บท
ตั้งค่า

๖ แยกห่าง (๑)

แยกห่าง

ความจริงตีแสกหน้าคุณพ่อลูกสี่เมื่อรู้ว่าลูกคนโตและเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในบรรดาลูกทั้งหมดที่เขาหวงแหนเป็นอย่างมาก กำลังแอบคบชายแก่คราวพ่อที่เป็นเพื่อนบ้านของตนมานับยี่สิบปี เห็นกองปราบตั้งแต่สมัยยังจีบภรรยาของตน

จนตอนนี้กำลังจะเป็นลูกเขย!

ฌาร์มนั่งนิ่งด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เมื่อคืนนอนไม่หลับถึงพยายามข่มตาให้ปิด กระสับกระส่ายคิดหาทางแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

ต้องเป็นกองปราบที่ล่อลวงลูกสาวของเขา คนอย่างเฌอรีนามีหรือจะทันเล่ห์ของเสือเฒ่า สิ่งที่พ่ออย่างตนต้องทำคือดึงลูกให้เดินในทางถูกต้อง ขั้นแรกที่จะทำคือการแยกคนทั้งสองออกจากกัน

“พี่จะให้น้องเฌอไปอยู่บ้านคุณแม่” ระหว่างขับรถไปส่งภรรยาที่บริษัท เขาก็เอ่ยแทรกจนร่างบางต้องเหลียวมองอย่างฉงน

บางวันที่งานไม่เยอะ ปริณดามักติดรถของสามีไปทำงานด้วยเสมอ โดยให้เหตุผลว่าเป็นการประหยัดน้ำมัน ซึ่งความจริงแค่ขี้เกียจขับรถไปเองเท่านั้น และอยากใช้เวลาเพื่อพูดคุยกับฌาร์ม ถึงจะแต่งงานกันมายี่สิบกว่าปี แต่ความหวานก็ไม่เคยลดลงเลย

“คะ ทำไมล่ะคะ” ถึงกับขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย

“บ้านคุณแม่อยู่ใกล้บริษัท...” เหตุผลของสามีไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ เพียงเขาเอ่ยก็ถูกตัดบทอย่างรวดเร็ว

“ลูกไม่ค่อยเข้าบริษัทนะคะ ส่วนมากเฌอก็อยู่แค่สตูฯ หลังบ้าน ปลายว่าให้ลูกอยู่ที่นี่เถอะค่ะ” ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงต้องเข้ามาจัดการเรื่องของลูกสาว ทั้งที่เป็นคนเอ่ยปากเองแท้ๆ ว่าให้เฌอรีนาอยู่บ้านต้นตระการ ส่วนสามแสบไปบ้านประมุขการณ์

แล้วทำไมวันนี้ถึงเปลี่ยนใจ พอจะถามถึงเหตุผลอื่นก็ดูเหมือนว่าฌาร์มไม่ค่อยอยากตอบเท่าไหร่ ดวงหน้าคมเรียบเฉย แววตาเหมือนคนกำลังครุ่นคิดตลอดเวลา

“พี่ตัดสินใจแล้ว เดี๋ยวพี่ไปคุยกับลูกเอง” บรรยากาศบนรถเงียบจนน่าอึดอัด ปริณดายกแขนขึ้นกอดอก ผินหน้ามองนอกหน้าต่างไม่ใส่ใจจะสร้างบทสนทนา เธอไม่เข้าใจสามีสักนิดว่าทำไมต้องให้เฌอรีนาไปอยู่บ้านประมุขการณ์

แต่ถามไปก็ทะเลาะกันเสียเปล่า เพราะดูเหมือนเขาจะมุ่งมั่นในการส่งลูกไปอยู่กับย่าซะเหลือเกิน มันต้องมีเรื่องอะไรที่เธอไม่รู้

แล้วมันคือเรื่องอะไรกันล่ะ...

ใช้สตูดิโอเป็นข้างอ้างแล้วแอบมุดรั้วไปบ้านลิขิตสกุล เธอทำแบบนี้มากว่าสองเดือนและไม่มีใครจับได้ รออีกแค่เดือนเดียวเท่านั้นที่จะผ่านโปร สามารถบอกคนในครอบครัวได้ว่าหล่อนกำลังคบหาดูใจกับกองปราบ

ไม่รู้ว่าจะมีใครคัดค้านหรือเปล่า แต่หญิงสาวคิดว่าส่วนใหญ่น่าจะเห็นด้วย ห่วงก็แต่บิดาที่ไม่ใคร่จะชอบหน้าแฟนของหล่อนสักเท่าไหร่ สงสัยต้องหาโอกาสหรือจังหวะเหมาะเชื่อมสัมพันธ์ฌาร์มกับกองปราบสักหน่อยแล้ว

เดินฮัมเพลงเข้ามาในบ้านหลังเลิกงาน ช่วงนี้เธอต้องเข้าบริษัทเพื่อไปคุยเรื่องลายผ้าที่เจ้าของแบรนด์อยากได้ งานอาจจะยุ่งแต่ก็มีเวลาให้แฟนเสมอ เธอมักจะไปนอนห้องของเขา พยายามยั่วยวนทุกวิถีทางไม่ว่าจะเป็นชุดนอนแสนเซ็กซี่ ที่คนขายเคลมว่าชุดนอนไม่ได้นอน แต่หล่อนกลับนอนหลับสบายไร้กังวล โดยที่เขาไม่แตะต้องตนเลย นอกจากชมว่าชุดสวย

บางครั้งก็ใช้มือสัมผัสตามร่างกายบึกบึน แหย่ให้อยากทว่ากองปราบใจแข็งเกินไป ให้คำขาดทันทีว่าถ้าเธอไม่หยุดเล่นแบบนี้จะออกไปนอนอีกห้อง เฌอรีนาจึงต้องหยุดทุกอย่างแล้วนอนนิ่ง

อาปราบตายด้านหรือไง!

“เฌอรีน...พ่อมีเรื่องจะพูดด้วย” ถูกรั้งไว้อีกเช่นเคยกับบิดาที่นั่งนิ่งอยู่ห้องรับแขก เหมือนกำลังรอหล่อนอย่างไรอย่างนั้น

ลูกสาวคนสวยฉีกยิ้มกว้าง โดยไม่รู้เลยว่าภัยกำลังจะถึงตัวในไม่ช้า จึงเดินเข้าไปนั่งข้างท่านพลางหยิบขนมมารับประทานอย่างเคยชิน อารมณ์ดีเพราะคืนนี้นัดกับร่างสูงจะทำอาหารเย็นกินด้วยกัน โดยที่กองปราบเป็นคนรังสรรค์เมนูทั้งหมด มีแต่ของชอบหล่อนทั้งนั้น ช่างเอาใจเป็นที่หนึ่งไม่ให้หลงได้อย่างไร

ทุกวันนี้ก็หลงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว เขายังขุดหลุมให้เธอตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“คุณพ่อมีเรื่องอะไรจะพูดกับเฌอเหรอคะ”

“พ่ออยากให้เราไปอยู่บ้านคุณย่า” รอยยิ้มหดหาย เหลือเพียงความฉงนในแววตากลมคู่นั้น เธอคิดว่าตนเองหูฝาดหรือบิดากำลังล้อเล่น แต่พอเรียบเรียงความคิดอีกทีจึงรีบโต้กลับอย่างรวดเร็ว พร้อมเหตุผลที่ฟังขึ้น

“ทำไมคะ บ้านคุณย่าก็มีฌอร์น ฌา ฌองส์แล้วไม่ใช่เหรอคะ ทำไมเฌอต้องไปอยู่บ้านคุณย่าด้วย ไม่เอาหรอกค่ะ อยู่ที่นี่สะดวกในการเดินทางไปบริษัทมากกว่า” คนโดนตามใจมาตั้งแต่เด็กเอาแต่ใจตัวเองทันที

เหตุใดจะต้องย้ายไปอยู่บ้านประมุขการณ์ด้วย เธอก็ได้แยกกับกองปราบสิ อย่างไรก็ไม่แยกเด็ดขาด

แต่ที่น่าสงสัยคือทำไมฌาร์มถึงมาพูดเรื่องนี้ ปกติไม่เคยเห็นบิดาจะเจ้ากี้เจ้าการชีวิตของเธอสักเท่าไหร่ อีกอย่างตนอยู่บ้านต้นตระการจนเคยชิน ไม่อยากไปอยู่ที่อื่นหรอก

“งั้นพ่อจะซื้อคอนโดใกล้บริษัทให้ลูกเอง เอาแบบเดินสิบก้าวถึงเลยดีไหม” ยังคงโน้มน้าวทั้งที่รู้ดีว่าเฌอรีนาไม่มีทางคล้อยตาม แต่เขาก็ไม่อยากให้ลูกสาวอยู่ใกล้ชิดกับกองปราบ

คิดไว้แล้วเชียวว่าหล่อนต้องมีคนรัก เพียงแค่ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นหนุ่มใหญ่ที่อยู่ในสถานะโสดข้างบ้านตน คิดแล้วก็ยิ่งเพิ่มความกังวล ไม่รู้ป่านนี้ไปถึงขั้นไหนกันแล้ว สงสัยตนต้องรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

ไม่มีทางรับอีกฝ่ายมาเป็นเขยเด็ดขาด

“ไม่ดีกว่าค่ะ เฌอว่ามันเปลืองเงิน เฌอไม่ค่อยได้เข้าบริษัทส่วนมากก็อยู่แต่บ้าน คุณพ่อมีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่ไหมคะ เฌอเหนียวตัวอยากไปอาบน้ำ” ตัดบทอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้างอง้ำ หล่อนไม่เข้าใจว่าท่านจะเสียเงินเพิ่มทำไม ไม่มีความจำเป็นเลยสักนิด

อย่างไรหล่อนก็ไม่ค่อยเข้าบริษัท ทำงานอยู่บ้านสะดวกจะตาย...

หรือมีอะไรแอบแฝงมากกว่านั้น

“พ่ออยากให้ลูกรู้จักกับลูกชายของเพื่อนพ่อ” จังหวะที่ร่างก้าวเท้าจะออกจากห้องรับแขก กลับถูกรั้งเอาไว้ด้วยประโยคที่สร้างความตระหนกให้แก่สาวสวยเป็นอย่างยิ่ง จนหล่อนรีบหมุนกายกลับมาเผชิญหน้ากับคนเป็นพ่อ ไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินคำนี้ออกมาจากปากอีกฝ่าย

“ไม่ดูตัวนะคะ นี่พ.ศ.ไหนแล้ว ยังจะให้เฌอไปดูตัวอีกเหรอ” รู้ทันจึงต้องรีบขัด แต่ฌาร์มก็จ้องตาบุตรสาวนิ่ง เลือกยื่นโอกาสให้เฌอรีนาเป็นคนจัดการเรื่องของตัวเอง ถึงจะรู้ว่าเป็นไปได้ยากที่หล่อนจะเลิกกับกองปราบ

คงอยู่ในช่วงหวาน อาจจะเพิ่งคบกันไม่นาน...ความรู้สึกคงเรียกว่าหลง

ไม่ใช่รักหรอก...

“ไม่ดูตัวก็ได้ ถ้าคนที่เฌอคบจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน”

“คุณพ่อหมายความว่ายังไงคะ” คราวนี้หล่อนถึงกับหน้าซีดเผือด หัวใจเต้นรัวราวกองเพลเมื่อคิดว่าบิดาทราบเรื่องระหว่างตนกับคนรัก

แต่ฌาร์มจะรู้ได้อย่างไร พวกเขาระมัดระวังทุกฝีก้าว...

เฌอรีนากำสายกระเป๋าถือเอาไว้แน่น ลมหายใจสะดุดแล้วเชิดใบหน้าขึ้นเล็กน้อย เชื่อว่าท่านคงไม่ทราบแต่อาจจะแค่ระแคะระคายเท่านั้น เธอต้องไม่แสดงพิรุธ และต้องแสดงจุดยืนของตัวเองให้ชัดเจนว่าความรักต้องมาจากความรู้สึก

ไม่ใช่การบังคับ

“ตามที่พ่อพูด พ่อต้องการให้เฌอคบกับคนรุ่นราวคราวเดียวกัน” เธอไม่มั่นใจว่าบิดากำลังพูดถึงใคร แต่กลับไม่รู้สึกกลัวคำสั่งนั้น และเธอจะไม่มีทางยอมทำตามอย่างเด็ดขาด จึงเลือกประกาศความคิดของตัวเองให้ชัดเจน

เพื่อบอกจุดยืนให้อีกฝ่ายได้ทราบ...

“สำหรับเฌอ ความรักไม่มีอายุค่ะ ถ้าเฌอรัก...ต่อให้เขาอายุห้าสิบหกสิบเฌอก็จะรัก” เสียงหวานค่อนข้างหนักแน่นหลังเอ่ยจบ จนฌาร์มถึงกับกำมือแน่นด้วยความโกรธอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สูดลมหายใจเข้าปอดลึก พร้อมตวาดเสียงดังโดยที่ไม่สามารถระงับอารมณ์เอาไว้ได้

“แต่เขาอายุเท่าพ่อ! อยากได้พ่อคนที่สองหรือไง”

“เฌอไม่ได้อยากมีพ่อคนที่สอง เฌอแค่อยากมีคนรักค่ะ เฌอไม่สนใจว่าเขาจะอายุเท่าไหร่ ถ้าคุณพ่อมีเรื่องพูดกับเฌอแค่นี้เฌอขอขึ้นห้องก่อนนะคะ” สะบัดหน้าหนีพร้อมเดินขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว จากอารมณ์สดใสกลายเป็นขุ่นมัว

หรือบางทีพ่อจะรู้ว่าเธอกำลังคบกับกองปราบ แต่ท่านรู้ได้อย่างไรล่ะ

ตกดึกถึงเวลาพักผ่อน เฌอรีนาออกไปข้างนอกไม่รู้ว่าไปไหน ขณะที่ฌาร์มนิ่งเงียบระหว่างรับประทานอาหาร สมองครุ่นคิดถึงเรื่องราวของลูกสาวและชายหนุ่มข้างบ้านที่ต้องเกี่ยวดองกัน ถ้าเขาขัดขวางความรักครั้งนี้ไม่สำเร็จ

ออกจากห้องน้ำเจอภรรยานั่งประทินโฉมอยู่หน้าโต๊ะกระจก ปริณดามองสามีผ่านกระจกที่สะท้อน เห็นแววกังวลในดวงตาคมที่สบทุกวัน รู้ทันทีว่าเป็นเรื่องของบุตรสาวคนโตอย่างแน่นอน เดี๋ยวนี้สามีห่วงลูกสาวเสียเหลือเกิน

จนเธอเริ่มอยากรู้ว่ามีเรื่องอะไรกันแน่ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมบอก ทำเพียงแค่นิ่งเงียบแล้วตัดบททุกครั้ง

“ลูกว่ายังไงบ้างคะพี่ฌาร์ม” เรื่องการให้เฌอรีนาไปอยู่บ้านประมุขการณ์ไม่เคยถูกพูดถึงสักครั้ง แต่คราวนี้เขากลับเป็นตัวตั้งตัวตีอยากให้ลูกไป

อย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ยอมหรอก...

“เฌอไม่ยอม”

“ปลายว่าแล้วเชียว แต่ถึงลูกยอมคุณแม่ก็ไม่ให้ไปหรอกค่ะ ท่านรักหลานสาวอย่างกับอะไรดี ไหนจะพี่ต้นอีก พี่ฌาร์มเลิกคิดเถอะนะคะ” ทาหน้าเรียบร้อยก็เดินออกจากห้องแต่งตัวไปยังเตียงกว้าง สอดกายเข้าไปใต้ผ้าห่ม หันมามองสามีที่เดินมานั่งลงข้างกัน สีหน้าเคร่งเครียดยิ่งกว่าวันประชุมซะอีก

“ลูกชายของเพื่อนปลาย มีคนไหนเข้าท่าพอจะเป็นแฟนน้องเฌอไหม” ความคิดของเขาชัดจะไปไกลจนหล่อนต้องรีบถาม

“พี่คิดจะคลุมถุงชนลูกเหรอคะ”

“เปล่าหรอก พี่แค่อยากแนะนำให้ลูกรู้จัก ไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น” ส่ายหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อยเหมือนไม่จริงจัง แต่คนที่อยู่ด้วยกันมาหลายปีทราบเป็นอย่างดีว่าสามีค่อนข้างจริงจัง

เขาพูดจริงทำจริงแน่นอน ไม่น่าเชื่อว่าฌาร์มจะจับลูกสาวคนโตคลุมถุงชน ทั้งที่ชายหนุ่มรักและตามใจเฌอรีนาเป็นอย่างมาก ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel