บทที่ ๔

น้ำพราวและอารียา เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้น ซึ่งเป็นโรงเรียนหญิงล้วน ทั้งคู่เรียนห้องเดียวกันมาตลอดจนถึงมัธยมปลาย ด้วยบุคลิกที่ตรงข้ามกันไปซะทุกด้านของทั้งคู่ทำให้อยู่ด้วยกันได้ดี แต่ที่เหมือนกันก็คือเป็นเด็กเรียนเก่งทั้งคู่

น้ำพราวหรือเจ้าขา ใช่ว่าจะเรียนเก่งอย่างเดียว เธอยังเป็นนักบาสเกตบอลของโรงเรียน และด้วยบุคลิกที่ออกห้าวๆ ลุยๆ ผสมกับเป็นนักกีฬาของโรงเรียนทำให้เธอเป็นที่สนใจของเหล่าสาวๆ ในโรงเรียนทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง และก็ใช่ว่าจะมีแต่เพียงในโรงเรียนเดียวกันเท่านั้น เพราะเวลาต้องไปแข่งต่างโรงเรียนสาวๆ ของโรงเรียนนั้นๆ ต่างพากันกรี๊ดเธอไปตามๆ กัน

เมื่อเริ่มมีสาวๆ ทั้งในโรงเรียนและต่างโรงเรียนพากันกรี๊ดมาก จนถึงขั้นมีสาวต่างโรงเรียนมาดักรอหน้าโรงเรียนหลังเลิกเรียนกันเลยทีเดียว ส่วนสาวๆ ในโรงเรียนก็มีแวะเวียนส่งดอกไม้ ช็อกโกแลตมาให้ไม่ขาด ยิ่งวันวาเลนไทน์ไม่ต้องพูดถึง เธอจะได้ดอกไม้กับช็อกโกแลตมากที่สุดในโรงเรียนเลยก็ว่าได้

ทว่าน้ำพราวไม่ได้ปลาบปลื้มกับสิ่งที่เป็นเลยสักนิด เธอจึงพยายามหาวิธีทำให้บรรดาสาวๆ ที่คลั่งเธอค่อยๆ ห่างออกไป โดยการดึงเอาอารียาเข้ามาเป็นตัวช่วย โดยเพิ่มความสนิทสนมกันให้มากขึ้น

ความที่มีจิตใจอ่อนโยนซ่อนอยู่ภายในตัวน้ำพราว และนิสัยความเป็นคุณหนูเอาแต่ใจตัวเองของอารียา ทำให้บรรดาสาวๆ เห็นการดูแลเอาใจใส่ของทั้งคู่แล้วพากันอกหักไปตามๆ กัน ด้วยเข้าใจว่าทั้งคู่เป็นแฟนกันแน่นอน

หากนับจำนวนปีในความสนิทของทั้งคู่ก็น่าจะเกือบยี่สิบปีเลยทีเดียว สองสาวมาห่างกันก็ตอนที่เรียนจบมัธยมปลาย เพราะอารียาต้องไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส จริงๆ แล้วเธอต้องไปเรียนตั้งแต่จบมัธยมต้นด้วยซ้ำ เพราะบิดากับมารดาของเธอต้องย้ายไปประจำอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสในตอนนั้น แต่อารียาขอบิดาไว้เพราะยังไม่อยากไป

ทำให้ในระดับปริญญาตรี ทั้งคู่จึงต้องแยกย้ายกันเรียน ต่างที่ต่างสาขากันไป โชคดีที่ช่วงเวลานั้น เป็นช่วงที่โลกโซเชียลกำลังเข้ามาสองสาวจึงไม่ได้ขาดการติดต่อกันความสนิทสนมของทั้งคู่จึงไม่ได้ลดลงไป

น้ำพราว ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเธอเลือกเรียน คณะนิเทศศาสตร์ สาขาศิลปะการถ่ายภาพ/ภาพนิ่งและภาพยนตร์

หลังจากเรียนจบจากมหาวิทยาลัย เธอก็เริ่มเข้าสู่วงการถ่ายภาพ โดยเริ่มจากการเป็นช่างภาพประจำให้กับนิตยสารท่องเที่ยวฉบับหนึ่ง พร้อมทั้งเขียนคอลัมน์ให้อีกด้วย

และในขณะที่ทำงานอยู่ที่นั่น น้ำพราวก็ได้เจอกับศุภณัฐ ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์อยู่ที่นั่นเช่นกัน ทั้งคู่ได้มีโอกาสทำงานร่วมกันบ่อยครั้งและด้วยความที่ร่วมกันตลอดทำให้ทั้งคู่รู้มือกัน เมื่อมีโอกาสเธอกับ ศุภณัฐจึงแยกตัวออกมารับงานอิสระ ทำให้ทั้งคู่สนิทกันมากเสมือนพี่น้องกันแท้ๆ ก็ว่าได้

“มาแล้วค่ะ เอสเพรสโซ่ของพี่โก้”

เสียงหวานใสของอารียาดังขึ้นมาก่อนที่เจ้าตัวจะมาถึงด้านบนด้วยซ้ำ

อารียาหรือหนูนาย ดีไซเนอร์และสไตล์ลิสต์ชื่อดัง ดีกรีลูกสาวอดีตท่านทูตไทยประจำประเทศฝรั่งเศส เธอเป็นคุณหนูไฮโซ สวย รวย เนี้ยบ ไม่มีที่ติ และด้วยความที่เป็นลูกสาวคนเดียว แถมบ้านรวย และความเนี้ยบของเธอทำให้ถูกคนภายนอกว่าเธอเป็นคุณหนูขี้เหวี่ยง ขี้วีน ทว่านั้นเป็นเพียงที่คนนอกมองเห็นเท่านั้น

อารียาไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสในสาขาเกี่ยวกับการออกแบบดีไซน์เสื้อผ้าและเครื่องประดับ ขณะที่เรียนอยู่เธอได้มีโอกาสเข้าร่วมงานแฟชั่นใหญ่ๆ หลายครั้ง และงานที่สร้างชื่อให้กับเธอเป็นงานแฟชั่นโชว์หรูที่ปารีส โดยเธอได้มีโอกาสออกแบบเสื้อผ้าให้กับแบรนด์ดังของปารีส ซึ่งผลงานของเธอกลายเป็นที่ยอมรับและถูกพูดถึงกันมากที่สุดในวงการแฟชั่นและดีไซเนอร์ จากนั้นเธอก็ได้มีโอกาสร่วมงานใหญ่อีกหลายงานจนกระทั่งกลับมาเมืองไทย