ตอนที่ 4 ไม่มีประโยชน์
เธอเดินไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมายก่อนหยุดที่ริมถนนมองเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังโบกรถให้การจราจร พราวฟ้าเดินไปหาตำรวจบอกว่าเธอทำโทรศัพท์หายติดต่อญาติไม่ได้เลยขอยืมโทรศัพท์โทรหาแฟน ตำรวจให้การช่วยเหลือโดยให้ยืมโทรศัพท์
“พี่ยุ พี่ยุ” พราวฟ้าตื่นเต้นดีใจที่วายุรับโทรศัพท์
“จากไหนครับ”
“พราวเองค่ะพี่ยุ ตอนนี้พราวเกิดเรื่องอยากให้พี่ช่วย” พราวฟ้ารีบพูดเสียงสั่นหวังว่าเขาจะให้ความช่วยเหลือ
“............” ปลายสายเงียบไปอยู่นาน ทำให้เธอใจคอไม่ดี
“พี่ยุ ได้ยินพราวไหม พี่ยุ”
“ตอนนี้พราวอยู่ไหน” ปลายสายพูดเสียงกุกกักคล้ายสัญญาณขาด ๆ หาย ๆ
“อยู่แถวบ้านป้าพิศค่ะ”
“พราวมาเจอพี่ที่ร้านสะดวกซื้อหน้าหมู่บ้านพี่นะ พี่จะไปรอ”
“ค่ะ ๆ อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงน่าจะถึง ขอบคุณมากนะคะพี่ยุ” พราวฟ้ายิ้มกว้างน้ำตาร่วงดีใจที่ชายคนรักพร้อมที่จะช่วยเหลือ เธอรีบคืนโทรศัพท์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเดินทางไปยังหมู่บ้านของคู่หมั้นทันที
เพียงไม่นานพราวฟ้ามาถึงร้านสะดวกซื้อหน้าหมู่บ้านของคู่หมั้น
เธอรีบลงจากรถอย่างมีกำลังใจ แม้จะยังไม่รู้ว่าเขาจะช่วยเธอยังไงอย่างน้อยแค่รู้ว่าเขาจะช่วยก็ซาบซึ้งมากแล้ว พราวฟ้าเดินเข้าไปในร้านสะดวกมองหาจนทั่วไม่เจอวายุ เลยออกมายืนชะเง้อรอที่หน้าร้านด้วยความร้อนใจมองรอบข้างอย่างหวาดระแวงแม้แค่เสียงรถวิ่งผ่านก็ตกใจ พราวฟ้าพยายามก้มหน้าเก็บกดอาการหวาดกลัวไม่ให้คนทั่วไปสงสัย อยู่ ๆ ก็มีรถตู้คันหนึ่งมาจอดริมถนนแล้วมีชายฉกรรจ์สองคนวิ่งเข้ามาหา พราวฟ้าตาเบิกโพลงรีบวิ่งเข้าไปในร้านสะดวกก็โดนจับลากออกมาด้วยแรงของชายทั้งสองเธอโดนปิดปากกรีดร้องได้เพียงในลำคอ เจ้าของร้านสะดวกตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก
“ถ้าไม่อยากถูกเผาร้าน อย่าเสือก!” ชายฉกรรจ์จ้องเจ้าของร้านตาเขม็ง เจ้าของร้านหวาดกลัวรีบยกสองมือชูขึ้นแล้วทรุดนั่งหลบลงใต้เคาน์เตอร์ พราวฟ้าถูกหามขึ้นรถตู้เมื่อประตูรถปิดลงไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง……
ห้องทำงานของอคิระบนตึกสูง
อคิระเข้าร่วมประชุมออนไลน์ทางไกลกับทางต่างประเทศ หัวหน้าองค์กรคือคิมูระซึ่งเป็นลุงของเขาถามถึงความคืบหน้าเรื่องที่ให้มาสะสางที่เมืองไทย
“ผมให้ทีมค้นหาได้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของพื้นที่แล้ว” เขาตอบน้ำเสียงและแววตาเรียบนิ่ง
“ถ้าเด็กนั่นมันไม่รู้ก็ไม่มีประโยชน์ที่ต้องเก็บไว้” คิมูระตามองตรงสบตากับหลานชาย
“ยังมีประโยชน์ อย่าลืมว่าเธอได้รับมรดกมากมายจากการหายไปของครอบครัวแค่ตอนนี้ต้องเก็บตัวเพื่อจบปัญหาใหญ่ก่อน”
“มีมรดกก็ใช่ว่าจะเป็นของพวกเรา หรือว่าแกมีวิธีเอามา”
“ผมวางแผนไว้แล้วครับ” หน้าคมยกยิ้มก่อนจะจบการสนทนา เสียงฟ้าร้องดังกระหึ่มอยู่ภายนอกนัยน์ตาคมเหลือบมองภายนอกจากกระจกบานใหญ่ของห้องทำงาน มองดูฝนที่ตกลงมาอย่างหนักจนท้องฟ้ามัวพลางนึกถึงใครบางคนที่กลัวเสียงฝนตกฟ้าร้อง……….
ช่วงค่ำ
สถานบันเทิงอาบอบนวดระดับลูกค้าวีไอพีสำหรับลูกค้าจ่ายค่าสมาชิกปีละหนึ่งแสนเพื่อให้ได้หญิงสาวสวยรูปร่างดีไม่บอบช้ำหลายมือ
อิคิระนั่งดื่มกินสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนผู้บริหารระดับสูงจากธุรกิจต่าง ๆ หญิงสาวสวยนั่งคลอเคลียขนาบสองข้าง กอดจูบลูบคลำกันลึกเข้าไปถึงไหน ๆ หญิงสาวดาวเด่นของสถานบันเทิงลูบไล้จากหน้าท้องแกร่งเคลื่อนลงไปใกล้เป้ากางเกงของอคิระที่กำลังเมามาย เขาบีบมือหญิงสาวแล้วเหวี่ยงออกมองตาขวาง
“อย่ามายุ่ง!”
“อะไรกัน ไม่ให้น้องเขายุ่งแล้วจะอึ้บกันยังไง” วายุเมาตาเยิ้มหันมองเพื่อนร่วมกลุ่มด้วยความแปลกใจ
“วันนี้จะกลับห้อง”
“เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้นหรือว่ามีของแซ่บอยู่ที่ห้อง” เกริกหูผึ่งหันขวับไปมอง
“แซ่บอะไรแข็งทื่ออย่างกับท่อนไม้” อคิระยกนิ้วชี้ขึ้นมาลูบริมฝีปากสายตากรุ้มกริ่ม เพื่อน ๆ หรี่ตามองแบบนี้ไม่ใช่แล้ว
“ใช่เหรอ........ถ้าแย่มาก นายคงไม่อยากกลับไปอึ้บหรอกจริงไหม” ปราบมองอย่างรู้ทัน
“หรือว่ากันท่าไม่ให้พวกเราไปร่วมด้วย” เกริกจ้องหน้าเพื่อนปกติแลกคู่นอนกันได้แต่ดูเหมือนเพื่อนจะหวงของ
“ถ้างั้นพวกเราไปลองของที่ห้องนายดีกว่า”
“ใครกล้าไปกูจะตัดจู๋ทิ้งให้หมด!” อคิระเสียงขุ่นมองเคือง
“เชี้ย! หวงของจริงด้วย อยากเจอตัวเป็น ๆ ฉิบหาย” วายุกับเกริกแกล้งหยอกแล้วยักคิ้วให้กัน อคิระไม่พอใจลุกขึ้นยืนเซ ๆ มึนเมา
“กูจะกลับไปเอาท่อนไม้ล่ะ”
“เออ ตามสบาย.....” วายุกระตุกยิ้มขำเพื่อนที่ฟอร์มเยอะขนาดเมาอยู่มันยังหวงของถ้าไม่เมาจะขนาดไหน อคิระเดินโซเซออกจากห้องรับรอง ลูกน้องเข้าไปช่วยพยุงตัวพากลับไปที่รถแล้วพากลับคอนโด
คอนโดหรูใจกลางเมือง
ลูกน้องแบกอคิระมาส่งในห้องนอน เขาร้องโวยวายให้ตามพราวฟ้ามาเช็ดตัวให้ ลูกน้องจึงรีบเดินไปเคาะประตูห้องเก็บของที่เป็นห้องนอนของพราวฟ้า
“คะ” เธอเปิดประตูออกมาสีหน้างัวเงียยังตื่นดี
“นายท่านให้ไปเช็ดตัวด่วนครับ”
“ค่ะ” เธอตอบรับสั้น ๆ เดินออกมาจากห้องแล้วเดินไปยังห้องนอนของอคิระที่อยู่บนชั้นลอยต้องขึ้นบันไดไปที่ห้องพักของเขา เมื่อเปิดเข้าไปในห้องเห็นอคิระนอนแผ่อยู่บนเตียงกว้าง เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำหยิบกะละมังใบเล็กและผ้าเช็ดหน้าเพื่อมาเช็ดร่างกายให้เจ้าชีวิตที่ช่วยเหลือเธอ
ภายในห้องนอนสีหม่น
พราวฟ้านั่งพับเพียบบนเตียงนอนสีหม่นค่อย ๆ แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำออกทีละเม็ด ๆ อคิระนอนหลับตาหายใจแรงกลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้ง
“ใคร อย่ามายุ่ง!” เขาปัดมือเธอออกอย่างรำคาญบ่นพึมพำทั้งที่ยังหลับตา
“พราวเองค่ะ” เสียงหวานแผ่วเบา อคิระปรือตามองว่าเป็นพราวฟ้าเลยหลับตานอนแผ่ให้เธอดูแล มือเรียวบิดผ้าที่แช่น้ำในกะละมังมาลูบเช็ดใบหน้าหล่อเหลาคิ้วเข้ม ๆ ของเขาช่างมีเสน่ห์ผสานกับผิวขาวใสได้กลมกลืนหล่อละมุนชวนหลงใหล ผ้าชื้นเช็ดตามลำคอไล่ลงยังแผงอกแกร่งและหน้าท้องลอนกล้ามเนื้อชัดเพราะเขาออกกำลังกายทุกวัน ในช่วงเวลาที่เขานอนหลับเธอรู้สึกประหม่าน้อยที่สุดเวลาที่ได้อยู่ใกล้ หากเขาตื่นเธอมักจะโดนดุขวางหูขวางตาทำอะไรก็ไม่ถูกใจสักอย่าง
“ขอน้ำดื่ม...”
“ค่ะ” พราวฟ้ารีบเขยิบลงจากที่นอนไปหยิบน้ำเย็นในตู้เย็นมินิภายในห้องนอนเปิดฝารินน้ำใส่แก้วให้กับเขา อคิระยันตัวขึ้นดื่มน้ำเย็นสายตามีเสน่ห์จ้องมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“ร้องไห้?” เขาเอ่ยถามเมื่อเห็นใต้ตาเธอบวมแดง พราวฟ้าเป็นคนผิวหน้าขาวใสหากมีรอยแดงแม้เพียงเล็กน้อยก็สังเกตเห็น
“เมื่อบ่ายฟ้าร้องฝนตกหนัก”
“จิตตก แล้วจะเอากันไหวไหม”
“ไม่ไหวค่ะ คืนพรุ่งนี้ได้ไหมคะ” พราวฟ้าก้มหน้าลงขอผัดไปวันเนื่องจากสภาพจิตใจยังไม่พร้อม
“อยากตอนนี้แต่ต้องรออีกยี่สิบสี่ชั่วโมง คิดว่าคนอย่างฉันจะรอหรือไง!” เขาเสียงเหวี่ยงมองตาขวางอย่างหงุดหงิด พราวฟ้าถอนหายใจเงยหน้ามองอคิระแล้วถอดเสื้อยืดตัวใหญ่ออกเหลือเพียงเรือนร่างเปลือยเปล่าขาวนวลเนียน
“พราวจะทำให้ดีที่สุดค่ะ.....” เมื่อปฏิเสธสิ่งเดียวที่ต้องทำคือยอมตามที่เขาต้องการน้ำเสียงและสายตาหวานหม่นเศร้าแม้ไม่มีอารมณ์ก็ต้องปรนเปรออย่างไม่มีข้อแม้ อคิระจ้องมองอย่างพอใจเขยิบกายเข้ากอดรัดร่างบางมาชิดใกล้แล้วโน้มลงประกบปากจูบริมฝีปากบางขบเม้มอ่อนโยนก่อนจะเพิ่มน้ำหนักบดขยี้ขึ้นเรื่อย ๆ จนริมฝีปากอมชมพูบวมเจ่อ
