บท
ตั้งค่า

บทที่1 ไม่ต้อนรับ

“งามหน้านัก ใช้ให้ไปเก็บดอก แต่ดันไปข่มขืนหลานสาวเขา! แถมเด็กนั่นยังอายุไม่ถึงสิบเก้าปี แกนี่มัน...” อดิสรณ์ไม่มีอะไรจะแก้ตัวนอกจากนั่งก้มหน้ายอมรับความผิดที่แม้จะเป็นคนก่อเรื่อง แต่ก็ยังเชื่อว่าทั้งหมดนี้มันคือแผนของฝั่งนั้นที่จงใจมอมเหล้าเขาจนไม่ได้สติ ก่อนจะยัดเหยียดหลานสาวของตัวเองมาให้เพื่อหวังปลดหนี้ เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าตัวเองทำอะไรไปบ้างแล้วทำไปมากน้อยแค่ไหน

“เอาน่าคุณ ไหนๆ เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว ว่าแต่...ทางนั้นเขายังไม่ได้แจ้งความใช่ไหมลูก” เป็นคุณบุหงาที่เอ่ยขึ้นมาบ้าง ก่อนจะหันไปถามบุตรชายด้วยท่าทีหวาดหวั่นไม่ต่างจากสามีที่กำลังนั่งไม่ติดด้วยกลัวว่าคราวเคราะห์ครั้งใหญ่จะมาถึงตัว และนั่นอาจทำให้เสียไปถึงหน้าตาทางสังคมที่สะสมมาเกือบครึ่งชีวิตแน่นอนว่าหากเป็นเช่นนั้นจุดจบลงไม่สวยนัก

“ยังครับ ฝั่งนั้นต้องการให้ผมรับผิดชอบหลานสาวของพวกเขาด้วยการแต่งงานกับเด็กนั่น ส่วนหนี้สินที่เคยหยิบยืมทางเรา...ก็ขอให้ถือเป็นโมฆะทั้งหมด” ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งแค้น ไม่คิดว่าแก่ใกล้ตายแบบนั้นจะกล้าคิดแผนนี้ขึ้น เสียแรงที่เขาเคยให้ความเคารพนับถือถึงแม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็เถอะ

แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ยอมรับออกมาเป็นคำพูด แต่ก็เชื่อได้จากท่าทีที่ดูเปลี่ยนไป ไหนจะคำข่มขู่บ้าๆ พวกนั้นอีก มันทำให้เขาคิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากคนพวกนั้นตั้งใจคิดจะจับเขาเพื่อหวังจะปลดหนี้ซึ่งพวกเขาก็ทำได้ยิ่งกว่าสำเร็จเสียอีก ไม่คิดเลยว่าเห็นหน้าซื่อๆ ตาใสๆ ดูไม่เป็นพิษเป็นภัยแบบนั้น บทจะร้ายขึ้นมา จะร้ายชนิดที่ว่าเขาคงเข็ดไปจนตาย

“ก็คงต้องเป็นไปตามนั้น ขืนปล่อยให้เรื่องรู้ไปถึงหูตำรวจคงจบไม่สวย! แกไปจัดการเรื่องทุกอย่างให้จบให้เร็วที่สุด และต้องเงียบที่สุดด้วย!” คำนั้นถือเป็นคำขาด ที่ทุกคนในบ้าน จะต้องปฏิบัติตามอย่างเงียบเชียบเท่าที่จะเงียบได้

เมื่อเป็นคนเรียนผูกเอง ก็ต้องเรียนแก้ด้วยตัวเอง คิดเช่นนั้นอดิสรณ์จึงขับรถกลับมายังบ้านซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุอีกครั้งในช่วงเย็น หวังจะมาพูดคุยถึงความรับผิดชอบที่เขาจำต้องมีให้แก่ครอบครัวหัวหมอครอบครัวนี้ ตามคำสั่งของพ่อ

“ตากับยายเธอไปไหน” เขาถามก่อนจะปรายตามองคู่สนทนาอย่างชั่งใจอยู่นับนาที ยิ่งตอนนี้หล่อนอยู่ในชุดผ้าถุงกับเสื้อคอกระเช้ายิ่งดูเด็ก ต่างจากเขาที่ตอนนี้อายุปาเข้าไปถึงสามสิบแปดดูยังไงก็ไม่มีอะไรที่น่าจะเข้ากันเลยสักอย่าง

ไม่สิ! ที่เข้ากันได้ดีก็เหมือนจะมีอยู่อย่าง...

“ไปธุระคะ คุณ...จะขึ้นบ้านก่อนไหมคะ” ถึงจะถามแบบนั้นแต่ท่าทีหวั่นๆ ของสาวเจ้า ก็ทำให้เขาต้องรีบปฏิเสธ

“ไม่เป็นไร ฉันมาที่นี่เพราะต้องการคุยกับเธอ ไปขึ้นรถสิ” สร้อยสุดามีท่าทีลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้มาร้าย หญิงสาวถึงยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี และไม่ลืมเขียนทิ้งโน้ตเอาไว้ให้ตากับยาย เพื่อกันไม่ให้พวกท่านเป็นห่วง หากกลับมาบ้านแล้วไม่เจอเธอเข้า

ทางที่อดิสรณ์เลือกใช้ค่อนข้างเปลี่ยวจนคนข้างกายเริ่มขยับตัวไปมา ท่าทางหวาดกลัวของหล่อนทำให้เขาตัดสินใจเริ่มทำในสิ่งที่ตั้งใจ ด้วยกลัวว่าแม่คนขวัญอ่อนจะกลัวจนเผลอเปิดประตูกระโดดหนีตายไปเสียก่อน...

“เราสองคนจะแต่งงานกันตามที่ตากับยายของเธอต้องการ แต่แค่ในนามเท่านั้น!” เมื่อเห็นว่าจุดนี้เป็นจุดที่เงียบที่สุด ถึงได้จอดรถพร้อมกันหันไปบอกถึงความต้องการของตัวเองที่คิดมาดีแล้วว่าจะให้เรื่องทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของตายายของหล่อนแค่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ส่วนอีกครึ่งเขาย่อมต้องมีสิทธิ์ เลือกทางเดินชีวิตให้ตัวเองเช่นกัน!

“แค่ในนามเหรอคะ” แม้เสียงของหล่อนจะหวานจับใจน่าฟังสักแค่ไหน แต่คนที่ไม่ได้รักไม่ได้ชอบกันมาก่อนย่อมเป็นเรื่องยากที่จะอยู่ด้วยกันได้ เด็กนี่เองก็อายุยังน้อย หล่อนน่าจะมีความฝัน เขาเองก็เช่นกันที่ยังหวงแหนความโสดอยู่

“ใช่ ฉันจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธอไม่ว่าจะเรื่องไหน เธอเองก็ห้ามมายุ่งกับฉัน ต่อให้ฉันจะมีใครหรือไปทำอะไรที่ไหน เธอก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่ง! สงสัยอะไรตรงไหนไหม” เพราะยังหวงความโสดอยู่ เลยทำให้เขาตัดสินใจแบบนี้ อีกอย่างเด็กนี่ก็อายุเพียงเท่านี้ เธอคงไม่อยากมีผัวที่แก่กว่าเป็นรอบแน่เขามั่นใจ

“คุณหมายถึง... จะให้เราแต่งงานกันหลอกๆ เหรอคะ”

อย่างน้อยเด็กนี่ก็ไม่ได้โง่จนพูดไม่รู้ความ ซึ่งนั่นก็นับว่าเป็นเรื่องดีไม่น้อย จะได้ไม่ต้องอธิบายอะไรให้มันมากเรื่อง!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel