บทที่ 1 (3)
ผู้หญิงที่ถือสิทธิ์ขาดของบ้านเลอ บลองค์เอ่ยถามออกไปเป็นประโยคแรก ด้วยมองเห็นความจริงมากกว่าความรู้สึกอย่างที่ลูกชายคนโตกำลังทำอยู่ในขณะนี้
พณิดาเป็นสาวไทยที่มาทำงานที่ฝรั่งเศสจนกระทั่งได้พบรักกับฌอง เลอ บลองค์และแต่งงานกัน พวกเขาเปิดร้านอาหารและมีลูกสามคน คนโตและคนกลางเป็นผู้ชาย ส่วนคนเล็กเป็นผู้หญิงและเพิ่งแต่งงานไปเมื่อฤดูหนาวที่ผ่านมานี้เอง แล้วตอนนี้นางก็เล็งเห็นแล้วว่าลูกชายคนโตอาจจะเป็นรายต่อไปก็เป็นได้
“ก็นั่นเกสตัน แต่นี่มันผม” เฟรเดริกตอบต่อคำถามของมารดาพลางทำเสียงในลำคอนิดๆ
“เฟรดเกลียดเธอ เพราะเธอเป็นหลานของฟร็องซัวร์แค่นั้นน่ะเหรอ”
คนเป็นแม่ถามพลางส่ายหน้าให้ลูกชายคนโตที่บางครั้งบทจะหัวแข็งดื้อรั้นก็ทำได้ดียิ่งกว่าน้องสาวคนเล็กของบ้านเสียด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะเรื่องหัวรั้นเชื่อในสิ่งที่ตนเองอยากเชื่อและยึดถือด้วยแล้ว มันยิ่งมากกว่าลูกสาวคนเล็กของนางหลายเท่า
“ใช่ครับ” เขายอมรับตรงไปตรงมา
“ทำไม?”
พณิดาถามอีกแต่มีความหวังเล็กๆ ในหัวใจของท่าน เพราะท่านไม่เชื่อว่าลูกชายของท่านจะเกลียดคนๆ หนึ่งได้เพียงแค่เหตุผลง่ายๆ ว่าคนๆ นั้นเป็นลูกหลานของใคร ท่านเลี้ยงลูกชายและลูกสาวด้วยเหตุผลตลอดมา แล้วไม่เคยที่จะสอนให้ลูกเกลียดใครเพียงเพราะเขามีพ่อเป็นโจรหรือมีแม่เป็นขอทาน หากจะเกลียดจะชอบใครแล้ว ต้องมีเหตุผลมากพอว่าคนๆ นั้นทำให้เกลียดด้วยตัวของเขาเอง ไม่ใช่เหตุผลข้ออ้างแบบนี้
“โธ่ แม่...” เขาครางหงุดหงิดกว่าเดิมก่อนจะยกเหตุผลมาอ้าง “แม่ไม่คิดบ้างหรือว่าฟร็องซัวร์อาจมีแผนก็ได้ ครั้งที่แล้วเขาทำให้เฟลอร์เป็นทุกข์ต้องรอเกสตันอยู่เป็นเดือนๆ ก็เพราะความเอาแต่ใจของเขา แม่ก็รู้นี่ว่าเขาเอาพวกเราไปข่มขู่เกสตัน แล้วมาตอนนี้เขายังส่งหลานสาวมาอยู่ที่บ้านเกสตันอีก ทั้งที่รู้ว่าเฟลอร์เพิ่งคลอดลูกได้ไม่นาน แบบนี้มันไม่น่าไว้ใจนะครับ”
“แล้วยังไงจ๊ะ” คนเป็นแม่ถามต่อเพราะรู้ว่าอย่างไรเสียท่านก็ถือสิทธิ์ขาดในบ้าน เพราะผู้ชายบ้านเลอ บลองค์ทุกคนถือเรื่องให้เกียรติผู้หญิงที่เป็นทั้งแม่และภรรยามากที่สุด!
“แม่....” เขาครางอีกเหมือนใกล้จะจมน้ำตายอยู่รอมร่อ
“ก็แม่น่ะสิ แล้วก็เพราะเป็นแม่น่ะสิถึงได้เตือน อย่าตัดสินฟองเทนเพราะเธอเป็นหลานฟร็องซัวร์ แม่ไม่เคยเลี้ยงลูกของแม่ให้ใจแคบ แม่ไม่เคยสอนเฟรด เฟรลิกซ์และเฟลอร์ ให้มองคนด้านเดียว เพราะฉะนั้นเฟรดต้องเปิดใจให้ฟองเทน เข้าใจไหมจ๊ะ”
ท้ายเสียงนั้นกลายเป็นข้อสรุปกึ่งสั่งอย่างเฉียบขาดแม้น้ำเสียงจะอ่อนโยน แต่คนเป็นลูกหรือจะไม่รู้ว่านั่นเป็นใบปั๊มตราบัตรผ่านให้กับฟองเทนแล้วเรียบร้อย เพราะไม่มีใครกล้าขัดใจแม่ได้หรอก ในเมื่อท่านไม่ได้ทำอะไรเหนือเหตุผลแต่ท่านมีเหตุผลที่ทำให้ทุกคนพูดไม่ออกต่างหาก!
“ครับ...ครับ...ครับ คุณนายเลอ บลองค์”
เฟรเดริกรับคำแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจกับคำบอกแกมสั่งของมารดา ชายหนุ่มเดินคอตกลงมาจากห้องชั้นสองที่เป็นพื้นที่ครอบครัวของบ้านแล้วก็เจอกับเฟรลิกซ์หรือพลาทิศน้องชายคนกลางที่ยืนรออยู่หน้าบันไดด้านล่างพอดี
“ว่าไงพี่” เฟรลิกซ์เอ่ยถาม
“ว่าไง...ถามได้” เฟรดทวนเสียงประชดนิดๆ “ก็ต้องตามใจคุณนาย เลอ บลองค์น่ะสิ”
“กะแล้ว”
คนเป็นน้องเอ่ยพอดีกับที่บิดาเดินออกมาจากหลังครัวแล้วได้ยินข้อสรุปเข้าพอดีก็ถึงกับหัวเราะให้กับลูกชาย ที่สุดท้ายก็ต้องยอมภรรยาของท่านอยู่ดี
“ต้องไปฝึกใหม่แล้วเจ้าเฟรด ก็พ่อบอกแล้วว่าแกไม่มีวันเถียงชนะแม่หรอกไอ้ลูกชาย”
ฌอง เลอ บลองค์เปรยเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะเดินผ่านลูกชายสองคนไปหาหญิงสาวที่นั่งรออยู่ในห้องอาหารที่วันนี้เปิดช้ากว่าปกติ เพราะกำลังจัดการสรุปการมาของหล่อนก่อนจะเปิดร้านในวันนี้
ฟองเทนมองชายวัยกลางคนท่าทางใจดีที่มีส่วนคล้ายกับเฟรเดริกมากโดยเฉพาะคิ้วที่ทำให้ดูดุนั้น เพียงแต่ใบหน้าของเขามีความอ่อนโยนปรานีใหมากเกินกว่าจะคิดเป็นคนดุดันได้ แววตาที่เขามองหล่อนเหมือนกับเขากำลังมองลูกสาวคนหนึ่งที่ออกจากบ้านมาหาประสบการณ์ชีวิต
“ยินดีต้อนรับฟองเทน โวซิยง หนูสอบผ่านในขั้นแรก”
“คะ?” หล่อนร้องเสียงงงๆ ไม่แน่ใจว่าตัวเองไปสอบผ่านอะไรตอนไหน ในเมื่อหล่อนแค่นั่งรออยู่ในห้องอาหารที่ยังไม่เปิดนี่ แค่นั่งรอและรอ แต่ไม่ได้แสดงท่าทีกระวนกระวายหรือแสดงท่าทีใดๆ ออกมา ตรงกันข้ามหล่อนก็แค่นั่งรออย่างใจเย็นแค่นั้นเอง
“หนูมีเวลาไม่มากนะ ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า นี่ก็เลยเวลาเปิดร้านมาหลายนาทีแล้วด้วย เราต้องทำมาหากินแข่งกับเวลา เพราะร้านอาหารจะต้องเปิดก่อนที่ท้องจะร้อง”
ฌองบอกแล้วหันไปพยักหน้าให้ลูกชายคนโตที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับสุดๆ ที่ต้องรับหลานสาวของคนที่เขาชิงชังมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน เพราะคุณนายเลอ บลองค์สั่งให้รับ
ชายหนุ่มมองหน้าบิดาแล้วกรอกตาไปมาก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ ของเจ้าหล่อนมาถือไว้ แต่พอเห็นหล่อนไม่ยอมก้าวตามแถมยังทำหน้างุนงง เขาก็จำใจต้องหันมาสั่ง
“เดินตามมาสิ จะมาเป็นเชฟไม่ใช่หรือไง...” เขาบอกแล้วทำเสียงขื่นนิดๆ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยคำตอบที่หล่อนเคยบอกเขาไว้ก่อนหน้านี้ “ลืมไป! ว่าเธอไม่ได้อยากจะเป็นเชฟ แต่เธอจะมาเรียนเป็นเชฟ โอ๊ย จะบ้า มีอะไรบ้ามากกว่านี้ไหมเนี่ย!”
เฟรเดริกพูดพลางบ่นไปพลางขณะเดินนำขึ้นไปบนบันได ส่วนฟองเทนก็ได้แต่ตามไปอย่างงุนงง เพราะถูกฌองพยักหน้าให้ตามไป แต่ในใจหญิงสาวกำลังคิดว่า บ้านนี้ช่างเป็นบ้านที่แปลกคนพิลึก ก็ทำท่าอยู่ว่าไม่อยากต้อนรับหล่อน
ทั้งที่หล่อนเตรียมใจไว้แล้วว่า ‘พวกเลอ บลองค์’ อาจจะโยนหล่อนออกจากบ้านจริงอย่างที่คนชื่อเฟรเดริกเกริ่นไว้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงหล่อนจะดีใจมากกว่า เพราะหล่อนจะได้กลับไปบอกลุงได้ว่าหล่อนมาเรียนการทำอาหารตามที่ลุงต้องการแล้ว แต่ว่าที่นี่ไม่มีใครสะดวกสอนหล่อน เพราะฉะนั้นหล่อนก็จะได้กลับไปอยู่ที่บ้านตามปกติ เนื่องจากลุงฟร็องซัวร์บอกว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ท่านบังคับให้หล่อนเข้าสู่วงโคจรของอาชีพการทำอาหาร แต่ทำไมมันกลับตาลปัตรไปเป็นแบบนี้ได้ล่ะเนี่ย!
