บท
ตั้งค่า

๗ อุปสรรคของเรา (๑)

อุปสรรคของเรา

เป็นครั้งแรกที่ฌาร์มเข้ามาเหยียบบ้านลิขิตสกุล เขาไม่ค่อยสนใจของตกแต่งมากเท่าไหร่ สิ่งที่ต้องการคือพูดคุยกับหนุ่มนักบินให้รู้เรื่องว่าควรทำอย่างไรจึงจะเหมาะสม เมื่อเตือนลูกสาวของตนไม่ได้ ก็คงต้องเข้าทางฝ่ายชาย

คิดว่ากองปราบน่าจะมีวุฒิภาวะมากพอในการหยุดความสัมพันธ์ที่รังแต่จะสร้างปัญหาในอนาคต เขาไม่เห็นหนทางว่าคนทั้งสองจะมีความสุขได้อย่างไร

“เชิญครับ” ผายมือให้แขกนั่งลงที่โซฟาตัวยาว ส่วนตนก็เดินเข้าห้องครัวเพื่อนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟตามมารยาท พอจะทราบว่าอีกฝ่ายมาหาตนด้วยเรื่องอันใด

คนที่แทบไม่อยากมองหน้าหรือเดินผ่านบ้านเขาอย่างฌาร์มน่ะหรือ จะมาหาตนหากไม่ใช่มีธุระจำเป็นที่เกี่ยวข้องกับคนสำคัญ

“คุณกับเฌอรีน...เป็นอะไรกัน” เพียงแค่เจ้าของบ้านทรุดกายนั่งลงเยื้องกัน ประธานบริษัทท่าทางภูมิฐานก็พุ่งโจมตีอย่างรวดเร็ว เล่นเอานักบินหนุ่มถึงกับนิ่งเงียบไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไปสักคำ พยายามไตร่ตรองกับเหตุการณ์ตรงหน้าว่าควรทำอย่างไร

นึกถึงเรื่องเมื่อวันก่อนที่เฌอรีนาตาแดง ทั้งยังพูดแปลกๆ มาถึงวันนี้เขารู้แล้วว่าเธอต้องการสื่ออะไร

ฌาร์มคงรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว...ดูจากสายตาคงไม่ได้มาแสดงความยินดีหรอก

“การที่คุณถามผมแบบนี้ ก็น่าจะทราบระแคะระคายมาบ้าง ผมขอตอบคุณตามตรงเลยแล้วกัน ผมรักน้องเฌอและตอนนี้เรากำลังคบกัน” ความแน่วแน่กับแววตามั่นคงไม่ได้ทำให้คนเป็นพ่อซาบซึ้งกับความรักนั้นสักนิด ทำเพียงจ้องกองปราบนิ่ง

เขาเจอหน้าอีกฝ่ายตั้งแต่เพิ่งเริ่มรักปริณดา จนตอนนี้มีลูกสาวลูกชายถึงสี่คน โดยที่ไม่คิดว่าวันหนึ่งหนุ่มนักบินจะเข้ามาครองตำแหน่งลูกเขย ไม่เคยคิดและไม่มีวันให้มันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน จึงต้องตัดไฟแต่ต้นลม

เพิ่งคบกันคงอยู่ในขั้นหลงใหล ไม่ได้รักปักใจหรอก อีกอย่างกองปราบเป็นผู้ใหญ่ ต้องรู้ว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควร

“คุณคิดยังไงถึงคบกับเด็กเพิ่งเรียนจบมหา’ลัย น้องเฌออายุแค่ยี่สิบสองแต่ตอนนี้คุณอายุเท่าไหร่ อีกกี่ปีจะห้าสิบ คุณจะให้ความสุขกับลูกสาวผมอีกนานแค่ไหน ไม่คิดหรือไงว่าการทำแบบนี้เป็นการทำร้ายแกทางอ้อม”

เหมือนว่าฌาร์มจะโยนความผิดทั้งหมดให้หนุ่มนักบินเพียงคนเดียว บรรยากาศรอบตัวอึดอัดมากกว่าเดิม สายตาของคนเป็นพ่อกดดันเจ้าของบ้านอย่างหนักเพื่อให้เลิกกับลูกของตัวเอง เขาแสดงออกชัดเจนว่าไม่ยินดีกับความรักครั้งนี้

และจะไม่มีวันยอมรับ...

“ก่อนที่ผมจะคบน้องเฌอ ผมคิดทุกคืน...แต่พอผมรู้ว่าผมกำลังจะเสียน้องเฌอให้คนอื่น ผมเลยรู้ว่ารักเขามากแค่ไหน” หลายครั้งที่เขาพยายามจะไม่รักคนอายุน้อยกว่า แต่ก็ไม่เคยทำสำเร็จเลย ในความคิดมักมีใบหน้าหวานลอยฟุ้งส่งยิ้มสดใสให้เสมอ สุดท้ายเขาก็แพ้หัวใจตัวเอง ยอมตกลงคบกับเฌอรีนาถึงรู้ว่าหนทางข้างหน้าไม่ง่าย

เจออุปสรรคก็เป็นบิดาของหล่อน แล้วเขาก็ไม่มีทางสู้ซะด้วย ไม่อยากให้ตนเข้าไปเป็นปัญหาขัดแย้งของครอบครัว

“ความรักของคุณมันเห็นแก่ตัว” โดนตราหน้าทันทีเมื่อฟังกองปราบพูดจบ

“ถ้าคุณปฏิเสธให้ชัดเจนแต่แรก เฌอก็คงได้คบกับคนที่อายุเท่ากัน ไม่ต้องมีประวัติคบกับพ่อม่ายอายุห่างกันยี่สิบกว่าปีอย่างนี้ คนอื่นจะมองน้องเฌอว่ายังไง ทั้งที่เขาควรได้รักกับคนรุ่นเดียวกัน กลับต้อง...เฮ้อ คุณโตแล้วก็น่าจะรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร” เอนกายพิงพนักเมื่อพูดจบด้วยความโกรธ

หอบหายใจถี่ด้วยอารมณ์คุกรุ่น เขาไม่เข้าใจเลยว่ากองปราบต้องการอะไรถึงคบกับสาวรุ่นหลาน ที่เห็นพัฒนาการเติบโตมาตั้งแต่แรกเกิด ทำไมถึงยังกล้าจะคบด้วย ไม่คิดว่าเฌอรีนาเป็นหลานหรืออย่างไร เหตุการณ์แบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ

ถ้าอีกฝ่ายมีสามัญสำนึกมากพอ...ฌาร์มคิดอย่างไม่เข้าใจและกล่าวโทษหนุ่มนักบินเพียงผู้เดียว ถึงเรื่องยุ่งยากที่เกิด

“ผมไม่เคยล่วงเกินน้องเฌอ...แล้วการที่เรารักกันมันผิดมากนักเหรอ หรือแค่เพราะผมแก่กว่าเขา เหตุผลแค่นั้นคุณถึงเอามาตัดสินว่าเราไม่เหมาะสมกัน” กองปราบพยายามเงียบมาตลอด แต่เขาก็เป็นเพียงมนุษย์ที่มีความรู้สึก โมโหเป็นเหมือนกันจึงต้องถามกลับ

เขาแค่อยากมีความรักมันผิดนักหรือไง...

คนเราเลือกรักใครไม่ได้หรอก ถ้าทำได้เขาก็อยากรักคนที่อายุใกล้เคียงกัน แต่เพราะหัวใจทั้งดวงมีเพียงเฌอรีนา แล้วจะให้ทำอย่างไร

“อีกไม่กี่ปีคุณก็เข้าสู่วัยทอง ทั้งที่ลูกสาวของผมเพิ่งจะได้ใช้ชีวิตของตัวเอง ความต่างเรื่องวัยมันน่ากลัวนะคุณกองปราบ” กัดฟันแน่นตอกกลับเช่นเดียวกัน และดูเหมือนมันจะเป็นปมในใจของกองปราบที่ไม่กล้าบอกคนรัก

ใช่...อีกสิบปีเขาก็เข้าสู่วัยเกษียณ

ต่างจากเฌอรีนาที่กำลังเบ่งบานสะพรั่ง อายุของพวกเราต่างกันเกินไปจนควรเป็นแค่อาหลาน ทว่าความรักไม่อนุญาตให้เป็นแบบนั้น

ที่สำคัญคือเขารักเธอเกินกว่าจะย้อนกลับไปเริ่มต้นใหม่ วันวานสำหรับตนไม่มีอีกต่อไป มีเพียงอนาคตที่ต้องเดินเคียงกัน ถึงจะเจออุปสรรคหนักหนาก็ตาม

“พวกเราเข้ากันได้ดี เรื่องนั้นมันสามารถปรับได้” ยืนยันหนักแน่นด้วยคำเดิม

พวกเขาคบกันใกล้จะเข้าเดือนที่สาม พยายามปรับตัวเข้าหากันแล้วลองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ซึ่งมีบางครั้งที่ทะเลาะ แต่ส่วนมากก็ปรับความเข้าใจทันที กองปราบเป็นคนพูดเองว่าไม่อยากให้โกรธข้ามวัน เขาไม่รู้ว่าตัวเองเหลือเวลาบนโลกนี้เท่าไหร่ จึงอยากใช้กับหญิงสาวให้มากที่สุด

หากเป็นเมื่อก่อนคงยอมถอย แต่ตอนนี้เขาไม่อาจปล่อยมือเฌอรีนาได้แล้ว รักเธอเกินกว่าจะกล้าปล่อยมือ ถึงคนที่ขอร้องจะเป็นพ่อของหญิงสาวก็ตาม

“หรือที่คุณไม่อยากให้เราคบกัน...เป็นเพราะคุณไม่ชอบผม” ถามต่อไม่เปิดโอกาสให้ฌาร์มได้พูด แล้วมันก็แทงใจดำชายหนุ่มเข้าอย่างจัง จึงหลุดหัวเราะพลางส่ายศีรษะยามคิดว่าคนตรงหน้าจะเข้ามาเป็นลูกเขยของตน

เขามีลูกสาวคนเดียว ทะนุถนอมเลี้ยงดูมาอย่างดี...แต่กลับต้องยกให้คนที่แก่คราวพ่อ คิดอย่างไรก็ไม่สมเหตุสมผลสักนิด

“คงตลกดี...ลูกเขยอายุมากกว่าแม่ยายซะอีก”

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งเมื่อดูเหมือนว่าจะไม่มีใครยอมลงให้อีกฝ่ายเลย กองปราบครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ฌาร์มยอมรับ แต่เขาก็เลิกคิดทันทีเพราะรู้ดีว่าคนตรงหน้าคงปฏิเสธเหมือนเดิม

“ผมมีผู้หญิงจะแนะนำให้คุณรู้จัก คนที่อายุใกล้กัน โสด ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย หน้าตาดี การงานเด่น...” บอกลูกสาวไม่ได้ก็ใช้วิธีบังคับหนุ่มนักบินทางอ้อม เขาคิดว่าถ้าอีกฝ่ายได้คู่ที่เหมาะสมก็คงเลิกยุ่งกับลูกสาวตน

“คุณจะบังคับให้ผมเลิกกับน้องเฌอให้ได้ใช่ไหม” ยิ่งมั่นใจในความคิดของตัวเองว่าฌาร์มคงไม่ยอมรับเรื่องของเรา ถึงเขาจะแสดงความจริงใจมากแค่ไหนก็ตาม

ปัญหามันติดที่อายุ...หรือเรื่องในอดีตกันแน่

“ผมไม่ได้บังคับ ผมแค่แนะนำทางเลือก” น้ำเสียงของประธานบริษัทเริ่มผ่อนคลาย กลายเป็นกองปราบเองที่รู้สึกเหมือนถูกต้อนให้จนมุม แล้วเขาก็หาทางออกไม่เจอ ไม่รู้ว่าทำอย่างไรตนถึงจะถูกยอมรับจากว่าที่พ่อตา

“มันไม่ใช่ทางเลือกครับ มันคือการปิดตายทุกทางแล้วบังคับให้เดินทางนั้นทางเดียว” กล่าวอย่างอ่อนแรง ขณะที่แขกหนุ่มหยิบแก้วน้ำมาดื่มจนเหลือเพียงครึ่งเดียว ค่อยยกยิ้มมุมปากพลางเอ่ยถามอีกครั้งเหมือนให้เจ้าของบ้านตัดสินใจสักที

“หึ แล้วคุณจะว่ายังไงล่ะ”

“ผมรักน้องเฌอ ผมจริงใจกับลูกสาวคุณ” แต่กองปราบก็ยังยืนกรานคำเดิมที่เขาไม่อยากฟัง รอยยิ้มของฌาร์มกระตุก ขัดใจที่ไม่มีสิ่งใดเป็นดั่งหวัง เขาผิดพลาดที่ไม่สอดส่องดูแลเฌอรีนาให้ดีจนมาคบกับคนข้างบ้าน

“พูดตามตรงนะ ผมรับไม่ได้...ผมรับไม่ได้จริงๆ” ยันยันความรู้สึกของตัวเองเพื่อให้อีกฝ่ายถอย ความรักครั้งนี้มันไม่ถูกต้อง

เขาไม่มีทางเห็นด้วยเด็ดขาด

“เรื่องที่ผมจะพูดมีเท่านี้แหละ คุณไปตัดสินใจให้ดีอีกทีแล้วกันว่าควรคบกับลูกสาวของผม ทั้งที่พ่อแม่เขาไม่เต็มใจหรือเปล่า” ลุกยืนเต็มความสูง จดจ้องใบหน้าที่มีร่องรอยของกาลเวลานิ่ง ค่อยก้าวออกจากบ้านลิขิตสกุลโดยไม่ยอมเหลียวกลับมามองอีกครั้ง ขณะที่กองปราบทำได้เพียงตอบรับเสียงเบาอย่างครุ่นคิดว่าควรทำอย่างไร

“ครับ” เขาไม่ได้ลุกขึ้นหรือเดินไปส่ง ทำเพียงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น

การเจอเฌอรีนาวันนี้คงเป็นเรื่องยากซะแล้ว

เพราะต้องตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรกับความสัมพันธ์ของเรา ถึงเขาไม่อยากปล่อยมือแต่พ่อของเธอก็ขัดขวางจนมองหาหนทางข้างหน้าที่จะเดินเคียงข้างกันไม่เจอ

เพิ่งได้บอกรักจะต้องบอกลาแล้วเหรอ...

อาจเพราะเขากำลังนั่งเหม่อ ไม่รู้ว่าหย่อนกายอยู่โซฟาริมหน้าต่างติดสวนด้านข้างตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้เพียงว่าเขาจดจ้องต้นไม้ที่ใบของมันพัดปลิวไปตามลม ดวงตาคมหยุดการเคลื่อนไหว เป็นครั้งแรกที่เหม่อลอยไม่ทำอะไรทั้งวันหลังจากฌาร์มกลับไป

เส้นทางต่อจากนี้ไม่รู้ว่าจะเลือกเดินทางใด เขาไม่อยากเลิกกับเฌอรีนา แต่การจะรั้นคบต่อก็อาจทำให้ครอบครัวนั้นทะเลาะกัน ตนไม่ต้องการเป็นต้นเหตุ

ชายหนุ่มถอนหายใจไม่รู้กี่ครั้ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนแอบหย่องมาทางด้านหลังแล้วขึ้นคร่อมบนตักแกร่ง กอดรอบลำคอหนาเอาไว้พลางหอมแก้มสากด้วยความรัก

“อาปราบ! คิดถึงจังเลยค่ะ” เธอไปทำงานตอนเช้า ก่อนออกจากบ้านยังคงบอกรักเช่นเดิม นัดกันว่าเย็นนี้จะรับประทานอาหารร่วมกัน หญิงสาวจึงได้มาที่บ้านอันแสนอบอุ่น เพราะมีชายหนุ่มผู้เป็นดังเตาผิงคลายความเหน็บหนาวให้เธออยู่ทั้งคน

ผละออกเพื่อจ้องดวงหน้าคม ดวงตากลมโตฉายแววรักใคร่ไม่เสื่อม เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่เธอก็ยังรักเขาเหมือนเดิม จังหวะที่ไม่คาดคิด ใบสากประคองใบหน้ารูปไข่แล้วโน้มลงมาจุมพิตแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ปกติเขาไม่เคยเป็นฝ่ายรุก มีแค่เธอที่พยายามจะให้ท่าแฟนหนุ่มตลอดเวลายามอยู่ด้วยกันสองคน ซึ่งไม่เคยเป็นผลเลย ต่างจากคราวนี้

“อื้อ” ครางในลำคอด้วยความชอบใจ หล่อนเอียงศีรษะให้ได้องศาในการจูบ ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยสวยโดยสอดมือเข้าไปในกลุ่มผมหนาที่เริ่มเปลี่ยนสีจนต้องเลือกใช้น้ำยาย้อมผม

ริมฝีปากยังคงไม่คลายออกจากกัน สัมผัสต่างจากทุกครั้งที่จะอ่อนโยน มาคราวนี้กลับรุนแรงดุดันเล่นเอาเธอตั้งรับแทบไม่ทัน แต่หญิงสาวก็สู้สุดใจไม่ยอมแพ้ เปิดปากเพื่อให้ลิ้นหนาเข้ามาสำรวจทั่วโพรงปาก ใช้โอกาสนี้หยอกล้อคืนแล้วค่อยเคลื่อนกายเล็กน้อย

โชคดีที่เธอนั่งคร่อมเขาจึงง่ายกับการส่ายสะโพก ไม่รู้ว่าร่างสูงทนต่อความเย้ายวนได้อย่างไร เพราะสำหรับเฌอรีนาแล้วแทบทนไม่ไหว เธออยากให้เขาเข้ามาในกายตนจนต้องเอ่ยวอนขอยามกองปราบผละออก

“อา อาปราบ...สามเดือนช่างมันไม่ได้เหรอคะ เฌอว่าเราลองข้ามขั้นดีไหม” ภายในแววตาหวานเต็มไปด้วยความปรารถนา เขาก็เช่นเดียวกัน...

เพียงแต่มีเรื่องให้คิดมากกว่า จึงเลือกโอบเอวบางมากอดโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว ทำให้ตกอยู่ในอ้อมอกแกร่ง ใบหน้าแนบชิดแผงอก ถึงกับงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนตรงหน้า

“อารักน้องเฌอมากนะคะ” เป็นครั้งแรกที่เขาบอกรักเธอก่อน สร้างความดีใจแก่เฌอรีนาเป็นอย่างมาก จึงไม่พลาดที่จะบอกรักแฟนหนุ่มเช่นเดียวกัน

“น้องเฌอก็รักอาปราบ รักมากที่สุดเลยค่ะ” ซุกกายพลางออดอ้อนคนอายุมากกว่า ดวงหน้าหวานประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง มีความสุขยามได้อยู่ข้างกัน และคิดว่าจะต้องได้อยู่กับเขาไปอีกแสนนาน

หล่อนเชื่ออย่างนั้น...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel