บทที่ ๗
โมเดลลิ่งคาเฟ่ (Modeling Café)
น้ำพราวในชุดไปรเวทสบายๆ พร้อมด้วยผ้ากันเปื้อนหนังสีน้ำตาลเข้ม ด้านหน้ามีปักชื่อร้านเอาไว้ ผมถูกมัดรวบตึงยกขึ้นสูงปล่อยปลายเป็นหางม้าลงมา เผยให้เห็นความสวยของใบหน้ารูปไข่ชัดเจน เธอกำลังตั้งใจปั้นคุกกี้ ให้เป็นรูปต่างๆ ก่อนเอาเข้าเตาอบ จากนั้นก็เดินมาทำความสะอาดโต๊ะที่ลูกค้าเพิ่งลุกออกไปเมื่อครู่
เสียงกระดิ่งที่แขวนไว้ที่ประตูหน้าร้านดังขึ้น เป็นสัญญาณเตือนว่ามีลูกค้าเข้าในร้าน
“สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ”
เจ้าของร้านเอ่ยทักทายลูกค้าขณะที่ยังคงก้มหน้าก้มตาเก็บจาน แก้วน้ำ แก้วกาแฟ ใส่ถาดและเช็ดโต๊ะทำความสะอาดอยู่
“พี่เจ้าขาคะ เดี๋ยวหนูเก็บให้เองค่ะ พี่เจ้าขารับออเดอร์ลูกค้าดีกว่าค่ะ”
“โอเคจ้ะ งั้นพี่ฝากด้วยนะ... อ่อ เดี๋ยวพี่ฝากน้องโอ๋เอาคุกกี้ออกจากเตาแล้ววางไว้ที่โต๊ะโน้นแล้วกัน ไม่ต้องทำนะ เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
“ได้ค่ะ”
เด็กที่ชื่อโอ๋รับคำ ทว่าไม่กล้าสบตาผู้เป็นเจ้าของร้าน ไม่ใช่เพราะน้ำพราวเป็นคนดุ แต่ด้วยเพราะนัยน์ตาสวยคมมีเสน่ห์ ของเธอทำเอาหลายคนไม่กล้าสบตา ซึ่งนั่นรวมถึงเด็กในร้านที่เป็นผู้หญิงอีกสามคนด้วย
“เมนูค่ะ”
น้ำพราวเดินไปยังโต๊ะมุมด้านในสุดของร้าน ซึ่งก็ไม่ห่างจากโต๊ะที่เธอเพิ่งทำความสะอาดเมื่อครู่ พร้อมกับส่งเมนูให้ลูกค้าที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ขอบคุณครับ”
ชายหนุ่มรับเมนูมาเปิดดู
“ดูก่อนนะคะ เดี๋ยวมารับออเดอร์อีกทีค่ะ”
หญิงสาวบอกแล้วก็หมุนตัวจะเดินกลับไปยังเคาน์เตอร์ ทว่าก็ต้องหยุดแล้วหันกลับมาที่โต๊ะลูกค้าคนเดิมอีกครั้ง
“ขอเอสเพรสโซ่เย็น หวานน้อยครับ”
ชายหนุ่มสั่งพร้อมกับปิดเมนูลง
“ค่ะ... รับอย่างอื่นเพิ่มอีกไหมคะ”
น้ำพราวถามต่อ
“เมื่อครู่ผมได้ยินเหมือนทางร้านเพิ่งทำคุกกี้”
ชายหนุ่มถามพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหน้าคนที่ยืนรอรับออเดอร์ส่งยิ้มให้
เขาชะงักนิดหนึ่ง พลางคิดว่าคำพูดที่ฟังดูไพเราะ แต่ไม่หวานหู เพราะหากไม่มีคำลงท้าย ‘คะ’ หรือ ‘ค่ะ’ ก็จะฟังดูเป็นคนพูดจาห้วนจัดเลยทีเดียว หากแต่เมื่อได้เห็นหน้าและรอยยิ้ม อีกทั้งดวงตาคู่สวยแล้ว มันลบล้างเรื่องของคำพูดไปโดยปริยายเลยทีเดียว
“ใช่ค่ะ... ถ้าจะรับก็ได้ค่ะ แต่ต้องรออีกสักครู่นะคะ เพราะเพิ่งเข้าเตาอบเมื่อสักครู่นี่เองค่ะ”
เจ้าของร้านแจ้งรายละเอียดให้ทราบ เผื่อลูกค้าจะเปลี่ยนใจ
“ครับ ผมรอได้ครับ”
“ได้ค่ะ... ขออนุญาตเก็บเมนูนะคะ”
หญิงสาวบอก โดยที่ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ ยังคงยิ้มอยู่เช่นเดิม มือเอื้อมหยิบเมนูที่วางอยู่ตรงหน้าเขามาถือไว้ แล้วค่อยหมุนตัวเดินไปยังเคาน์เตอร์ด้านหน้า
ไม่นานเด็กในร้านก็เดินเอากาแฟมาเสิร์ฟให้ชายหนุ่ม
“คุกกี้ รอสักครู่นะคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้แทนคำตอบ
เสียงกระดิ่งที่ประตูร้านดังขึ้นอีกครั้ง น้ำพราวเงยหน้าขึ้นมอง ในมือยังคงจัดเรียงคุกกี้ที่เพิ่งออกจากเตาลงจานให้ลูกค้าอยู่ด้วย
“เจ้าขา คิดถึงจังเลย”
อารียารีบปรี่เข้าไปคล้องแขน และซบศีรษะที่ไหล่เพื่อนรักเอาไว้
“ว๊าย... ยายนายทำอะไรเนี่ย คุกกี้หล่นหมดแล้ว”
คนโดนกอดโวยวายขึ้น น้ำเสียงออกไปทางดุเล็กน้อย เมื่อคุกกี้ในมือกระเด็นหล่นลงพื้นด้วยแรงปะทะของเพื่อนรัก
“อุ๊ย! นายขอโทษ ก็คิดถึงนี่น่า ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน”
อารียาทำหน้าแหยๆ ด้วยกลัวโดนดุ
“แล้วซื้อดอกไม้มาให้เจ้าขาด้วยหรือเปล่า”
น้ำพราวก้มลงเก็บคุกกี้ที่หล่นใส่ลงในถังขยะ พลางถามเพื่อนถึงของที่ฝากซื้อ
“ของเจ้าขา นายไม่กล้าลืมหรอก เดี๋ยวเจ้าขาดุนาย”
คนที่เพิ่งมีความผิดเมื่อครู่รีบพูดเอาใจ
น้ำพราวยิ้มให้เพื่อนรัก แล้วหันไปหยิบจานที่เพิ่งจัดคุกกี้เสร็จเมื่อครู่ เตรียมเอาไปเสิร์ฟให้ลูกค้า
“เดี๋ยวโอ๋เอาไปเสิร์ฟให้เองค่ะพี่เจ้าขา”
เด็กในร้านรีบเข้ามารับถาดในมือเจ้านาย
“น้องโอ๋ไปช่วยพี่นายเอาดอกไม้ออกจากรถแล้วกัน เดี๋ยวพี่เอาไปเสิร์ฟเอง”
น้ำพราวบอกกับเด็กในร้านแล้วก็เดินถือถาดขนมไปยังโต๊ะลูกค้าคนเดิมทันที
“คุกกี้ค่ะ ขอโทษนะคะที่ให้รอนาน”
หญิงสาวหยิบจานคุกกี้ออกจากถาดและวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็เดินถอยหลังออกมาหนึ่งก้าวแล้วค่อยหมุนตัวเดินกลับไปที่หน้าเคาน์เตอร์เหมือนเดิม
ปกรณ์ โยธินธนพัฒน์ หรือคุณหมอปกรณ์ นายแพทย์จิตวิทยา (จิตแพทย์) ไฮโซหนุ่มรูปหล่อ มองตามหลังหญิงสาวที่เพิ่งมาเสิร์ฟขนมให้ แล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้
‘เจ้าขา... ผู้หญิงอะไรจะมีหลายบุคลิกในตัวเองขนาดนั้น จะแมนๆ หรือ จะเท่ๆ ก็ดูดี จะสวยหวานก็ได้ สวยดุก็โอเค แถมชื่อยังน่ารัก ขัดกับบุคลิกได้อีก’
ชายหนุ่มพึมพำพลางยิ้มให้ตัวเอง
