอกว่าพี่จะให้ฌอร์นแต่งงานล่ะ คนที่พี่จะให้แต่งงานคือเฌอต่างหาก” คราวนี้เธอถึงกับสติแตก ไม่น่าเชื่อว่าสามีที่รักลูกสาวคนโตเป็นอย่างมากจะให้เฌอรีนาแต่งงานอย่างรวดเร็ว แม้รู้ทั้งรู้ว่าหัวใจของลูกสาวมีใคร
เขาไม่ชอบกองปราบมากขนาดนั้นเลยหรือ ทำไมจึงยอมให้ลูกแต่งงานกับคนอื่น แต่ไม่ยอมกระทั่งให้คบกับพี่ชายข้างบ้าน
“หา! พี่บ้าไปแล้วเหรอคะ” โวยวายเสียงดังแล้วคว้าแขนหนาเพื่อบังคับให้อีกฝ่ายหันมามองตนเอง อยากมองแววตาคมให้ชัดว่ารู้สึกผิดกับการกระทำบ้างหรือเปล่า แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น
เขาไม่รู้สึกผิดเลยหรือไงที่ต้องบังคับลูกแต่งงานทั้งที่ไม่เต็มใจ ร่างบางเอาแต่จ้องดวงหน้าคมพลางส่ายศีรษะ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเป็นพ่อคน หรือเธอเลือกสามีผิด...
กลายเป็นคำถามที่ทำได้เพียงถามตัวเองอยู่ในใจ ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาสักคำ ทำเพียงเม้มปากแน่นแล้วผินหน้าไปทางอื่น
ถึงจะคิดอย่างนั้น...แต่ใจของหล่อนก็ยังรักเขาหมดหัวใจ
อยากยื่นคำขาดเรื่องหย่า ทว่าไม่กล้ากระทั่งจะเอ่ย เธอรักฌาร์มมากจนกลัวว่าถ้าเป็นฝ่ายพูดก่อนแล้วเขายอมตกลง คนจะเสียใจคือตน
“พี่ไม่ได้เป็นคนคิดหรอก เฌอบอกพี่เองว่าอยากแต่งงานจะได้ลืมกองปราบ มีเห็นว่าไม่ได้เสียหายอะไร อีกอย่างลูกให้พี่เป็นคนเลือกว่าใครเหมาะสม สงสัยการให้อยู่ห้องคนเดียวเพื่อทบทวนคงจะได้ผล ปลายว่าไหม”
ยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ เขาไม่ได้บังคับแต่เป็นลูกสาวที่เอ่ยเอง แล้วอย่างนี้คนเป็นพ่อจะไม่ทำตามความปรารถนาของลูกได้อย่างไร ทว่าปริณดากลับรู้สึกผิดหวังมากกว่าเดิม เขาน่าจะคิดได้ถึงความสุขของเฌอรีนา กลับเลือกมองข้ามความรักเพียงเพื่ออยากทำตามใจตัวเอง
นิสัยแบบนี้ต้องถูกดัดหลังให้เข็ด!
“พี่คิดไม่ได้จริงๆ” ปล่อยมือหนาแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าที่เตรียมเอาไว้ แต่เขากลับเป็นฝ่ายคว้าแขนภรรยาของตนเอง ก่อนจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ปลาย” กระซิบเรียกเสียงเบาอย่างอ้อนวอน
“พี่ฌาร์มอยากทำอะไรก็เชิญเลยค่ะ พี่เป็นคนควบคุมทุกอย่างอยู่แล้วนี่คะ ถึงมันจะไม่ใช่ความสุขของลูกแต่เป็นความต้องการของพี่ ทำเลยค่ะ ทำเลย” เอี่ยวตัวมาปลดมือหนาออก แล้วค่อยเดินไปทางประตูแต่ก็โดนเขารั้งไว้ด้วยคำถาม
“ปลายจะไปไหน”
“ทำงานค่ะ” ตอบเสียงเรียบ เปิดประตูออกไปด้านนอกโดยที่ฌาร์มตามภรรยาไม่ห่าง พยายามยิ้มให้เธอเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด แต่ดูเหมือนว่าภรรยาจะไม่ได้รู้สึกด้วย เธอโกรธและต้องการให้เขาทราบ
งานแต่งต้องไม่เกิดขึ้น!
“พี่ไปส่ง” รีบขันอาสาเหมือนทุกครั้ง แต่คราวนี้โดนปฏิเสธเสียงเข้ม ไม่แม้แต่จะเหลียวกลับมามองคนข้างหลังด้วยซ้ำ
“ไม่ต้อง ปลายไปเองได้” ร่างสูงทำเพียงมองแผ่นหลังบางแล้วพรูลมหายใจด้วยความเหนื่อยใจ ไม่รู้ทำอย่างไรภรรยาจะหายโกรธ
แต่ถึงรู้เขาก็ทำไม่ลง...
การจะให้รับกองปราบมาเป็นลูกเขยน่ะเหรอ ไม่มีวันนั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!
เมื่อวานบิดาเพิ่งพาว่าที่พี่เขยมาทำความรู้จักกับคนทั้งบ้าน น้องชายสามคนเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูก ขนาดฌานินทร์ที่พูดเก่งยังทำเพียงยิ้มแหยะ ส่วนว่าที่เจ้าสาวยิ้มแย้มแต่ทุกคนก็รู้ดีว่าข่มความเศร้าเอาไว้ในใจ ดวงตาของเธอแสดงถึงความเศร้าสร้อย
ขณะที่คนข้างบ้านเงียบเชียบเหมือนไม่มีใครอยู่บ้าน สามแสบคิดจะไปคุยกับกองปราบก็ไม่เห็นรถจอดอยู่ในโรงรถ คิดว่าอีกฝ่ายคงไปทำงาน ทว่ารอจนถึงดึกก็ไม่กลับบ้าน ผ่านมาสามวันกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย นึกสงสัยว่าเขาหายไปไหน
“พี่เฌอแน่ใจแล้วเหรอ” เมื่อฝ่ายชายกลับบ้านพวกเขาก็รีบเข้าไปนั่งล้อมเฌอรีนาเอาไว้ ฌอร์นเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ไม่เคยคิดว่าพี่สาวจะโดนบังคับแต่งงาน รู้ว่าบิดารักและเอ็นดูหล่อนมากกว่าใครเพื่อน
กลับกีดกันเรื่องความรักซะอย่างนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสาร ไม่รู้ว่าจะหาทางใดเพื่อช่วยเหลือได้บ้าง คิดแล้วก็อับจนหนทาง
“แน่ใจอะไร”
“เรื่องแต่งงานไง” พอฟังจบก็นิ่งไปครู่หนึ่ง
เธอวาดหวังจะแต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก แต่พอวันนี้ได้เจอว่าที่เจ้าบ่าว...ก้าวกล้า เดชดำรงรัตน์ เขาเป็นลูกชายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ทำบริษัทสตาร์ทอัพกับเพื่อนจนตอนนี้เติบโตเป็นอย่างมากในไทยและต่างประเทศ
เป็นชายหนุ่มรูปหล่อที่มีความสามารถเลิศ เขาไม่น่าจะโสดจนมาแต่งงานกับเธอเลย เพียงแค่คิดว่าไม่ได้รักชายที่กำลังจะแต่งงานด้วยก็รู้สึกสงสารอีกฝ่าย
ทว่าเขาเองก็ไม่ได้รักเธอสักหน่อย...
“ไม่แน่ใจหรอก แค่พูดไปคิดว่าพ่อคงไม่ให้แต่ง...แต่พ่อดันหาผู้ชายมาให้ซะงั้น ตลกนะว่าไหม” ยักไหล่พลางส่งเสียงหัวเราะที่แสนขมขื่น บิดาที่คอยตามใจทุกอย่างกลับกลายเป็นผู้ที่บังคับหล่อนเดินลงเหวที่ท่านเป็นคนขุดเอง
เฌอรีนาตกอยู่ในภวังค์อีกครั้งจนน้องสามคนเหลียวมองกัน ไม่รู้ว่าจะช่วยพี่สาวอย่างไร กระทั่งน้องสุดท้องที่ไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องใครต้องเอ่ยปาก เขาไม่อยากเห็นพี่ของตนตกอยู่ในสภาพนี้อีกแล้ว อย่างน้อยขอแค่เธอมีความสุข
ยิ้มกว้างอีกครั้งไม่ใช่ฝืนยิ้มอย่างทุกวันนี้...ก็พอแล้ว
“ฌองส์ไปคุยกับพ่อให้เอาไหม” คนที่ปิดปากเงียบตลอดขันอาสา แต่พี่คนโตกลับส่ายหน้า ทอดถอนใจอย่างปลงตก ไม่คิดจะทำอะไรอีกแล้ว ปล่อยให้เรื่องมันเป็นแบบนี้แหละดี
“ไม่ต้องหรอก แต่งงานก็ดีเหมือนกัน แต่งให้มันจบๆ อยู่ไม่ได้ก็เลิก ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย พวกแกไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอกน่า พี่เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว” พยายามยิ้มให้ทุกคนคลายความกังวล แต่ฌานินทร์กลับลุกจากโซฟาเดี่ยวมาทรุดกายข้างหล่อน สีหน้าหวาดหวั่นแล้วคว้ามือบางมากุมเอาไว้
“แต่พี่ไม่มีความสุขนะ ถึงฌาจะไม่ค่อยได้คุยดีกับพี่ แต่ฌาก็อยากให้พี่เฌอมีความสุข” น้องชายที่ชอบทะเลาะกันตลอดยังเห็นใจ ทำเอาหล่อนหลุดยิ้มขำ ค่อยกุมมืออีกฝ่ายพร้อมมองดวงหน้าคมของชายช่างพูดด้วยแววตาอ่อนแสง
โชคดีเหลือเกินที่น้องทุกคนรักเธอ อุปสรรคครั้งนี้ทำให้รู้ว่าตนไม่ได้สู้เพียงลำพัง ยังมีคนอยู่ข้างกายคอยช่วยเหลือเสมอ
“เพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นที่รักของน้องก็วันนี้แหละ”
พี่น้องยิ้มให้แก่กัน ถึงพวกเขาจะไม่ได้อยู่บ้านหลังเดียวกันแต่ก็พูดคุยกันตลอด มีไลน์กรุ๊ปพี่น้องสี่คน ซึ่งส่วนมากผู้กุมบทสนทนาคือฌานินทร์ สายใยรักที่ไม่มีวันตัดขาด ทั้งยังเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เธอซึ้งจนน้ำตาคลอ
“พี่เฌอยังรักอาพี่ปราบไหม” คราวนี้เฌอรีนาถึงกับขมวดคิ้ว สงสัยในคำเรียกกองปราบที่น้องชายช่างพูดเป็นคนเอ่ย
“อะไรคืออาพี่ปราบ”
“ก็อาปราบเป็นอา แต่พอจะเป็นพี่เขยก็ต้องเรียกว่าพี่...เลยแทนเป็นอาพี่ปราบไงไม่เห็นจะยากเลย” พอทราบถึงที่มาทำเอาหลุดขำกับความช่างคิดของฌานินทร์ หล่อนยังคิดไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ฮ่าๆๆ ความคิดเข้าท่าเหมือนกันนะเรา...พี่ยังรักอาปราบ แต่ก็ไม่อยากเป็นตัวเลือกของเขาเลยคิดว่าถอยออกมาดีกว่า แต่งงานกับคนที่พ่อหามาให้น่าจะดี ยังไงพ่อก็มีความคิดก้าวไกล ผ่านน้ำร้อนมาเยอะกว่า เชื่อพ่ออาจจะดีก็ได้” คำพูดของเธอเหมือนปลงตก แต่แววตาก็เปี่ยมด้วยความรักที่มีต่อชายอีกคน เล่นเอาคนที่เหลือต่างเหลียวมองหน้ากัน
ไม่รู้ว่าควรช่วยอย่างไร ความรักของเฌอรีนาถึงจะสมหวัง ถ้าคนที่ขัดขวางคือคนนอกยังจะดีกว่านี้
แต่นี่เป็นพ่อ...ใครบ้างจะกล้าขัด
“พี่ไปทำงานดีกว่า อยู่เฉยๆ แล้วเครียด” เธอเลือกจะลุกยืนเต็มความสูง เดินออกไปข้างนอกเพื่อเข้าสตูดิโอของตน ปล่อยสามหนุ่มนั่งเงียบอยู่ห้องรับแขก ทำเพียงมองหน้ากันไปมาไม่รู้จะเอาอย่างไรต่อจากนี้
พวกเขาไม่มีแผนการจะช่วยพี่สาว แต่ก็ยังอยากช่วยเท่าที่ตัวเองจะทำได้ การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่แต่บิดากำลังทำเหมือนเล่นขายของ เฌอรีนาเองก็เหมือนกัน ราวกับเป็นสงครามประสาทของสองพ่อลูก ไม่รู้ว่างานนี้ใครจะแพ้ชนะ
ทว่าสุดท้ายคนเจ็บที่สุดคงเป็นเฌอรีนา...แต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้รักสักนิด
“เอาไงอ่ะ จะช่วยพี่เฌอยังไงดี” ฌานินทร์หันมาถามความคิดเห็น ซึ่งคนอื่นก็ส่ายหน้าไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
“นั่นสิ...”
“ถ้าล่มงานแต่งโดนพ่อด่าเปิงแน่” ฌอร์นถึงกับกุมขมับ เครียดยิ่งกว่าสอบไฟนอลซะอีก เขาไม่รู้ว่าทำไมบิดาต้องทำทุกอย่างให้ยุ่งยาก
“เฮ้อ ความรักทำไมมันยากแบบนี้ล่ะพี่ฌอร์น” ฌานินทร์ผู้รักสนุกไม่เคยรักใครจริง มีหญิงหน้าตาดีคนไหนมาบอกรักก็ยอมคบ แต่สุดท้ายก็คบไม่ได้นานต้องเลิกรา จนได้ฉายาคาสโนว่าสามเดือน ไม่เคยคบใครเกินสามเดือนสักคน
เขาไม่เคยรู้ว่าความรักเป็นอย่างไร จึงยังไม่เข้าใจพี่สาวสักเท่าไหร่...
แต่ก็อยากเห็นเฌอรีนามีความสุข
“ไม่รู้ ตอนนี้ไม่มีความรัก” ไม่อยากตอบจึงปฏิเสธแบบขอไปที สร้างความสงสัยแก่คนพูดมากจนต้องยืดกายตรง เหลียวมองพี่ชายด้วยดวงตาที่เบิกกว้างกว่าปกติ
“อ้าว เลิกกับพี่นุ่นแล้วเหรอ เห็นคบกันมาตั้งนาน” รู้จักแฟนของพี่ชาย เธอเป็นเชียร์หลีดเดอร์ของมหาวิทยาลัย เรียนคณะอักษรศาสตร์ หน้าตาดีทั้งยังเป็นดาราอีกต่างหาก เล่นละครวัยรุ่นสองถึงสามเรื่องแต่ก็ไม่ได้มีชื่อเสียงดังเปรี้ยง เพียงแค่เริ่มมีคนรู้จักเท่านั้น
แต่ไม่มีวี่แววว่าจะเลิกกับพี่ชายของเขาสักครั้ง สองคนนี้ไม่มีข่าวว่าทะเลาะกัน ออกจะหวานแหววทุกคราวยามได้เจอ
น่าแปลก...
“เลิกแล้ว นุ่นบอกว่าหมดรัก ทนคบต่อไปก็เหมือนฝืนใจเขา เลิกตอนนี้ดีกว่า...ไปล่ะ เดือนหน้ามีสอบต้องไปอ่านหนังสือ” ตอบเพียงเท่านั้นแล้วเลือกหาข้ออ้างเดินหนี เขาไม่ต้องการอธิบายมากกว่านั้นเพราะยังทำใจไม่ได้
เขาถูกบอกเลิกเพราะแฟนของตนมีความรักให้ชายอื่น ยื้อต่อไปก็เห็นแก่ตัวจึงเลือกปล่อยมือ อีกไม่กี่เดือนก็ต้องไปต่างประเทศแล้ว ได้แต่หวังว่าหล่อนจะมีความสุขกับรักครั้งใหม่
“ใครเขาอ่านหนังสือกันข้ามเดือน เขาอ่านก่อนสอบคืนเดียวเท่านั้นแหละ อ่านหลายวันก็เครียด สู้อ่านคืนเดียวเครียดคืนเดียวดีกว่า” ฌานินทร์ทำหน้าเหวอ อุตส่าห์จะถามเรื่องความรักมากกว่านี้กลับโดนพี่ชายตัดบท แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาอึ้งตรงที่พี่ชายอ่านหนังสือข้ามเดือน
