๖ แยกห่าง (๒)
“พี่ฌาร์มคะ พี่คิดอะไรของพี่บอกปลายได้หรือเปล่า มันเกิดอะไรขึ้นคะ มีเรื่องกับน้องเฌอใช่ไหม” ถามรัวเร็วด้วยความสงสัย ซึ่งคนเป็นสามีรีบยิ้มกว้างไม่ให้หล่อนคิดมาก เขายังไม่พร้อมบอกเรื่องนี้กับใคร ยอมรับว่ากลัวทุกคนจะอนุญาตให้เฌอรีนคบกับกองปราบ
ซึ่งเขาคงค้านไม่ได้...
“พี่ง่วงแล้ว เรานอนกันเถอะ” โน้มตัวไปกอดภรรยาแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง หลับตาทันทีเพื่อไม่ให้หล่อนได้ถามอะไรอีก เพราะเขาก็ไม่พร้อมจะตอบเช่นเดียวกัน
วันที่ต้องเข้าบริษัท เฌอรีนาเลือกจะขับรถยนต์ไปเองเพื่อสะดวกในการไปที่อื่นนอกเหนือแผนการ อย่างเช่นการไปรอรับกองปราบที่สนามบินเพื่อกลับบ้านพร้อมกัน ถึงจะกลับคนละคันก็ตาม...
หล่อนหยิบถุงอาหารที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้เพื่อไปรับประทานในรถ ดูเหมือนจะตื่นสายจนทำอะไรไม่ทัน ทว่าพอถึงรถกลับต้องชะงัก เมื่อบิดามายืนคอยท่าพร้อมเอามือล้วงกระเป๋า จ้องลูกสาวสุดที่รักด้วยแววตาเรียบ
เธอไม่ค่อยไว้ใจท่านเท่าไหร่ เหมือนจะเห็นปัญหาที่กำลังตามมาในไม่ช้า
“น้องเฌอ” เรียกลูกสาวที่นิ่งเหมือนยืนเหม่อ
“คะคุณพ่อ” พอได้สติก็เดินลงมาที่รถ พยายามยิ้มถึงจะดูเหมือนฝืน ยอมรับว่าตนเริ่มไม่ไว้ใจฌาร์มเมื่อสงสัยว่าท่านจะรู้เรื่องของตนกับกองปราบ ไม่อย่างนั้นจะมีท่าทีเปลี่ยนราวพลิกหน้ามือเป็นหลักมือเหรอ
“เย็นนี้ครอบครัวเราจะออกไปกินข้าวข้างนอก เจอกันที่ร้านประจำตอนหกโมงเย็นนะ” คราวนี้คนตัวเล็กถึงกับขมวดคิ้ว มีไม่บ่อยที่ครอบครัวจะออกไปกินข้าวข้างนอก ขนาดงานต้อนรับหล่อนกลับไทยยังเลือกจัดที่บ้าน
สงสัยจะเป็นโอกาสพิเศษ หรือเลี้ยงฉลองความยินดี แต่ตอนนี้มีเรื่องดีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ หล่อนคิดไม่ออกจริงๆ
“คิดยังไงไปกินข้าวข้างนอกคะ”
“เบื่อกินข้าวที่บ้านน่ะ” คำตอบของท่านยิ่งน่าสงสัยมากกว่าเดิม เฌอรีนาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเห็นว่ากำลังจะสายมากกว่าเดิม จึงพยักหน้าอย่างจำยอม
“ค่ะ เฌอเสร็จงานจะรีบไป”
ตอบรับโดยไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วค่อยขับรถออกจากบ้านเพื่อไปยังบริษัท จากนั้นจึงโทรไปบอกกองปราบว่าคืนนี้จะไปรับประทานอาหารเย็นกับครอบครัว คงต้องยกเลิกนัดกับเขาไปก่อน โดยคนอายุมากกว่าไม่ได้ติดใจ เป็นเฌอรีนาเองที่รู้สึกผิด จนเขาต้องปลอบอยู่นานสองนานค่อยวางสาย
ทั้งวันหล่อนทำงานหัวหมุน ความต้องการของเจ้านายค่อนข้างชัดเจน เธอก็ใช้ความสามารถของตนจนผลงานเป็นที่พึงพอใจ
ถึงเวลานัดก็รีบขับรถออกจากบริษัทแล้วตรงไปร้านอาหารประจำ ร้านอิตาเลี่ยนที่ต้องจองข้ามเดือน ไม่รู้บิดาจองมาได้อย่างไร ถ้าไม่ใช้เส้นก็คงทุ่มเงินพอสมควร
ร้านค่อนข้างหรูหราและมีกลิ่นอายยุโรป เดินเข้ามาจะดูมืดสลัวสักหน่อย จนบางครั้งหล่อนคิดว่าร้านอยากประหยัดไฟหรือเปล่าถึงไม่เปิดให้สว่าง แต่เฟอร์นิเจอร์ส่วนมากก็เน้นสีเข้ม ผนังยังเป็นสีน้ำตาลหม่น จะไม่ให้ทั้งร้านทึบได้อย่างไร
“น่าจะห้องนี้หรือเปล่า...” พึมพำกับตัวเอง
ร้านแห่งนี้มีห้องอาหารสำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ถ้ามากินข้าวพร้อมครอบครัวมักจะจองเป็นห้องตลอด หล่อนจึงเดินมาที่ห้องสองอย่างรวดเร็ว เปิดเข้าไปก่อนจะชะงักเมื่อเจอชายหนุ่มผิวหน้าเกลี้ยวเกลา ผมเซ็ทตั้งพร้อมสวมสูทแบรนด์หรูกำลังนั่งตัวตรงเหมือนรอใครบางคน
“อุ้ย ขอโทษค่ะ” รีบกล่าวแล้วคิดจะปิดประตู ทว่าอีกฝ่ายกลับเรียกหล่อนพร้อมถามเพื่อความแน่ใจ
ความจริงเขาตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้มาพบเธอ ไม่เคยเจอหญิงสาวมาก่อน เห็นจากรูปภาพที่บิดาเอามาให้ดูเพื่อถามว่าต้องการไปดูตัวกับคนนี้ไหม
ใช่แล้ว...เขามาเพื่อดูตัวกับเธอโดยการตกลงของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย
“น้องเฌอรีนหรือเปล่าครับ พี่ชื่อแดนดินนะ ลุงฌาร์มนัดให้พี่มากินข้าวกับน้องเฌอ” คราวนี้เธอถึงกับทำหน้าฉงน
ฌาร์มนัดผู้ชายให้มากินข้าวกับเธออย่างนั้นเหรอ มันจะเป็นไปได้อย่างไร ผู้ชายตรงหน้าต้องโกหกอย่างแน่นอน
“คะ สองคนเหรอคะ”
“ครับ เราสองคน”
“เฌอขอโทรหาคุณพ่อ...” รอยยิ้มของผู้ชายตรงหน้าไม่ได้ทำให้เธอประทับใจสักนิด นอกจากร้อนรนอยากทราบความจริงว่าบิดากำลังเล่นอะไรกันแน่ ลมหายใจถี่ขึ้นด้วยความโมโห พอคิดจะเลี่ยงเพื่อไปโทรศัพท์ก็ถูกอีกฝ่ายรั้งเอาไว้ พร้อมถือวิสาสะจับข้อมือหล่อนให้เดินเข้ามาในห้องอาหาร
“ท่านประชุมอยู่กับพ่อของพี่ครับ ไม่น่าจะว่างรับสาย น้องเฌอนั่งลงเถอะ พี่สั่งอาหารมารอเต็มโต๊ะเลย ของโปรดน้องเฌอทั้งนั้น” หล่อนบิดข้อมือออกจากการจับ ไม่ชอบใจที่แดนดินถึงเนื้อถึงตัวทั้งที่เพิ่งเคยเจอกัน
ดวงตากลมหวาดไปทั่วโต๊ะพบอาหารอิตาเลี่ยนหลานเมนู ซึ่งส่วนมากเป็นของโปรดหล่อนทั้งนั้น จึงหันมาสบตากับคนตรงหน้า ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกคงอายุไม่เกินสามสิบปี แต่ดวงตาไม่ค่อยมีความจริงใจเท่าไหร่ ทั้งยังดูเป็นพวกชีกอ
สู้อาปราบไม่ได้เลยสักนิด...
“พี่แดนทราบได้ไงคะว่าของโปรดเฌอ”
“ลุงฌาร์มบอกครับ” สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องนั่งรับประทานอาหารอย่างเสียไม่ได้ กลัวว่าถ้าปฏิเสธจะกระทบกับบริษัทของบิดา
“พ่อนะพ่อ”
แต่เธอสาบานเลยว่าออกจากประตูนี้ไป จะไม่ตกหลุมพรางของบิดาอีกเป็นอันขาด!
เข้ามาในบ้านไม่เห็นใครสักคน อารมณ์ของหญิงสาวถึงจุดเดือดสุด กวาดสายตามองหาฌาร์มเพื่อพูดกับท่านให้รู้เรื่อง กระทั่งเห็นว่าอีกฝ่ายออกมาจากห้องทำงาน จึงเดินตรงเข้าไปหาทันทีด้วยใบหน้าแดงก่ำ ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกจับคลุมถุงชน
แค่ต้องนั่งฟังเรื่องเล่าไร้สาระของแดนดินเกือบสองชั่วโมงก็อึดอัดมากแล้ว ต่อจากนี้เธอไม่ขอไปดูตัวอีกเด็ดขาด
“คุณพ่อคิดจะทำอะไรกันแน่คะ” ตรงเข้าไปถามด้วยสีหน้ากรุ่นโกรธ ไม่ปิดบังว่าตนเองกำลังโมโหมากแค่ไหน ทั้งที่ปกติไม่เคยขึ้นเสียงกับบิดาเลยด้วยซ้ำ เธอเป็นลูกรักของพ่อถูกโอ๋และตามใจมาโดยตลอด จนวันนี้ที่ไม่เข้าใจการกระทำของคนตรงหน้า
ไหนบอกไม่อยากให้หล่อนมีแฟน แล้วทำไมถึงเป็นคนเลือกให้ซะเอง
“ไปกินข้าวกับพี่แดนเป็นยังไงบ้าง พ่อว่าเขาเป็นคนน่ารักดีนะ เป็นนักธุรกิจที่ขึ้นตำแน่งรองประธานฯ ทั้งที่อายุยังไม่ถึงสามสิบ อีกไม่นานคงขึ้นนั่งแท่นประธานฯ หน้าตาก็ดี เรียนจบนอก นิสัยใจคอน่ารักซื่อสัตย์ เหมาะกับลูกสาวของพ่อ”
พยายามพูดถึงข้อดีของแดนดินซึ่งมันฉาบฉวยเป็นอย่างมาก การจะรักและแต่งงานควรมีปัจจัยสำคัญมาจากความรักไม่ใช่เหรอ แต่ดูเหมือนว่าบิดาไม่ได้มองในเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ สนใจเพียงแค่ความเหมาะสมอย่างเดียว
เป็นครั้งแรกที่เฌอรีนาผิดหวังในตัวพ่อของตนเอง เธอถึงกับพรูลมหายใจด้วยความเหนื่อยล้า แล้วอธิบายด้วยความใจเย็น
“เฌอไม่ชอบเขาค่ะ และไม่คิดจะชอบด้วย คุณพ่อเลิกพยายามเถอะค่ะ” พูดจบก็คิดจะขึ้นข้างบน ไปอาบน้ำให้คลายร้อน เผื่ออารมณ์ของตนจะเย็นลงบ้าง แต่ฌาร์มก็ยังรั้งเอาไว้ด้วยประโยคที่ทำให้บุตรสาวเดือดดาลมากกว่าเดิม
“พ่อแค่แนะนำ ถ้าลูกไม่ชอบก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวพ่อจะลองหาคนใหม่ให้ลูกเอง”
“คุณพ่อคะ!” ตะโกนสุดเสียงด้วยดวงตาแดงก่ำ เธอไม่รู้ว่าเหตุใดท่านจึงพยายามหาผู้ชายมากหน้าหลายตามาให้ซะเหลือเกิน
แต่ถ้าเดาไม่ผิด...พ่อต้องรู้แล้วว่าเธอแอบคบกองปราบ
เฌอรีนาไม่มีท่าทีตกใจ เธออยากให้ท่านรับรู้โดยเร็ว ถึงจะถูกกีดกันแต่หญิงสาวก็จะขอเดินหน้า จับมือสู้เคียงข้างคนที่ตัวเองรัก
“เอะอะเสียงดังอะไรกันน้องเฌอ” ต้นเดือนเดินลงมาจากด้านบน ถามหลานสาวที่ยืนจ้องหน้ากับคนเป็นพ่ออยู่ตรงหน้าบันได สีหน้าของทั้งสองไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ กระทั่งหลานรักเดินเข้ามากอดแขนตนเอาไว้ พร้อมน้ำเสียงแหบพร่าจวนเจียนจะร้องไห้ด้วยความอัดอั้น
“ลุงต้นคะ คุณพ่อกำลังจะคลุมถุงชนเฌอคะ” คราวนี้ต้นเดือนถึงกับหันมามองเพื่อนสนิทอย่างรวดเร็ว ไม่อยากเชื่อเท่าไหร่ว่าคนที่หวงลูกสาวราวจงอางหวงไข่จะออกปากหาแฟน ทั้งยังคลุงถุงชนอีกต่างหาก
ดูเหมือนไม่ใช่ฌาร์มที่ตนรู้จัก
“หะ เอาจริงเหรอฌาร์ม”
“เปล่า ฉันแค่แนะนำผู้ชายให้เฌอ ถ้าไม่ชอบก็เปลี่ยนคนใหม่ ยังไม่ได้บังคับให้แต่งงานสักหน่อย” พูดตามที่คิดแต่กลายเป็นว่ายิ่งเพิ่มเชื้อไฟสุมในใจของร่างแบบบาง เธอรีบปฏิเสธเสียงแข็งพลางกอดแขนคุณลุงเอาไว้แน่น
“เฌอจะแต่งกับคนที่เฌอรัก” บอกความต้องการชัดเจน
“แต่ต้องผ่านการเห็นชอบจากพ่อ...และความรักของลูกตอนนี้ พ่อไม่เห็นด้วย” สองสายตาสบกันนิ่งเหมือนต้องการหยั่งเชิง หล่อนคิดว่าท่านน่าจะทราบความจริง แต่เหตุใดจึงไม่พูดออกมาล่ะ
“คุณพ่อทราบเหรอคะว่าเขาเป็นใคร”
“เลิกซะตั้งแต่ตอนนี้ ตอนที่พ่อยังพูดดีด้วย” ฌาร์มเลือกจะไม่ตอบเพราะมีบุคคลที่สามอยู่ด้วย แต่เปลี่ยนเป็นสั่งลูกสาวเสียงเข้มให้ทำตามที่ตนต้องการ
“ไม่เลิกค่ะ เฌอไม่มีทางบอกเลิกเพียงเพราะพ่อไม่ชอบเขา ถ้าบังคับกันมากนักเฌอจะท้องให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย” พูดจบก็ปล่อยแขนต้นเดือนแล้วเดินขึ้นข้างบนบ้าน ไม่สนใจจะฟังสิ่งที่บิดาพูดอีกต่อไป เธอเชื่อในตัวเองและต้องมั่นใจกับความรักของเรา
“เฌอรีนา!” คำพูดนั้นสร้างความโมโหให้คนเป็นพ่ออย่างมาก ตะโกนเรียกชื่อลูกเสียงดังจนต้นเดือนถึงกับสะดุ้ง ไม่เคยเห็นเพื่อนสนิทโกรธขนาดนี้มาก่อน จนนึกสงสัยว่าผู้ชายที่คบกับเฌอรีนาเป็นใคร ทำไมถึงไม่ถูกยอมรับ
“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอฌาร์ม น้องเฌอคบใครทำไมนายถึงห้ามหลาน”
“คนที่ไม่เหมาะสม ไม่เหมาะสักนิด!” หายใจฮึดฮัดแล้วเดินไปที่โซฟาตัวยาวตรงห้องนั่งเล่น โมโหเป็นอย่างมากที่ไม่มีสิ่งใดได้ดั่งใจสักอย่าง
ใช้วันว่างให้เป็นประโยชน์โดยการไปรอกองปราบที่บ้าน เธอทำงานบ้านให้เขาจนเรียบร้อยแล้วจึงกลับมานั่งนิ่ง คิดถึงอุปสรรคต้องเผชิญแล้วถึงกับต้องทอดถอนใจ ไม่คิดว่าฌาร์มจะไม่ชอบแฟนของหล่อนมากขนาดนี้
เธอคิดไม่ออกเลยว่าถ้าถูกบังคับให้เลิกจะใช้ชีวิตอย่างไร
ความรักครั้งนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่มันเริ่มมานานแล้ว เพิ่งสมหวังได้ไม่นานก็มีคนมาทำให้ต้องแยกจาก ซึ่งคนคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นพ่อของเธอนั่นเอง
ยิ่งคิดก็อยากจะร้องไห้...
พอดีกับที่กองปราบเดินเข้ามาในบ้าน ร่างแบบบางรีบลุกจากโซฟาแล้วเดินเข้าไปหาหนุ่มนักบิน โผเข้ากอดแล้วซบใบหน้าที่แผงอกกว้าง
“อาปราบคะ” เรียกชื่อเขาด้วยเสียงสั่นเครือ จนคนจับสังเกตเก่งต้องประคองใบหน้าหวานให้เงยขึ้นเพื่อจะได้สบตา ตกใจที่เฌอรีนาขอบตาแดงก่ำเหมือนคนร้องไห้ เขารีบพาเธอเดินมายังโซฟาแล้วบังคับให้นั่งลง
“เป็นอะไรน้องเฌอ ทำไมตาแดง”
“เฌอคิดถึงอาปราบ คิดถึงๆๆๆ” หญิงสาวไม่อยากบอกความจริง เธอกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องการขัดขวางของบิดาจะยิ่งทำให้เรื่องราวบานปลาย
แน่นอนว่าเธอคงถูกบอกเลิก...
รู้ดีว่าร่างสูงรักตน แต่ไม่อยากให้หล่อนทะเลาะกับครอบครัว เขาคงไม่รั้งเธอเอาไว้ข้างกายถ้าจะทำให้มีปัญหาตามมา
“ติดอาแล้วเหรอ” กองปราบยีผมเรียบให้ยุ่งเล็กน้อย แต่หล่อนไม่ได้สนใจยังคงกอดเอวสอบเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เพียงแค่คิดว่าวันหนึ่งอาจได้ห่างกันก็แทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวแล้ว ทำไมมันต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับความรักของเราด้วย
“อื้อ เฌอติดอาปราบแล้ว...อยากไปไร่”
“อารมณ์ไหนเนี่ย ขอดูหน้าหน่อยสิ คนสวยของอาเป็นอะไรคะ บอกได้หรือเปล่า” ผละออกแล้วประคองดวงหน้ามนให้สบตา เธอกลับจ้องเขานิ่งพลางบอกรักโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย เล่นเอาร่างสูงถึงกับตั้งตัวไม่ทัน
“เฌอรักอาปราบ”
“บอกกันโต้งๆ แบบนี้เลยเหรอ ถึงอาเป็นผู้ชายก็เขินนะ...อาก็รักน้องเฌอ รักมากเลยรู้ไหม” เป็นอย่างนี้ทุกครั้งเมื่อหล่อนบอกรัก เขามักจะบอกรักตอบเพื่อให้เธอมั่นใจในความรักของเขาเช่นเดียวกัน
ถึงจะรักทีหลังแต่ก็มีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกวันที่ได้อยู่ร่วมกัน...
“ห้ามทิ้งเฌอ ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นอาปราบก็ห้ามทิ้งเฌอเด็ดขาดนะคะ สัญญากับเฌอก่อนสิ” รีบจับมือหนาเอาไว้พร้อมบอกเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง เธอกลัวว่าชายหนุ่มจะยอมทิ้งความรักของเราเพียงเพราะเป็นคำสั่งของฌาร์ม
“ครับ อาสัญญาว่าจะไม่ทิ้งน้องเฌอ ไม่เลิกกับน้องเฌอเด็ดขาด” ยิ่งมองก็ยิ่งสงสัย แต่เขาเลือกจะบอกด้วยน้ำเสียงมั่นคง พร้อมจะทำตามความต้องการของเฌอรีนาทุกอย่าง ขอเพียงแค่หญิงสาวบอกมาเท่านั้น
“ห้ามผิดคำพูดด้วย” ย้ำอีกครั้งแล้วโถมตัวกอดคนตัวสูงไม่ยอมปล่อย คิดจะขอความอบอุ่นจากเขาเพื่อไปสู้กับบิดาของตัวเอง
ไม่มีวันจะยอมแพ้แน่นอน...
วันหยุดของเขาที่ไม่มีบินช่างว่างซะเหลือเกิน กองปราบจึงลุกมารดน้ำต้นไม้และทำสวนตั้งแต่เช้า ชะเง้อมองข้างบ้านก็หลุดยิ้มพลางส่ายหัวให้ตัวเอง สงสัยเขาคงจะติดเฌอรีนามากเกินไป ทั้งที่หล่อนบอกว่าต้องเข้าบริษัททั้งวัน แต่ก็ยังยืดคอมองหาอยู่ได้
นับวันจะเป็นเอามาก...
ติ้งน่อง
เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้นจนคนที่กำลังพรวนดินต้องวางมือจากงาน เดินไปล้างมือให้สะอาดแล้วค่อยไปเปิดประตู ไม่รู้ว่ามีแขกคนไหนมาหาในวันหยุด
“มาแล้วครับ”
“คุณฌาร์ม” เพียงแค่เปิดประตูก็ถึงกับพึมพำเสียงเบาไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง ร้อยวันพันปีอีกฝ่ายไม่เคยย่างกรายเข้ามาใกล้ แต่ทำไมวันนี้ถึงได้มาหาเขาอยู่บ้าน
“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ...เรื่องเฌอรีน” หัวใจของหนุ่มนักบินหล่นไปอยู่ตาตุ่ม เรื่องของพวกเขาคงไม่ใช่ความลับอีกต่อไป
