บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 นั่งมองความตาย

ตอนที่ 2

นั่งมองความตาย

“ดี...ข้าจะเข้าไปดูด้วยตัวเอง”

มือข้างที่เอื้อมจะไปเปิดประตู ถูกดึงกลับแทบจะทันทีที่ได้ยินบทสนทนาจากภายนอก พร้อมกับใบหน้างามหันมองสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง หาจุดที่จะพาบุตรชายไปหลบซ่อนตัวได้

กระทั่งสายตาของหญิงวัยกลางคน ไปตกกระทบเข้ากับตู้เสื้อผ้า ขนาดของตัวตู้นั้น พอจะให้คนแค่หนึ่งคนเท่านั้นเข้าไปหลบซ่อนได้

โจวฮูหยินรีบจูงมือของบุตรชาย ให้รีบเดินไปทางตู้เสื้อผ้า เปิดประตูตู้ออก แล้วนั่งลงบนส้นเท้าของตัวเองอีกครั้ง ให้ใบหน้าของตัวเองอยู่ในระดับเดียวกันกับใบหน้าเล็กของบุตรชาย

“เสี่ยวเฟิงลูกแม่ แม่รักลูกนะ แล้วลูกล่ะ รักแม่หรือเปล่า”

“ลูกก็รักท่านแม่”

‘โจวฉินเฟิง’ แม้ไม่รู้ว่าภายในจวนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันตึงเครียด ที่แผ่ออกมารอบตัวของมารดาได้เป็นอย่างดี

“ถ้าลูกรักแม่ จงทำตามคำสั่งของแม่อย่างเคร่งครัดนะลูก เข้าไปหลบอยู่ในตู้เสื้อผ้า ห้ามส่งเสียงเป็นอันขาด แล้วไม่ว่าจะได้ยินเสียงหรือเห็นอะไร ก็ห้ามออกมาจากตู้เสื้อผ้า ถ้าลูกผิดสัญญา แม่จะโกรธและไม่พูดกับลูกอีกเลย”

ฉินอี๋ถงรู้ดีว่า บุตรชายของนาง กลัวว่านางจะโกรธและไม่พูดกับเขามากที่สุด ดังนั้นภายในจวนหลังนี้ คนที่ฉินเฟิงไม่กล้าดื้อ ไม่กล้าขัดคำสั่ง ก็มีแต่ตัวนางเท่านั้น

“ลูกจะทำตามคำสั่งของท่านแม่ ท่านแม่อย่าพึ่งโกรธลูกนะขอรับ”

เด็กชาย พอได้ยินมารดาขู่ว่าจะไม่พูดด้วย ก็รีบทำตามคำสั่ง มุดเข้าไปนั่งขดตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้า จ้องมองใบหน้าของมารดา ที่ค่อย ๆ ถูกบานประตูบดบังจนลับหายไปจากสายตา

ทางด้านโจวฮูหยิน หลังจากปิดประตูตู้เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว รู้ตัวดีว่าไม่มีทางหนีและคงไม่มีโอกาสรอดชีวิตแน่ รีบคว้าแจกันขนาดพอดีมือขึ้นมาถือกระชับมั่นเอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะสู้ตาย

...ปัง...

บานประตูห้องนอนที่ลงกลอนเอาไว้อย่างแน่นหนา ถูกกระแทกจนหลุดแยกออกจากกัน พร้อมกับกลุ่มคนชุดดำ จำนวนห้าคน พากันเดินถือดาบเปื้อนเลือด ย่างสามขุมเข้ามาในห้อง

ทันทีที่คนแปลกหน้าปรากฏตัว โจวฮูหยินก็รวบรวมกำลังใจทั้งหมด หลับหูหลับตา ทุ่มแจกันในมือใส่กลุ่มคนเหล่านั้น ที่พากันขยับตัวเพียงเล็กน้อย ก็สามารถหลบการโจมตีของหญิงวัยกลางคนได้อย่างง่ายดาย

เมื่อครั้งแรกพลาด หญิงวัยกลางคนก็ไม่ยอมแพ้ คราวนี้หยิบจับอะไรได้ ก็คว้าปาเข้าใส่กลุ่มคนชุดดำทั้งหมดแบบไม่ยั้ง หวังจะยื้อลมหายใจของตัวเอง ออกไปได้อีกสักนิดก็ยังดี

“พวกแกเป็นใคร ต้องการอะไรกันแน่”

“พวกข้าไม่ได้ต้องการอะไร นอกจากลมหายใจของผู้ที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโจวเท่านั้น”

หัวหน้าชายชุดดำ ที่สวมหน้ากาก อันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของเขากล่าวขึ้น พร้อมกับชักดาบออกจากฝัก เบี่ยงตัวหลบข้าวของที่ถูกขว้างปาใส่ได้อย่างง่ายดาย และเพียงไม่กี่ก้าว ก็เข้าไปยืนประชิดตัวของหญิงวัยกลางคนได้ มือข้างหนึ่งเงื้อดาบยกขึ้นสูง ก่อนจะฟันลงบนหน้าอกของหญิงสาว ที่คาดว่าน่าจะเป็นฮูหยินของใต้เท้าโจว ที่ถูกฆ่าตายไปก่อนหน้า

ดวงตาสองข้างของฉินอี๋ถงเบิกกว้าง รู้สึกเจ็บแปลบบริเวณหน้าอกเป็นอย่างมาก ทำให้ไม่อาจทรงตัวให้ยืนอยู่ได้อีกต่อไป

แต่ก่อนที่จะล้มลง มือข้างหนึ่งของหญิงวัยกลางคน เอื้อมไปจับหน้ากากของอีกฝ่าย จนหลุดติดมือมาได้สำเร็จ เพียงเสี้ยววินาทีที่ร่างกายหล่นกระทบพื้น นางก็มิอาจทนต่อความเจ็บปวดได้อีกต่อไป ลมหายใจสุดท้ายหลุดลอยออกจากร่าง รวมกับดวงวิญญาณดวงอื่น ๆ ที่ถูกสังหารในวัน เวลาเดียวกัน

ภายในตู้เสื้อผ้า ที่ไม่ได้ปิดสนิท ยังพอมีช่องว่างเล็ก ๆ ให้คนที่แอบซ่อนอยู่ในนั้น มองเห็นเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน

ใบหน้าเล็กเผือดซีดไร้สีเลือด ดวงตาปรากฏแววตื่นตระหนก จ้องมองร่างอันไร้วิญญาณของมารดาตาไม่กะพริบ หัวใจทั้งดวงแทบกระดอนออกมาภายนอก

ก่อนร่างกายที่นิ่งค้างจะสั่นระริกเหมือนลูกนก ความหนาวยะเยือกคืบคลานเข้ามาในใจ เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นบนใบหน้า

ดวงตาเหยี่ยวค่อย ๆ ไต่ระดับเลื่อนขึ้นสูง จนมองเห็นใบหน้าภายใต้หน้ากากที่หลุดร่วงได้เต็มสองตา จากนั้นถึงได้เลื่อนลงมาจับจ้องมองโลหิตแดงฉาน ที่ติดอยู่บนคมดาบ

“ท่านแม่”

แม้ริมฝีปากจะขยับเอ่ยเรียกมารดา แต่กลับไร้ซึ่งเสียงที่เปล่งออกมา ใจหนึ่งอยากจะวิ่งออกไปกอดร่างที่ชุ่มไปด้วยเลือด แต่อีกใจกลับรู้สึกหวาดกลัวเสียจนไม่สามารถบังคับร่างกายให้ทำตามใจปรารถนาได้

ท้ายที่สุดแล้ว ก็ทำได้แต่นั่งมองใบหน้าปราศจากจิตวิญญาณของมารดา และมองความเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนั้น ที่เดินสำรวจไปรอบบริเวณห้อง เพื่อค้นหาว่ายังมีผู้รอดชีวิตหลงเหลืออยู่หรือไม่

“ค้นจนทั่วแล้ว ในห้องนี้ไม่มีใครอื่นอีกขอรับ” เสียงชายชุดดำคนหนึ่งกล่าวรายงานขึ้นมา

“ถ้าอย่างนั้นบอกคนของเราให้ถอนกำลังกลับได้”

หัวหน้ากลุ่มคนชุดดำ โน้มตัวลงหยิบหน้ากาก ที่หญิงนางนั้นดึงจนหลุดขึ้นมาสวมใส่ปิดบังใบหน้าเอาไว้ตามเดิม

จากนั้นก็เดินนำทุกคนออกจากห้องนอนนี้ไป ทิ้งให้เด็กชายผู้รอดชีวิต นั่งตัวแข็งทื่อ มองร่างอันไร้วิญญาณของมารดาอยู่แบบนั้น

เวลาผ่านไปหนึ่งเค่อ สองเค่อ หรืออาจจะนานกว่านั้น ที่โจวฉินเฟิงนั่งนิ่งอยู่ บานประตูตู้ค่อย ๆ เปิดออก พร้อมกับใบหน้าของคนที่เด็กชายคุ้นเคยดี ปรากฏขึ้น

“คุณชาย ออกมาหาบ่าวเถอะขอรับ”

อาจือ หรือ ‘จางจือ’ บ่าวรับใช้ภายในเรือน ที่มีหน้าที่คอยติดตามดูแลคุณชายน้อย และเป็นอีกหนึ่งคน ที่รอดชีวิตมาได้ เพราะตัวเขานั้น เดินทางออกจากจวน เพื่อไปหาซื้อของกินมาให้คุณชายน้อย

พอได้อาหารมาเต็มสองไม้สองมือ ก็เดินเท้ากลับมาจวนสกุลโจว ทันได้เห็นกลุ่มคนชุดดำกลุ่มใหญ่ เดินผ่านประตูออกมา เขาถึงได้รีบหาที่ซ่อนตัว

กระทั่งแน่ใจแล้วว่า คนแปลกหน้ากลุ่มนี้ แยกย้ายกันไปจนหมดแล้ว ถึงได้ออกจากที่ซ่อน รีบเข้ามาในจวน เพราะเป็นห่วงคุณชายน้อย

แล้วภาพที่เห็นตรงหน้า ก็ทำให้ห่ออาหารที่ซื้อมา หลุดร่วงหล่นจากมือ ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็เห็นแต่ร่างไร้วิญญาณนอนจมกองเลือด ตายอย่างน่าอนาถ

จนกระทั่งเดินมาถึงเรือนของคุณชายน้อย เห็นประตูห้องพังหลุดลุ่ย ก็ให้ใจคอไม่ดี จึงรีบวิ่งเข้ามาภายในห้องนอน ได้เห็นภาพโจวฮูหยินนอนสิ้นใจ ใบหน้าหันไปทางตู้เสื้อผ้า แต่กลับไร้วี่แววของคุณชาย จึงนึกเอะใจ เดินมาเปิดประตูตู้เสื้อผ้าออกดู

“ไม่มีอะไรแล้ว ปลอดภัยแล้วขอรับ ออกมาเถอะ”

แต่ไม่ว่าเขาจะบอกให้คุณชายน้อยออกมาจากตู้เสื้อผ้าอย่างไร อีกฝ่ายก็ยังคงนั่งนิ่ง ไม่ยอมขยับเขยื้อนตามที่เขาต้องการ

จางจือ จึงตัดสินใจ เอื้อมมือไปคว้าฉุดดึงร่างเล็กออกมาจากตู้เสื้อผ้าด้วยตัวเอง กระนั้นถึงแม้จะพาตัวของเด็กชายออกจากตู้มาได้สำเร็จ ร่างเล็กก็ยังคงยืนนิ่งเฉย คล้ายกับว่า ไม่รับรู้สิ่งใดอีกต่อไปแล้ว

“โถ...คุณชายของบ่าว”

แม้ยามนี้จะรู้สึกสงสารผู้เป็นนายมากแค่ไหน จางจือก็ไม่อาจปลอบใจได้มากไปกว่านี้ เพราะไม่รู้ว่า กลุ่มคนชุดดำเหล่านั้น จะย้อนกลับมาอีกหรือเปล่า

เขารีบลงมือเก็บเสื้อผ้าของคุณชาย และค้นหาเงินทองของมีค่า ได้มาจำนวนหนึ่ง เก็บใส่ไว้ในห่อผ้าให้เรียบร้อย

“ที่นี่ไม่ปลอดภัย คุณชายไปกับบ่าวนะขอรับ ต่อไปบ่าวจะดูแลคุณชายเอง”

มือหนาเอื้อมไปจับมือเล็กกว่ามาก แล้วฉุดดึงให้ร่างเล็ก ก้าวเท้าตามเขาออกจากเรือนกลางมา เดินไปตามเส้นทางเดิน ที่ทอดยาวไปถึงประตูหน้าของจวน

โจวฉินเฟิง ก้าวเท้ายาว ๆ ตามพี่เลี้ยง แบบไม่รู้ทิศทาง ดวงตากวาดมองไปตามร่างอันไร้วิญญาณที่นอนตายเกลื่อน สายลมพัดพา กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งโชยเข้าปะทะกับปลายจมูก จนน่าสะอิดสะเอียน

ก่อนสายตาจะปะทะเข้ากับร่างร่างหนึ่ง ซึ่งนอนคว่ำหน้า ดาบที่เขาเคยเอ่ยปากขอ ยังอยู่ในมือของท่าน

“ท่านพ่อ”

คราวนี้เด็กชายสามารถเปล่งเสียงเรียกบิดาออกมาได้ แต่ก็เพียงเท่านั้น ร่างเล็กหงายหลังล้มตึงหมดสติไปกลางอากาศแทบจะทันทีที่ส่งเสียงออกมา...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel