ตอนที่หนึ่ง พังพินาศ (กรุบกริบ)
ตอนที่หนึ่ง พังพินาศ
“ใช่” เสียงที่ตอบกลับมาได้ยินอยู่ด้านข้างนั้นเอง ไป๋หนิงจึงหันขวับ
“รู้สึกตัวสักที มัวแต่เอ๋ออยู่ได้ มันเหนื่อยรู้ไหม”
เจ้าของมือที่คอยฉุดให้วิ่งหนีและตอนนี้ยังโอบเอวเธอเอาไว้อย่างถือวิสาสะคือชายคนนี้เองหรือ
ไป๋หนิงขยับตัวบิดเอวออกอย่างระวังไม่ให้ดูเป็นการรังเกียจ ถึงอย่างไรเขาก็ช่วยเธอไว้
เมื่อห่างออกมาได้สักนิดหญิงสาวจึงมองใบหน้าซึ่งมีรอยยิ้มลื่นไหล ดวงตาเรียวเล็กดูเหมือนมีความลับซ่อนอยู่ คิ้วโก่งเล็กน้อย ช่วยขับให้ใบหน้าแลดูมีเล่ห์เหลี่ยมยิ่งขึ้น
ชายหนุ่มผู้นี้มีจมูกโด่งพอประมาณ แต่มุมปากมักยกขึ้นน้อยๆ สร้างความรู้สึกเหมือนอยู่เหนือกว่าเสมอ
ท่าทางกะล่อนปลิ้นปล้อนไม่เบา
ไป๋หนิงตัดสินคนจากท่าทางทันที
“ยังจะงงอยู่อีก ตอนนี้เจ้าคือ ‘ไป๋หนิง’ เป็นเจ้าของแผงน้ำเล็กๆแก้กระหาย ส่วนข้าคือ ‘โจวฟู่จิว’ เป็นชาวบ้านที่ผ่านทางมา”
ผู้ชายคนนี้พูดอะไร
ไป๋หนิงยังคงเหลือกตาด้วยความไม่เข้าใจเรียกอารมณ์หงุดหงิดจนโจวฟู่จิวต้องลากมือมาหยุดอยู่ตรงกองเศษซากซึ่งเต็มไปด้วยไม้และข้าวของระเกะระกะกองหนึ่ง
“ตรงนี้เคยเป็นแผงค้าน้ำของเจ้า แต่ตอนนี้เหลือแค่ซากเละๆนี่แล้ว ด้วยพระเอกของเรื่องเพิ่งทำลายทิ้งไปเมื่อครู่”
พระเอกของเรื่อง?
คราวนี้ไป๋หนิงมีแววตาเหม่อลอยด้วยกำลังค้นหาคำตอบในห้วงความคิดที่ยุ่งเหยิง
พระเอกของเรื่องสุดหล่อคนนี้ที่เธอส่งเสียงกรี๊ดด้วยความเท่แล้วยังเก็บไปฝันถึงฉากรักน่าอายจนฉ่ำแฉะ
เพียงคิดถึงภาพในฝันซึ่งตนเองถูกจับหันหลังเปิดเปลือยบั้นท้ายขาวซึ่งมีบางสิ่งสอดแทรกเคลื่อนไหวอยู่อย่างล้ำลึก ไป๋หนิงก็หน้าแดงก่ำ
ยิ่งคิดไปถึงตอนที่กายใหญ่ขยับเอวควงร่อนส่งท่อนใหญ่ยาวเข้าโหมโจมตีทั้งบดทั้งขยี้จนเสียวปลาบไปทั่วกายขณะร่างของเธอเด้งไหวกระเด็นกระดอนส่งเสียงครวญดังลั่น ไป๋หนิงก็ยิ่งเคลิ้มไหว
“อ้า...ทั้งตอดทั้งแฉะ ดีเหลือเกิน”
คำชื่นชมของพระเอกสุดหล่อยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทคล้ายความจริงจนเหลือเชื่อ
กระทั่งมีศอกแข็งมากระทุ้งที่สีข้างเรียกสติเลอะเลือนให้กลับมา คิ้วทั้งสองข้างของไป๋หนิงจึงขมวดเข้าหากันด้วยจับต้นชนปลายไม่ถูก
ดวงตาสับสนเบิกกว้างมองไปยังกองเศษซากเหมือนค้นหาอะไรบางอย่างที่ไม่มีอยู่จริง
“เหตุใดจึงงงนานนัก ตอนข้าเข้ามาทำความเข้าใจเพียงครู่ก็รู้เรื่องแล้ว สมองทึบจริงเชียว”
เสียงบ่นว่าของโจวฟู่จิวทำให้เปลือกตาบางกะพริบช้าๆ ราวกำลังประมวลสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเป็นเส้นบาง ก่อนจะเผยอออกคล้ายอยากจะพูดอะไรแต่กลับเงียบงัน
“เอาล่ะ ข้าจะอธิบายช้าๆชัดๆก็แล้วกัน พวกเราคือตัวประกอบในซีรีส์เรื่องนี้ที่จู่ๆก็โดนคลื่นพลังซัดเข้ามาให้โลดแล่นมีชีวิต
อย่างที่บอก บทบาทของข้าคือชาวบ้านที่ผ่านทางมา ส่วนเจ้าคือเจ้าของแผงน้ำซึ่งข้ากำลังยืนซื้ออยู่ เมื่อพระเอกได้ผ่านฉากนี้ไปแล้ว เขาย่อมโลดแล่นต่อไปในฉากอื่นๆ ส่วนพวกเราก็ต้องใช้ชีวิตต่อไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัยหรือไม่ก็ต้องทำตามเงื่อนไขจึงจะกลับออกไปได้”
ไป๋หนิงมองใบหน้าที่ไม่ถึงกับหล่อเหลา แต่กลับทำให้วางใจไม่ลง ความไม่น่าเชื่อถือถูกส่งผ่านในทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะเป็นการเลิกคิ้วเบาๆ การเกาหัวอย่างเสแสร้ง หรือแม้แต่การยักไหล่ที่ดูเหมือนไม่ใส่ใจ แต่กลับเต็มไปด้วยเจตนาซ่อนเร้น
“เอาล่ะ เจ้าอาจจะยังไม่เชื่อข้า ไม่เป็นไร พวกเรายังมีเวลาอีกมาก” โจวฟู่จิวพูดจนเหนื่อยจึงถอนหายใจเล็กน้อย
