๙ เจ้าบ่าวตัวจริง (๒)
เพราะตนไม่เคยทำแบบนั้นเลยสักครั้ง!
“ไม่น่า...ทำไมถึงสอบตก” ฌองส์ที่นั่งเงียบถึงกับส่ายหน้าแล้วเดินหนี เล่นเอาคนถูกด่าต้องหยัดกายลุกแล้วชี้แผ่นหลังกว้างซึ่งเดินขึ้นบนบ้านโดยไม่สนใจพี่ชายจอมจุ้น
“อ้าว ไอ้น้องเวร แน่จริงอย่าหนีสิ”
ถึงจะโมโหแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก เขาจึงถอนหายใจหนักแล้วนั่งลงบนโซฟาดังเดิม...
งานแต่งถูกจัดขึ้นอย่างรวดเร็ว ระยะเวลากระชั้นชิดเกินกว่าจะเชิญแขกเยอะ จึงเลือกแต่งแบบไพรเวทขอเพียงแค่ลูกสาวเป็นฝั่งเป็นฝา ใช้พื้นที่บ้านในการจัดงาน ไม่มีใครสามารถคัดค้านฌาร์มได้กระทั่งคุณรุ่งรดา
ถึงจะไม่ได้รังเกียจกองปราบ แต่การที่อีกฝ่ายนอกใจหลานสาวตนก็ทำให้ไม่อาจยอมรับได้ อีกอย่างว่าที่หลานเขยดูแล้วนิสัยใจคอดีพอสมควร ถึงตอนนี้เฌอรีนายังไม่รัก แต่ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจจะรักก็ได้
“งานแต่งของเฌอจะจัดขึ้นเดือนหน้า จัดภายในครอบครัวเชิญแขกผู้ใหญ่มาสักสิบยี่สิบคน อยากเชิญเพื่อนมากี่คนก็ได้ เพราะบ้านเราสามารถรับรองแขกได้ประมาณแปดสิบคน” ลูกสาวเดินเข้ามาในบ้านเพื่อคุยเรื่องสถานที่จัดงานแต่ง
ฌาร์มเป็นคนจ้างออแกไนซ์มาจัดโดยเฉพาะ อิงจากความชอบของบุตรสาว โดยที่ปริณดาออกปากว่าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับงานแต่งครั้งนี้ เพราะเธอไม่เต็มใจให้ลูกแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก สองสามีภรรยาจึงยังไม่คืนดีกัน ถึงจะนอนห้องเดียวกันก็ตาม
ถือว่าครั้งนี้เป็นการทะเลาะกันนานที่สุด
แต่ดูเหมือนฌาร์มพยายามจะง้อ ซึ่งคนเป็นภรรยายังไม่หายโกรธ หน้าตาบึ้งตึงพร้อมปิดปากเงียบตลอดเวลายามอยู่สองคน ต้องการให้เขารู้ว่าเธอไม่ชอบวิธีการบังคับลูกสาวแต่งงาน
“บ้านหรือห้องจัดเลี้ยงคะ ทำไมเยอะ” ไม่รู้ว่าเป็นการประชดหรือเปล่า แต่ฌาร์มก็บอกความจริงให้บุตรสาวได้ทราบ
“พ่อเพิ่งซื้อพื้นที่ข้างบ้านเพิ่ม จะทำเป็นสวนแล้วก็ศาลาริมน้ำแต่คงหลังจากจัดงานแต่งให้เฌอจบ” คนฟังไม่ได้ดีใจสักนิด ทำเพียงยิ้มมุมปากแล้วบอกบิดาเสียงเบา
“คุณพ่อทุ่มจังเลยนะคะ”
“เพื่ออนาคตและชีวิตที่ดีของลูก พ่อต้องเลือกสิ่งที่ดีให้น้องเฌอเสมอ” ดวงหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึก เธอทำเพียงแค่พรูลมหายใจเสียงเบาแล้วรับคำอย่างเดียว ไม่อยากต่อปากต่อคำมากไปกว่านั้น
“ค่ะ”
เมื่อท่านจัดการทุกอย่างไปจนหมด เฌอรีนาก็จำยอมต้องแต่งงาน ความรู้สึกผิดในใจค่อยมลายลงแล้วเริ่มมั่นใจกับตัวเอง
ห้องนอนที่เคยทำให้สบายใจกลับรู้สึกอึดอัด ฌาร์มพยายามจะพูดคุยกับภรรยาแต่ทว่าเธอเลือกหันหลัง ไม่แม้กระทั่งจะสบตาซะด้วยซ้ำ ทำราวกับว่าเขาเป็นอากาศ นอนข้างกันแต่เหมือนห่างนับกิโลเมตร
วันนี้กลับต่างออกไปเมื่อเดินออกจากห้องน้ำแล้วภรรยามายืนคอยท่า ดวงหน้าหวานเรียบเฉยติดเย็นชา ไม่ว่าจะผ่านมานานกี่ปีเขาก็ยังเห็นภาพสาวน้อยสวมชุดนักเรียนทาบทับเสมอ เธอยังดูอ่อนเยาว์ในสายตาของสามี
“พี่ฌาร์มแน่ใจใช่ไหมคะที่เลือกเจ้าบ่าวให้ลูก” ถามย้ำเมื่ออีกไม่กี่วันจะถึงวันงาน เธอรอคอยให้เขาเป็นฝ่ายเอ่ยปากยกเลิก พยายามใจแข็งไม่พูดดีกับสามีให้คิดได้แต่ดูเหมือนเขายังใจแข็งเหมือนเดิม ไม่เอ่ยอะไรสักคำ
“เราพูดเรื่องนี้หลายรอบแล้วนะปลาย” บอกอย่างอ่อนใจ เขาเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมหมดแล้วจะให้ยกเลิกได้อย่างไร
ไม่มีทางหรอก...
“ค่ะ แต่พี่ฌาร์มก็คิดไม่ได้สักที” หมุนกายออกจากห้องแต่งตัวเพื่อกลับไปห้องนอน บอกเสียงสะบัดด้วยความโกรธ เธอไม่คิดว่าสามีตัวเองจะใจแข็งขนาดนี้ กองปราบเสียหายตรงไหนถึงคัดค้านจนเอาลูกสาวใส่พานถวายให้คนอื่น
“ปลาย”
“ง่วงแล้วค่ะ ปลายนอนก่อนนะคะ” คว้าแขนเรียวเอาไว้ แต่เธอก็ปลดมือเขาออกอย่างรวดเร็ว ลุกไปนั่งบนเตียงค่อยล้มตัวลงนอน หันหลังให้สามีอย่างรวดเร็วเป็นการปิดกั้นสนทนา ร่างหนาถึงกับทอดถอนใจไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้เธอคืนดี
“เฮ้อ”
คงมีทางเดียวคือยกเลิกการแต่งงาน
ไม่มีวันหรอก เขาจะไม่ยกเลิกการแต่งงานระหว่างเฌอรีนากับก้าวกล้าอย่างเด็ดขาด!
ร้านกาแฟที่อยู่ติดถนนไม่ค่อยมีคนเข้าอุดหนุนเท่าไหร่ ถือเป็นสถานที่ดีในการนัดเพื่อพูดคุยเรื่องราวส่วนตัว เฌอรีนาออกจากบริษัทก็รีบมายังร้านแห่งนี้ สั่งน้ำดื่มแล้วค่อยทรุดกายลงนั่งตรงข้ามว่าที่เจ้าบ่าวของตน
แค่เจอกันครั้งแรกก็เห็นถึงมิตรไมตรีจากดวงตาคม พวกเขาเหมาะจะเป็นพี่น้องมากกว่าคู่สามีภรรยา
“น้องเฌอ...” ยกมือแล้วทักทายพร้อมรอยยิ้มเหมือนทุกครั้ง เขาถูกครอบครัวบังคับให้แต่งงานทั้งที่ตัวเองไม่ต้องการ กำลังสนุกกับการทำงาน อีกทั้งไม่ลืมรักครั้งเก่าถึงจะไม่สมหวังก็ตาม
พอเจอหญิงสาวที่มีความคิดเดียวกันก็ค่อยโล่งใจ เขากลัวว่าหล่อนจะเป็นคนหัวอ่อน ยอมทำตามคำสั่งของบิดา ไม่คิดเลยว่าหญิงสาวจะกล้าหาญขนาดนี้
“เจ้าบ่าวของเฌอมาไวจังเลย” ทักทายคนที่มาถึงก่อน เขาถึงกับส่ายศีรษะกับคำพูดนั้น
“พูดไปไกล...แน่ใจนะว่าจะทำแบบนั้น” ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เขาพร้อมทำตามความต้องการของเธอเพราะมันเป็นทางรอดของตนเองเช่นเดียวกัน เพียงแค่เขาไม่กล้าทำ ต่างจากหล่อนซึ่งกล้าเผชิญหน้า ถึงไม่รู้ว่าผลสรุปสุดท้ายจะเป็นอย่างไร
แต่ก็ต้องนับถือในความกล้าหาญของหญิงสาว...
“แน่ใจค่ะ พี่กล้าพูดกับพ่อแม่หรือยัง เฌอกลัวจะทำให้พี่ลำบากด้วย” สีหน้าหล่อนเป็นกังวลอย่างมาก เกรงจะทำให้เขาพลอยเดือดร้อนไปกับตัวเองด้วย ร่างสูงจึงยิ้มพลางโบกมือเพื่อไม่ให้เธอเป็นห่วง อย่างไรเขาก็เอาตัวรอดได้สบาย
“ของพี่สบาย ไม่ต้องห่วงเลยนะ พี่ยังไงก็ได้ไม่คิดมากหรอก”
“ขอบคุณนะคะ ดีใจจังเลยที่พ่อเลือกพี่กล้า ไม่อย่างนั้นเฌอคงแย่” ถ้าไม่ใช่ก้าวกล้าก็คิดไม่ออกเลยว่าจุดจบของตนเองจะเป็นอย่างไร ตอนนี้หญิงสาวเริ่มมั่นใจมากกว่าเดิมเพื่อทำให้แผนการที่วางเอาไว้สัมฤทธิ์ผล
อีกไม่นานหรอก...
“คิดมาก พี่ยินดีช่วยทุกอย่างเลย”
พวกเขาอยู่คุยกันเพียงครู่เดียว ก่อนที่เธอจะเดินออกจากร้านพร้อมสั่งกาแฟอีกหนึ่งแก้ว ปลายทางของหญิงสาวคือสถานที่ลับเพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญ ดวงหน้าอ่อนเประดับด้วยรอยยิ้มหวานอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ช่วยไม่ได้ที่ต้องซ้อนแผน เมื่อบิดาไม่ยอมอ่อนข้อ ลูกสาวอย่างเธอก็ต้องเลือกชีวิตของตัวเอง
“โห่ฮี้โห่....”
เสียงขันหมากดังมาจากหน้าบ้าน คนที่เตรียมตัวมาอย่างดีรีบเดินลงจากบันได ฌาร์มแต่งตัวด้วยชุดสูทแบรนด์หรูสั่งตัดพิเศษ พิถีพิถันกับการแต่งกายมากเป็นพิเศษ เพราะว่าลูกสาวคนแรกจะออกเรือน ต้องใส่ใจทุกอย่างเป็นพิเศษ
ไม่ค่อยมีใครเห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ รู้ดีว่าเฌอรีนาไม่เต็มใจ พยายามพูดกับฌาร์มแล้ว ทว่าชายหนุ่มยืนยันให้จัดงาน ไม่ยอมลดราวาศอกแก่บุตรสาวเลยสักนิด
พูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น...
“ขันหมากมาแล้ว เดี๋ยวพี่ไปรอด้านหน้า...” จังหวะที่จะเดินไปหน้าบ้าน แขนหนาถูกคว้าเอาไว้อย่างรวดเร็ว พร้อมพาเขาเดินอ้อมไปอีกทาง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ใคร่จะสนทนากับคนเป็นสามีเท่าไหร่ เจอหน้าก็เอาแต่หลบ
ยามอยู่ด้วยกันสองคนก็นิ่งเงียบไม่ค่อยพูดคุย หรือวันนี้จะหายโกรธแล้ว...
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เราเข้าไปนั่งรอข้างในดีกว่า เดี๋ยวจะเลยฤกษ์ที่คุณแม่เป็นคนไปหานะคะ” พาเขามานั่งรออยู่ห้องนั่งเล่น โดยไม่เข้าไปใกล้ห้องรับแขกซึ่งแปรเปลี่ยนเป็นสถานที่ทำพิธี โดยมีออแกไนซ์เป็นคนจัดการทุกอย่าง
“โอเค”
เขาจำต้องนั่งรอ ได้ยินเสียงขบวนแห่หันหมากดังมาแต่ไกล ยิ้มแย้มมีความสุขแต่กลับไม่เต็มร้อย ลึกในใจเขารู้สึกผิดต่อเฌอรีนาที่ไปขัดขวางความรัก แต่การทำใจยอมรับกองปราบมาเป็นลูกเขยก็ยากเกินไป
หวังว่าลูกคงรู้ว่าเขาหวังดี
“ฌา” ทันเห็นบุตรชายเดินผ่านหน้าด้วยท่าทางเร่งรีบ จึงเรียกเอาไว้จนอีกฝ่ายสะดุ้งตัวโยน รีบหันมาแล้วรับคำเสียงดัง
“ครับป๊า!”
“เสียงดังทำไม”
“เปล่าครับ ป๊ามีอะไรเหรอ” รีบส่ายหน้าอย่างมีพิรุธ จนคนมองเลิกคิ้วสงสัยแต่ก็ปัดความรู้สึกนั้นออกไปทันที
“เฌออยู่ในห้องไหม” ถามด้วยความกังวล ฌานินทร์พยักหน้าพลางยิ้มกว้าง พยายามเดินออกไปให้ไกลบิดามากที่สุด แล้วเหลือบมองปริณดาก่อนพยักหน้าให้อีกฝ่ายเหมือนเป็นการส่งสัญญาณ
“อยู่ครับ ผมเพิ่งเอาขนมไปให้พี่เฌอกินกลัวว่าจะหิวระหว่างทำพิธี...ป๊ากลัวพี่เฌอจะหนีเหรอ” ไม่วายเอ่ยถามอย่างรู้ทัน จนฌาร์มคร้านจะพูดกับลูกคนนี้จึงโบกมือไล่ทันที ซึ่งอีกฝ่ายรอให้ถูกไล่อยู่แล้วจึงรีบวิ่งฉิวออกจากห้องทันที
“จะไปทำอะไรก็ไป”
เสียงหัวเราะดังอยู่หน้าบ้าน คงกำลังผ่านประตูเงินประตูทอง เขาพยายามชะเง้อมองข้างนอก กระทั่งถึงเวลาจึงเดินไปนั่งรออยู่ที่โซฟาห้องรับแขก โดยมีภรรยากอดแขนตามติดไม่ห่าง พยายามชวนคุยเพื่อดึงให้สายตาคมจ้องใบหน้าตน
“เจ้าบ่าวมาแล้ว” เสียงด้านนอกคุยกันเซ็งแซ่ เขาที่หันมาคุยกับภรรยาต้องผินหน้าตรงแล้วยิ้มเพื่อต้อนรับว่าที่ลูกเขย แต่มุมปากกลับเหยียดตรงพร้อมเผยอกว้าง
“เฮ้ย! ทำไม...”
คนที่ต้องเดินเข้ามาควรเป็นก้าวกล้า
ไม่ใช่กองปราบในชุดเจ้าบ่าว!!
