บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 บุกจวนยามวิกาล

ตอนที่ 1

บุกจวนยามวิกาล

แสงสีนิลสาดส่องปกคลุมทั่วทั้งเมืองต้าชิง ดวงจันทร์กลมโตส่องแสงนวลละมุน ดุจดั่งหยกขาวลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้าสีครามเข้ม ดวงดาวระยิบระยับอยู่รอบข้างราวกับเพชรนับล้านเม็ด ที่ประดับประดาบนผืนผ้ากำมะหยี่อันกว้างใหญ่ สายลมพัดเอื่อย ๆ พาเอาไอเย็นของยามค่ำคืนโชยผ่านใบไม้ให้พลิ้วไหว เสียงจิ้งหรีดร้องขับกล่อมบรรยากาศอันเงียบสงบ

แสงสีนวลจากโคมไฟส่องสว่างตามทางเดินของจวนหลังใหญ่ บริเวณด้านหน้าประดับประดาด้วยต้นไม้ใหญ่ อายุหลายร้อยปี ยืนต้นตระหง่านสง่างามราวกับยักษ์ใหญ่ ที่เฝ้าดูแลจวนหลังนี้อย่างเงียบเชียบ

นอกจากต้นไม้ใหญ่ ที่ทำหน้าที่เสมือนเวรยามคอยดูแลความปลอดภัยแล้ว ตามประตูใหญ่และประตูหลัง ยังมีผู้คุ้มกัน ยืนเฝ้าเวรยามอยู่ด้านละสองคน

นอกจากนี้แล้ว ภายในจวน ยังมีผู้คุ้มกันภัยอีกหลายคน ผลัดกันเดินตรวจตราไปรอบบริเวณ สายตาแต่ละคู่สอดส่ายมองหาความผิดปกติ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้

การเฝ้าเวรยามอันแน่นหนานี้ ทำให้ผู้คนมากหน้าหลายตาที่อาศัยอยู่ในจวนหลังนี้ ต่างพากันนอนหลับใหลได้อย่างสนิทใจ เพราะมั่นใจในฝีมือของผู้คุ้มกัน ที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี

...ฉึบ...

แต่ท่ามกลางความสงบยามค่ำคืนนั้น บริเวณประตูทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ปรากฏร่างคนชุดดำ ปิดบังใบหน้าค่าตาเอาไว้อย่างมิดชิด ภายในมือของคนเหล่านั้น ถือดาบคมวาววับกระชับแน่นเป็นอาวุธประจำกาย

ฝีเท้ายามก้าวเดินแต่ละย่างก้าว เงียบสงัดไร้ซึ่งเสียงสะท้อน ราวกับกลุ่มคนเหล่านี้ได้รับการฝึกซุ่มโจมตีมาเป็นอย่างดี

เพียงไม่นาน คนชุดดำสี่คนก็ก้าวเท้าเข้าประชิดเวรยามที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูทั้งสี่คน โดยที่คนพวกนั้นไม่รู้ตัวมาก่อน

มารู้ตัวอีกที ก็มีคมดาบมาจ่ออยู่บริเวณคอหอย และริมฝีปากถูกปิดด้วยมือของคนแปลกหน้าเสียแล้ว เพียงชั่วพริบตาหลังจากนั้น ลมหายใจของผู้คุ้มกันภัยทั้งสี่ ก็ถูกพรากไปด้วยคมดาบที่เฉือนตัดเส้นเลือดใหญ่ จนโลหิตสีแดงฉานพุ่งกระฉูดกระเซ็นเปรอะเปื้อนไปทั่ว ก่อนร่างไร้ลมหายใจ จะถูกปล่อยลงนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น

หลังจากจัดการเวรยามที่เฝ้าประตูพ้นไปได้อย่างง่ายดายแล้ว ชายชุดดำคนหนึ่ง สวมหน้ากากปิดบังใบหน้า แตกต่างจากคนชุดดำคนอื่น ๆ เดินออกมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูจวน ก่อนกระแสเสียงทรงอำนาจจะเอื้อนเอ่ยออกมา

“ถ่ายทอดคำสั่งออกไป จัดการให้หมด ไม่ว่าจะเป็นเด็ก คนแก่ หรือสตรี ก็ไม่มีข้อยกเว้น”

“ขอรับ”

คำสั่งของหัวหน้ากลุ่มคนชุดดำ ถูกถ่ายทอดต่อกันไปเป็นทอด ๆ ภายนอกจวนหลังใหญ่ ไม่นานนักก็มีการส่งสัญญาณให้คนชุดดำ ที่ยืนล้อมจวนหลังนี้เอาไว้ ให้พากันบุกเข้าไปข้างในได้

กลุ่มคนชุดดำ วิ่งกรูผ่านประตูรั้วที่เปิดออกกว้าง ไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง แยกย้ายกระจายกันออกไปตามทิศทางต่าง ๆ ที่จะนำพาพวกเขาไปตามเรือนแต่ละหลัง

ไม่ถึงหนึ่งจิบชา กลุ่มผู้บุกรุก ก็ประจันหน้ากับกลุ่มผู้คุ้มกันภัย ที่กำลังเดินลาดตระเวน ตรวจตราความสงบภายในจวนของรองเสนาบดีกลาโหม

“พวกเจ้าเป็นใคร ถึงได้กล้าบุกเข้ามาในจวนของรองเสนาบดียามวิกาลเช่นนี้”

หนึ่งในผู้คุ้มกันภัย ชักดาบออกจากฝักเป็นคนแรก พร้อมตะโกนถามคนชุดดำ ที่คาดคะเนจากสายตาก็รู้ว่ามีจำนวนมากกว่าฝ่ายของตน

กลุ่มผู้บุกรุก หาได้สนใจตอบคำถามของคนผู้นี้ ทำแค่เพียงกล่าวเสียงเหี้ยมขึ้นมา

“ฆ่าให้หมด”

กองกำลังของทั้งสองฝ่าย บุกเข้าปะทะฝีมือกันด้วยเพลงดาบ เกิดเป็นเสียงของเหล็กกระทบกัน ดังกึกก้อง

ทำให้ผู้คนที่กำลังหลับใหล พากันตกใจตื่นขึ้นมากลางดึก บ้างก็งัวเงียนั่งสงสัย ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น บ้างก็พากันออกจากห้องนอนมาดูให้เห็นกับตา

พอออกมาเห็นกลุ่มคนแปลกหน้า กำลังปะทะฝีมือกับกลุ่มผู้คุ้มกันภัย และอีกไม่นานก็จะได้รับชัยชนะ ก็พากันหวีดร้อง ตื่นตระหนก ขวัญหนีดีฝ่อ แหกปากร้องลั่น วิ่งหนีเตลิดไปคนละทิศละทาง หวังเอาชีวิตรอด แต่ท้ายที่สุด ก็ไม่สามารถหลีกหนียมทูตที่ตามมาพรากชีวิตของพวกเขาไปได้

“ใต้เท้า ใต้เท้าขอรับ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”

ชายวัยกลางคน ซึ่งทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านดูแลงานภายในจวนหลังนี้ วิ่งหน้าตาตื่นมาหยุดยืนเคาะประตูห้องนอนใหญ่ อันเป็นห้องพักของประมุขของจวนกับฮูหยินเอก

...ปัง ๆ ...

สองชายหญิงวัยกลางคน ที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนนุ่ม ต่างพากันสะดุ้งตกใจตื่น ผวาผุดลุกขึ้นนั่งพร้อม ๆ กัน

“ใต้เท้ารีบตื่นเร็วขอรับ ยามนี้มีกลุ่มคนชุดดำบุกเข้ามาสังหารคนในจวนแล้ว” เสียงเคาะประตูกับเสียงของพ่อบ้าน ยังคงดังเข้ามาภายในห้องนอนไม่เว้นช่วง

“นั่นเสียงของพ่อบ้านจางนี้เจ้าคะ ข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

‘ฉินอี๋ถง’ หรือโจวฮูหยิน เอ่ยถามสามี ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก ถึงสาเหตุที่ถูกปลุกขึ้นมากลางดึกเช่นนี้

“อย่าพึ่งถามอะไรมาก รีบไปที่ห้องของเสี่ยวเฟิงก่อน แล้วพากันหาที่ปลอดภัยหลบ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าได้พากันโผล่หัวออกมาเป็นอันขาด”

รองเสนาบดีกรมกลาโหม ‘โจวไป๋ฟง’ ออกคำสั่งฮูหยินข้างกายอย่างร้อนรน สองหูเงี่ยฟังเสียงความเคลื่อนไหวที่ดังอยู่ภายนอก พอจะคาดเดาเหตุการณ์ได้บ้างแล้ว ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ท่านพี่”

คนที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ยังคงนั่งนิ่ง สีหน้าลังเลใจ ตัดสินใจไม่ถูก ว่าควรจะไปดูบุตรชายตามที่สามีสั่ง หรือคอยอยู่เคียงข้างสามีดี

“พี่บอกให้รีบไป”

ใต้เท้าโจว ตะคอกใส่หน้าโจวฮูหยิน เอื้อมมือไปคว้าหยิบดาบ ซึ่งวางอยู่หัวเตียง อันเป็นตำแหน่งที่เก็บอาวุธประจำกายเอาไว้อยู่เป็นประจำ ก่อนจะรีบกระโจนลงจากเตียงนอน ด้วยความเร่งรีบ

ฉินอี๋ถง แม้เป็นห่วงสามีก็ไม่มีทางเลือก รีบลงจากเตียงนอนเช่นกัน ก้าวเท้าไปยังประตูอีกด้าน ซึ่งจะนำพาไปยังระเบียงทางเดิน ซึ่งทอดยาวไปยังเรือนขนาดกลาง อันเป็นที่พำนักของบุตรชายวัยหกหนาว

ตลอดเส้นทางที่ก้าวเดินไปตามระเบียงทางเดิน เสียงกรีดร้อง เสียงของคมกระบี่ดังกระทบกัน ดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ทำให้ใบหน้าที่เริ่มปรากฏริ้วรอยของอายุ แสดงความหวาดกลัวออกมา

จังหวะการก้าวเดิน จึงแปรเปลี่ยนเป็นออกตัววิ่ง แม้ที่ผ่านมาจะได้รับการอบรมจากครอบครัว เรื่องมารยาทของสตรีมาเป็นอย่างดีก็ตาม

“เสี่ยวเฟิง รอแม่ก่อนนะลูก”

พอได้รู้สถานการณ์ความคับขันที่เกิดขึ้นภายในจวนแล้ว ความเป็นห่วงทั้งหมด จึงพุ่งไปที่ตัวของบุตรชายเพียงคนเดียว

ทันทีที่วิ่งมาถึงหน้าประตูเรือนกลาง โจวฮูหยินก็ลงมือทุบประตูอย่างร้อนใจ ไม่นานนักบานประตูก็ถูกแง้มออก พอให้หญิงวัยกลางคนได้เบียดตัวเข้าไป ก่อนบานประตูจะถูกปิดลงในทันที

“ท่านแม่”

“เสี่ยวเฟิง ขอบคุณสวรรค์ที่ลูกยังปลอดภัยดี”

เด็กชายวัยหกหนาว ผิวพรรณขาวสะอาด ใบหน้าคมคายผุดเค้าความหล่อเหลาตั้งแต่วัยเด็ก โผเข้าสู่อ้อมแขน ทันทีที่มารดาปิดประตูสนิทแล้ว

ทางด้านหญิงวัยกลางคน ก็นั่งลงบนส้นเท้าของตัวเอง โอบกอดบุตรชายเอาไว้แนบอกอย่างหวงแหน แววตาโล่งใจที่บุตรชายหัวแก้วหัวแหวน ยังคงปลอดภัยดี

“พี่เลี้ยงของลูกไปไหนในเวลาเช่นนี้”

โจวฮูหยินดันตัวของบุตรชายออกห่างจากตัวเล็กน้อย สอบถามถึงพี่เลี้ยงประจำตัวของบุตรชาย หากเป็นในสถานการณ์ปกติ คนผู้นี้ต้องถูกลงโทษ ฐานละทิ้งคุณชายน้อยของจวนให้อยู่เพียงลำพัง

“ลูกตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วรู้สึกหิว เลยให้อาจือไปหาอะไรมาให้กิน พอดีได้ยินเสียงคนหวีดร้อง ลูกกลัวเลยรีบปิดประตูลงกลอนขอรับ”

“เสี่ยวเฟิงของแม่เก่งมาก พวกเราต้องรีบออกไปจากที่นี่แล้ว ตามแม่มา อย่าส่งเสียงดังนะลูก”

ฉินอี๋ถงรีบลุกขึ้นยืน มือข้างซ้ายจับข้อมือเล็กเอาไว้แน่น ขณะที่มืออีกข้างกำลังจะเอื้อมไปเปิดประตูห้องนอนของบุตรชายออก แต่กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากภายนอกประตูเสียก่อน

“เรือนอื่น ๆ จัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”

“ขอรับนายท่าน เหลือเพียงเรือนหลังนี้แล้ว ที่ยังไม่มีใครเข้าไปดู”

“ดี...ข้าจะเข้าไปดูด้วยตัวเอง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel