๘ นกในกรง (๑)
๘
นกในกรง
คนเป็นพ่อขับรถออกตามหาลูกสาวไปทั่ว จนโดนโทรเรียกกลับมาบ้านแล้วให้ลูกชายอีกสามคนออกไปตามบ้าง โชคดีที่ฌานินทร์รู้จักเพื่อนพี่สาว จึงได้ขับรถไปถามหาโดยมีฌอร์นเป็นคนขับและฌองส์นั่งข้างกัน
ชายวัยกลางคนนั่งกุมขมับอยู่โซฟาห้องรับแขก โดยมีปริณดานั่งเคียงกัน ถึงไม่รู้เรื่องมากนักแต่พอจะประติดประต่อทุกอย่างเองได้
กระทั่งเรื่องที่กองปราบนอกใจลูกสาวของตนไปคบคนใหม่ ซึ่งไม่ใช่นิสัยของชายข้างบ้านเลยสักนิด อาจมีเบื้องหลังมากกว่าที่ตนทราบ
“พี่ฌาร์มคะ รู้เรื่องน้องเฌอกับพี่ปราบนานแล้วใช่ไหม” เกริ่นถามโดยสายตาไม่ผละจากดวงหน้าคม ใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยานับยี่สิบปีจนลูกๆ เติบใหญ่ คิดว่ารู้จักนิสัยของอีกฝ่ายทุกซอกมุม แต่คราวนี้เพียงแค่มองเขากลับเหมือนเป็นอีกคน
คนที่เธอไม่เคยรู้จัก...
“พี่รู้สักพักแล้ว” ตอบด้วยเสียงอ่อนแรง
พยายามคิดหาวิธีและหนทางเพื่อไม่ให้ทั้งสองสานสัมพันธ์ แต่ไม่นึกว่าจะทำให้ลูกสาวเพียงคนเดียวเจ็บปวดจนต้องหนีออกจากบ้าน เรื่องชักจะบานปลายจากตอนแรกที่จะทำเงียบๆ จนตอนนี้คนทั้งบ้านรู้ความสัมพันธ์ของกองปราบและเฌอรีนาหมดแล้ว
เขาคงต้องคิดหาวิธีใหม่ แต่ก่อนอื่นคงต้องหาลูกสาวของตนให้พบว่าหายไปไหน เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แล้วจะมีที่ใดให้หลบได้อีก...
“งั้นเรื่องที่พี่ให้ลูกไปอยู่บ้านคุณแม่ พยายามให้ลูกดูตัวเพราะต้องการแยกลูกออกจากพี่ปราบเหรอคะ” เรื่องประหลาดที่ฌาร์มทำมาตลอดเพิ่งเฉลยก็วันนี้เอง ปริณดาจ้องเสี้ยวหน้าคมนิ่ง แววตาของหล่อนฉายชัดถึงความผิดหวังต่อสามี
“ใช่”
“ทำไมพี่ฌาร์มทำแบบนั้น” ลึกยืนพลางเดินมาหยุดตรงหน้าเขาเมื่อฟังคำตอบของอีกฝ่าย พยายามค้นหาความรู้สึกผิดแต่กลับพบเพียงความเฉยชา กระทั่งความรักของลูกสาวที่ปากเขาบอกว่ารักนักหนายังถูกบงการ
เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าเขาจะจงเกลียดจงชังอะไรกองปราบนักหนา หล่อนไม่เห็นว่าสองคนนั้นจะทำผิดตรงไหน
ถึงอายุจะห่างกันมากแล้วอย่างไร แม่อย่างเธอไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก ขอเพียงแค่เป็นคนที่ลูกรักก็พร้อมสนับสนุนเต็มที่ ยิ่งเป็นกองปราบที่รู้จักมักคุ้นกันอย่างดี คนอย่างนั้นไม่มีทางทำร้ายเฌอรีนาแน่นอน
“เขาอายุห่างจากลูกเราตั้งเท่าไหร่ เป็นพ่อน้องเฌอได้ด้วยซ้ำแต่กลับคิดไม่ซื่อกับลูกเรา ทั้งยังเคยเป็นแต่งงาน เคยชอบปลาย พี่จะไว้ใจให้รักกับน้องเฌอได้ยังไง พี่ไม่เห็นด้วยหรอก” ยืนกรานเป็นกระต่ายขาเดียว คราวนี้หล่อนถึงต้องลดเสียงแล้วลองประนีประนอม อย่างน้อยก็ให้คนใจร้อนเห็นใจลูกสาวตัวน้อยบ้าง
ยังจดจำแววตาของเฌอรีนาตอนอยู่ห้องอาหารได้เป็นอย่างดี ประกายสดใสยามได้เจอ หดหู่เมื่อถูกหลอก ตนเหมือนได้เห็นตัวเองตอนเป็นหญิงสาวที่ตามจีบเพื่อนรักของพี่ชาย ไม่ได้ต่างกันสักนิด
ลูกสาวเดินตามรอยของแม่ เพียงแต่ตอนนั้นมีแต่คนสนับสนุนเธอให้ได้ลงเอยกับเขา ทว่าตอนนี้คนเป็นพ่อกลับขัดขวางลูกสาว แล้วจะให้ปริณดานิ่งนอนใจได้อย่างไร
“แต่เขารักกันนะคะพี่ฌาร์ม น้องเฌอรักพี่ปราบ” ยิ่งเธอย้ำเขาก็ยิ่งหงุดหงิด ลูกสาวที่เฝ้าทะนุถนอมมาตั้งแต่เด็กกลับได้คนรักที่แก่กว่าหลายรอบ มองอย่างไรก็เหมือนพ่อลูกมากกว่าคู่รัก
กองปราบคิดอย่างไรถึงได้มาคบเด็กรุ่นลูกแบบนี้ ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ...หรือบางทีอีกฝ่ายอาจกำลังต้องการแก้แค้นเขากับเรื่องในอดีตที่ผ่านมาหลายสิบปี
“รักได้ก็เลิกรักได้ สองคนนั้นไม่เหมาะสมกันสักนิด” ยังคงบอกเสียงหนักแน่น
“ความเหมาะสมสำหรับพี่คืออะไรคะ ต้องเป็นแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับความต้องการของพี่ฌาร์ม ตกลงชีวิตของน้องเฌอเป็นของลูกหรือของใครกันแน่” ร่างบางเองก็ไม่ยอมเช่นเดียวกัน เธอคิดจะถือหางกองปราบเพื่อที่ลูกสาวจะได้มีความสุข
“ปลายไม่เข้าใจ” เขาพรูลมหายใจด้วยความอึดอัด นอกจากหัวเสียที่ตามหาลูกสาวไม่เจอยังต้องมาทะเลาะกับภรรยาอีก หลายปีที่อยู่ด้วยกันอาจไม่เข้าใจกันบ้างในบางเรื่อง ทว่าเป็นอีกฝ่ายที่ยอมอ่อนข้อแล้วลงให้เสมอ
เขาจึงคิดว่าภรรยาจะเข้าข้างตนเอง แต่ดูเหมือรวันนี้ปริณดาจะยืนคนละฝ่าย ยิ่งทำให้ร่างหนารู้สึกโดดเดี่ยว...
แต่ไม่คิดยอมแพ้ให้ลูกสาว อย่างไรก็ต้องหาคนที่เหมาะสมและคู่ควรกับเฌอรีนา มากกว่าผู้ชายที่แก่คราวพ่อ
“ค่ะ ปลายไม่เข้าใจ”
“แล้วปลายไม่เห็นเหรอว่ามันมีคนใหม่ คบกับลูกเราพร้อมคบผู้หญิงอีกคน” เขาหาข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นสำหรับหล่อน มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่ากองปราบไม่ได้มีความเสน่หาต่อหญิงคนนั้น ดูเหมือนแววตาของพี่ชายข้างบ้านจะมองเพียงลูกสาวของเธอ
แล้วอย่างนี้จะให้คิดว่ายังไงล่ะ...ไม่มีทางที่เธอจะเชื่อคำพูดของฌาร์ม
“ปลายไม่เชื่อว่าพี่ปราบจะเป็นคนแบบนั้น ปลายมองตาเขาก็รู้ว่าไม่ได้รักคุณเจน พี่ไปพูดอะไรกับเขา” กลายเป็นว่าตนถูกต้อน ใบหน้าคมเคร่งขรึมด้วยความโมโหปนน้อยใจ ทำไมหล่อนถึงไม่เชื่อใจเขาทั้งที่เราเป็นสามีภรรยากัน
“ตกลงว่าพี่ผิดใช่ไหม พี่ผิดที่หวังดีกับลูก”
“ถ้ามันคือความหวังดีจริง น้องเฌอคงไม่หนีออกจากบ้านแบบนี้หรอกค่ะ พี่ทบทวนตัวเองดีกว่าว่าทำเพื่อลูก หรือทำเพื่อตัวเองกันแน่...วันนี้ปลายจะไปนอนห้องรับแขกนะคะ” ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้โมโห เธอจึงเลือกปล่อยเขาเอาไว้ลำพัง
แต่ก็ยังไม่วายหันมาบอกเรื่องที่ตนจะไปนอนอีกห้อง กลัวว่าถ้าคืนนี้นอนห้องเดียวกันอาจได้ทะเลาะจนเรื่องราวใหญ่โต
ถือเป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบปีที่พวกเราแยกห้องนอน สร้างความหงุดหงิดแก่ฌาร์มจนไม่รู้จะระบายอารมณ์อย่างไร จึงคว้าหมอนอิงมาขว้างลงพื้นพร้อมสบถเสียงดังด้วยความหัวเสีย เรื่องนี้ต้องโทษกองปราบ เพราะผู้ชายคนนั้นที่ทำให้ครอบครัวสงบสุขของเขาต้องเกิดรอยร้าว
“โธ่เว้ย!”
ฌาร์มยังคงนั่งรอลูกชายอยู่ที่เดิม ถึงเวลาจะเคลื่อนคล้อยจนจะล่วงเข้าสู่วันใหม่ กระทั่งได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาในเขตรั้วบ้าน ร่างสูงจึงรีบลุกทันทีพร้อมก้าวเข้าไปหาฌาร์นที่เดินนำหน้าน้องทั้ง ดูจากสีหน้าไม่คิดว่าจะเป็นข่าวดี
“หาเฌอเจอหรือเปล่า”
“ไม่เจอเลยครับ เพื่อนพี่เฌอบอกว่า...ไม่ ไม่เจอพี่เฌอ” ฌอร์นพรูลมหายใจด้วยความเหนื่อยล้าจากการตามหาตัวพี่สาวครึ่งค่อนคืนแต่กลับความน้ำเหลว พยายามตามเท่าที่พอจะทราบว่าคนอย่างเฌอรีนาจะไปไหน
กลับไม่พบเลยสักแห่ง จึงเลือกกลับมาบ้านเพื่อปรึกษาบิดา แต่ดูเหมือนว่าท่านก็คิดหนักเหมือนกันว่าจะเอาอย่างไร
“เอายังไงดีป๊า” ฌานินทร์หมดหนทางจึงต้องถาม แต่ฌาร์มเห็นใบหน้าของลูกที่เหนื่อยล้าก็เลือกจะส่ายศีรษะ ไม่อยากให้ทุกคนต้องมาปวดหัวกับเรื่องนี้ หลังจากทบทวนเป็นอย่างดีเขาพอจะคิดออกแล้วว่าควรตามหาลูกสาวที่ไหน
“ไปพักเถอะ เดี๋ยวพ่อจะออกไปหาเฌอเอง” ตบบ่าลูกชายแล้วบอกให้ไปนอน ทั้งสามพยักหน้าเชื่อฟังเป็นอย่างดี พากันเดินขึ้นบนห้องเพื่อพักผ่อน หลงเหลือเพียงฌาร์มครเดียวที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ยอมไปไหน
อย่างไรวันนี้ภรรยาก็ไปนอนอีกห้อง เขาไม่อยากขึ้นไปพบความว่างเปล่าของห้องที่เคนมีปริณดาอยู่เคียงกัน จึงเลือกนั่งอยู่ตรงนั้นแล้วใช้ความคิด
ลองไปหาดีไหมนะ...
“ฌาร์ม...เรื่องน้องเฌอกับกองปราบนี่เป็นความจริงเหรอ” ต้นเดือนที่เคลียร์งานเรียบร้อยเดินออกจากห้องทำงานด้านล่าง เขามีงานด่วนเข้ามาจึงไม่ได้ออกมาช่วยตามหาหลานสาว แต่ตอนอยู่ที่โต๊ะอาหารค่อนข้างตกใจเมื่อรับรู้เรื่องราวทุกอย่าง
ไม่อยากเชื่อเลยว่ากองปราบจะแอบคบกับสาวคราวหลาน ตอนนั้นจีบน้องของเขาแต่กินแห้ว แต่ตอนนี้กลับสมหวังกับหลานแทน
นึกว่าจะมีแต่ในละครซะอีก แต่ดันเกิดขึ้นจริงซะได้
“อย่างที่นายเห็นนั่นแหละ”
“เหลือเชื่อ! คบกันมานานแล้วด้วย” ถึงกับตาสว่างเมื่อได้รับการยืนยัน ต้นเดือนครองตัวโสดมานาน มีบ้างที่หาเศษหาเลยกับคนอายุน้อยกว่า ทว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์กับเด็กรุ่นหลานเลยสักครั้ง พอเป็นการคบหาของกองปราบและเฌอรีนา เล่นเอาอึ้งจนเผยอปากค้าง
ยิ่งเห็นความรักที่หลานของตนมีต่อฝ่ายชาย เรียกว่ารักจนโงหัวไม่ขึ้นด้วยซ้ำ
“แล้วนายจะไปตามหาลูกที่ไหน สามแสบนั่นก็บอกว่าหาบ้านเพื่อนน้องเฌอหมดแล้วไม่ใช่เหรอ หรือมีที่ที่ยังไม่ได้หาอีกหรือเปล่า” ยิ่งดึกก็ยิ่งเป็นห่วง แม้รู้ว่าเฌอรีนาจะดูแลตัวเองได้ แต่การออกจากบ้านทั้งที่หัวใจบอบช้ำก็ยิ่งทำให้คนรอบข้างเป็นห่วง
“มีสิ มีอีกที่หนึ่ง”
“ที่ไหน...”
ฌาร์มไม่ได้ตอบอะไร ทำเพียงเดินออกจากบ้านแล้วอ้อมไปด้านข้างที่มีรั้วติดกับบ้านข้างกัน เขาไม่คำนึงถึงอายุของตัวเอง จับกำแพงไว้มั่นและยกกายขึ้นไปนั่งด้านบน ไม่สนใจว่ากำลังบุกรุกบ้านคนอื่นยามวิกาลเพราะใจมันร้อนรนเกินกว่าจะเดินไปกดออดแล้วถาม
ทั้งที่ปากบอกจะออกไปตามลูกสาวเขา แต่รถยนต์กลับจอดเรียงคันอยู่ในโรงรถ มองปราดเดียวก็รู้ว่ายังอยู่ในบ้านไม่ได้ไปไหน ยิ่งทำให้ร่างสูงมั่นใจกว่าเดิม
เส้นผมบังภูเขาแท้ๆ
“แอบเข้าไปแบบนี้จะดีเหรอ” กระโดดลงจากรั้วก็แอบเจ็บแปลบที่เข่า ถึงจะออกกำลังกายมากแค่ไหน พยายามรักษาหุ่นอย่างไรแต่ก็ได้แค่ภายนอก ร่างกายภายในของเขาเริ่มผุพังตามกาลเวลา ต้นเดือนที่แอบตามเข้ามาถึงกับหอบ ไม่เข้าใจทำไมเพื่อนไม่เดินไปเปิดประตู แบบนั้นไม่ง่ายกว่าเหรอ
“มาเถอะน่า” ตอบเสียงเบาแล้วค่อยเดินเข้าไปข้างใน
เขาไม่มีอะไรจะเสียแล้วเพราะได้เสียลูกสาวสุดที่รักให้กับเพื่อนบ้าน ยอมรับว่าตนไม่ชอบหน้ากองปราบเอาซะเลย ตั้งแต่ตอนที่เข้ามายุ่งกับปริณดาแล้ว ถึงวันเวลาจะผ่านความรู้สึกของฌาร์มก็ไม่ได้เปลี่ยน จึงไม่ค่อยเสวนาพาทีกับเพื่อนข้างบ้าน
“ประตูไม่ได้ล็อค...” เดินมาถึงด้านหน้าเห็นแสงสว่างเปิดทั่วห้องโถง รู้ทันทีว่าคนข้างในยังไม่เข้านอน ไม่รอช้าจับกลอนประตูแล้วลองบิดเพื่อดูว่ามันล็อคหรือเปล่า โชคดีที่สามารถเปิดเข้าไปได้ ทั้งสองจึงไม่รอช้าที่จะบุกรุกบ้านผู้อื่นในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด เพราะคนเป็นพ่อห่วงลูกสาวของตัวเอง เกินกว่าจะรอได้
“เฌอรักอาปราบจริงๆ นะคะ เฌอรักอาปราบ...อื้อ” ภาพที่เห็นคือร่างแบบบางอ้อนวอนขอความรัก พร้อมดึงใบหน้าคมเข้ามาประกบปากอย่างรวดเร็ว แต่กองปราบก็ผลักเธอออกเป็นการปฏิเสธความรักนั้น
ต้นเดือนถึงกับอ้าปากกว้าง อึ้งกับภาพตรงหน้าเป็นอย่างมากจนพูดไม่ออก ต่างจากฌาร์มที่กำมือแน่นด้วยความโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เรียกชื่อของบุตรสาวเสียงดังเป็นทั้งการเรียกและเตือนสติไปในตัว ไม่นึกว่าเลี้ยงดูอุ้มชูมาอย่างดี กลับดึงผู้ชายคราวพ่อมาจูบอย่างไม่อายใคร
“เฌอรีนา!!”
“คุณพ่อ ลุงต้น...” พอได้ยินชื่อของตนก็หันมามองอย่างรวดเร็ว เธอเบิกตากว้างไม่คิดว่าจะโดนตามตัวพบเร็วขนาดนี้ ก้าวถอยไปหลบด้านหลังของกองปราบตามสัญชาตญาณ รู้ดีว่าถ้าถูกจับไปคงไม่ได้พบกับคนรักอีก
“กลับบ้านกับพ่อ!” ย่างสามขุมเข้าไปหาลูกสาว แต่โดนเจ้าของบ้านขวางเอาไว้ สองหนุ่มจ้องหน้ากันนิ่งไม่มีใครยอมใคร ดูเหมือนว่าหนุ่มนักบินจะไม่ยอมให้เขาพาลูกสาวออกไปจากบ้านหลังนี้ ยิ่งทำให้ประธานแลนด์ฟู๊ดโกรธมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
รีบเบี่ยงตัวไปคว้าแขนเรียวพลางดึงมายืนข้างตน ไม่สนใจว่าลูกจะเจ็บหรือเปล่า ขอเพียงแค่พาเฌอรีนากลับบ้านต้นตระการให้เร็วที่สุด
“ไม่กลับ เฌอไม่กลับ เฌอจะอยู่กับอาปราบ คุณพ่อปล่อยเฌอนะ” ทว่ามือข้างที่ว่างของหล่อนกลับคว้าแขนกองกราบเอาไว้ ยื้อตัวไม่ยอมตามท่านออกไปข้างนอก ดวงตาแดงก่ำอย่างคนผ่านการร้องไห้มาหนัก
“พ่อบอกให้กลับ”
“ไม่!” ตวาดกลับเสียงดังแล้วพยายามจะสะบัดมือออกจากการจับกุมของบิดา กองปราบเห็นอย่างนั้นยิ่งรู้สึกผิดที่ทำให้เธอต้องทะเลาะกับพ่อ ค่อยปลดมือบางออกจนหญิงสาวต้องหันมามองด้วยความตกตะลึง ราวกับว่าเขากำลังจะปล่อยให้เธอเผชิญกับอุปสรรคเพียงลำพัง
“น้องเฌอ อย่าดื้อกับพ่อเลยนะ กลับไปกับพ่อเถอะ”
“อาปราบ...” เธอส่ายหน้าทันทีพร้อมพึมพำชื่อของเขาเสียงแผ่วอย่างคนไร้เรี่ยวแรง ต้นเดือนมองภาพตรงหน้ายิ่งตกตะลึงมากกว่าเดิม
ทั้งที่กองปราบบอกว่าคบกับผู้หญิงอีกคน แต่หลานของเขาก็ดูรักมั่นซะเหลือเกิน อย่างไรก็ไม่ยอมผละห่าง แววตาเปี่ยมด้วยความรักจนคนที่ทำได้แค่มองรู้สึกซาบซึ้งไปด้วย ต้องเตือนตัวเองว่าเพื่อนข้างบ้านกำลังทรยศความรักของหลานสาว
