บทที่ ๕
เมื่อกลับมาเมืองไทย อารียายังคงอยู่ในวงการแฟชั่นเช่นเดิม ด้วยนิสัยส่วนตัวที่เป็นคนที่ทำอะไรค่อนข้างเป๊ะ เนี้ยบ งานทุกงานต้องออกมาเพอร์เฟคทุกอย่าง ที่สำคัญงานเล็กๆ เธอไม่รับ เธอจะรับเฉพาะงานใหญ่ๆ ยิ่งเป็นงานที่เธอได้หน้าด้วยนั่นแหละถึงจะรับ
ดังนั้นงานที่เธอจะรับส่วนใหญ่จึงเป็นงานใหญ่ๆ ส่งผลให้เธอเจอคนในวงการระดับแถวหน้า และก็ได้เจอกับพัสวีพิชญ์ หรือดาว ซูเปอร์สตาร์ชื่อดังของเมืองไทย กับเมรี-เมคอัพ
สำหรับผลงานไม่ต้องพูดถึง สวยเป๊ะปังเวอร์วังอลังการดาวล้านดวง นั่นคือคอนเซปท์ของเธอ ทำให้เธอได้สมญานามว่า ‘ชะนีสายสตรอง’ ติดตัวมาจากคนในสายงานเดียวกัน
อารียา พัสวีพิชญ์ และเมรี ได้ร่วมงานกันบ่อยครั้ง ความสนิทสนมจึงเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ ส่วนน้ำพราวที่เป็นเพื่อนสนิทกับอารียาอยู่แล้ว ก็พลอยสนิทกับซูเปอร์สตาร์สาวกับเมคอัพอาทติสท์ไปโดยปริยาย
สี่สาวสนิทสนมกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว และด้วยฐานะของทั้งสี่คนที่ไม่มีใครด้อยไปกว่าใคร อีกทั้งความซุกซนน่ารักของทั้งสี่คน ทำให้เธอได้ชื่อประจำกลุ่ม จากบรรดาสื่อมวลชนว่า ‘แก๊งชะนีไฮโซ’ มาครอบครอง
จากสายงานแล้วทำให้สามสาวโคจรมาเจอกับศุภณัฐในกองถ่ายภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของเมืองไทย ด้วยการแนะนำจากน้ำพราวเมื่อสักประมาณสามถึงสี่ปีก่อน และผลงานก็ออกมาเป็นที่พอใจกับทุกคนเป็นอย่างมาก
จากผลงานครั้งนั้นทำให้ทุกคนได้มีโอกาสร่วมงานกันบ่อยครั้งจนสนิทสนมกัน จนกระทั่งเกิด ‘ซุปสตาร์โมเดลลิ่งสตูดิโอ’ ขึ้นมา
“มากันแล้วเหรอ... มาๆ นั่งๆ พี่จะแนะนำให้รู้จักกับซินแสที่จะมาปรับ ฮวงจุ้ยบริษัทฯ เรา”
ชายหนุ่มผู้เป็นผู้บริหารหลักแนะนำซินแสให้ทั้งสองคนที่เพิ่งมาจากร้านกาแฟโดยละเอียด
เมื่อทราบถึงประวัติซินแสแล้ว สองสาวที่เชื่อและชอบการดูดวงเป็นชีวิตจิตใจก็เบิกตากว้าง แล้วหันมาสบตากันอย่างมีนัยที่ทั้งคู่รู้กันโดยไม่ต้องเอ่ยอะไรออกมา
“ไม่เห็นพี่โก้กับเจ๊บอกหนูเลยว่าจะพาซินแสมาปรับฮวงจุ้ยให้”
อารียาเป็นฝ่ายทักท้วงขึ้น
“พอดีซินแสเพิ่งตอบรับพี่เมื่อวานตอนหัวค่ำ พี่เลยไม่ทันได้บอก”
ศุภณัฐตอบข้อสงสัย
“แล้วนี่เราต้องปรับอะไรเปลี่ยนอะไรตรงไหนบ้างคะ”
อารียารีบถามด้วยความใคร่รู้
“เท่าที่ผมดูตอนนี้ ที่ดินของที่นี่ฮวงจุ้ยดีมากเลยนะครับ พวกคุณโชคดีมากที่ได้ที่ดินตรงนี้... แต่ส่วนอื่นๆ คงต้องเดินดูแต่ละจุด”
ซินแสบอกทุกคนที่นั่งอยู่ในห้อง
ที่ดินตรงนี้เป็นที่ดินของอารียา ซึ่งเธอยกบ้านหลังใหญ่ในพื้นที่ประมาณเกือบห้าไร่ของเธอที่บิดามารดายกให้เมื่อตอนเรียนจบจากฝรั่งเศสก่อนกลับมาเมืองไทย สำหรับทำเป็นสตูดิโอและออฟฟิศ
“งั้นเราเดินดูกันเลยดีไหมคะ”
เมรีเป็นฝ่ายเสนอขึ้น
“ครับ... อ่อ แต่ผมขออนุญาต ขอวันเดือนปีเกิดของทุกคนไว้หน่อยได้ไหมครับ”
ซินแสบอกก่อนที่ทุกคนจะลุกขึ้น เพื่อพาซินแสเดินดูพื้นที่ทั้งหมด
“ได้สิคะ”
น้ำพราวตอบรับทันควัน
เป็นผลให้ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นหันมามองที่หล่อนเกือบจะพร้อมกัน หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ มือพลางเปิดกระเป๋าหยิบสมุดพกเล่มเล็กที่เอาไว้จดบันทึกออกมา แล้วดึงเอากระดาษโน้ตที่เหน็บเอาไว้ในสมุดเล่มนั้นออกมาหนึ่งแผ่น จากนั้นก็เขียนวันเดือนปีเกิดพร้อมชื่อส่งให้ซินแสอย่างไม่คิดที่จะสนใจคนอื่นที่นั่งมองกิริยาของหล่อนอยู่
“เจ้าขา... เขียนให้นายด้วยสินะๆ”
อารียาเหลือบมองเพื่อนรัก ก่อนบอกน้ำเสียงอ้อนๆ
“ได้สิจ๊ะคนสวยของน้ำพราว”
น้ำพราวแสร้งตอบเสียงหวาน พลางลอบมองอีกสามคนที่นั่งอยู่ เพราะเธอเชื่อว่าทุกคนต้องมองมา ทว่ามือก็หยิบเอากระดาษแผ่นเล็กจากที่เดิมออกมาเขียนวันเดือนปีเกิดเพื่อนรักส่งให้ซินแสอีกครั้ง
คนที่กำลังมองอย่างเมรีถึงกับส่งค้อนวงใหญ่ให้เธอเลยทีเดียว
“สองคนนี้ เกิดคนละวัน แต่เดือนเดียวกัน เวลาใกล้เคียงกัน...”
ซินแสนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนยิ้มน้อยๆ อย่างนึกเอ็นดู
“ค่ะ”
สองสาวตอบพร้อมกันโดยอัตโนมัติ จากนั้นก็ขยับตัวเตรียมฟังต่อ เพราะคิดว่าซินแสจะต้องพูดอะไรต่ออีกแน่นอน
“เดี๋ยวผมขอดูห้องทำงานคุณโก้ก่อนแล้วกันนะครับ เพราะการปรับฮวงจุ้ยหลักๆ ต้องเริ่มจากตัวผู้บริหารก่อน”
ซินแสหันไปบอกศุภณัฐ ทำเอาสองสาวที่รอฟังคำทำนายอย่างใจจดจ่อถึงกับทำหน้าเจื่อนอย่างคนผิดหวังอย่างแรงเช่นนั้น
หากไม่ใช่คนรอบข้างแล้ว จะไม่มีใครรู้ว่าสองสาวเพื่อนรัก จะเชื่อเรื่องเกี่ยวกับศาสตร์ทางนี้ ทั้งคู่จะชอบพากันตระเวนไปเช็กดวงทุกๆ สามถึงหกเดือนเลยทีเดียว หากถามว่าพวกเธองมงาย และเชื่อในสิ่งที่หมอดูทักไหม ก็ไม่ได้เชื่อซะร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก หากแต่ก็มีความเชื่อเกินกว่าครึ่งอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับความรัก
เมรีมองสองสาวอย่างนึกขำ เพราะเขารู้ว่าเวลานี้ทั้งคู่กำลังรู้สึกอย่างไร
