ตอนที่สอง หากได้พบจะรู้ได้เอง2
ตอนที่สอง หากได้พบจะรู้ได้เอง
คราวนี้ไป๋หนิงมองหน้าตัวประกอบชายซึ่งรู้สึกว่าช่างกะล่อนนักอย่างไม่ไว้วางใจหนักขึ้น
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ก็มีแต่เขาที่พูดเอาพูดเอา นางยังไม่ได้เอ่ยปากสักคำทั้งยังไม่ได้ถามว่าเขารู้ชื่อของนางได้อย่างไร
ตัวเธอเองก็ชื่อ ‘ไป๋หนิง’ เช่นกัน ช่างบังเอิญเกินไป
ด้วยยังคงไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราว ดังนั้นไป๋หนิงจึงนั่งลงที่เก้าอี้พลางมองจ้องด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“อย่าได้มองข้าเช่นนั้น หรือว่าเจ้าคิดว่าจะเอาตัวรอดได้เพียงผู้เดียวเช่นนั้นหรือ”
เอาตัวรอด?
นั่นสิ จะรอดได้อย่างไร?
สายตาของไป๋หนิงแปรเปลี่ยนเป็นครุ่นคิดหนัก โจวฟู่จิวจึงรีบอธิบาย
“ฟังให้ดีนะ พวกเราคือตัวประกอบที่ต้องใช้ชีวิตวนเวียนไปเรื่อยๆจนกว่าจะสิ้นอายุขัยด้วยหมดบทบาทในเรื่องแล้ว แต่หากต้องการจะกลับออกไปก่อนเวลา มีเงื่อนไขว่าต้องตามหาของที่กำหนดไว้ให้ครบและนำมาเปิดประตูแห่งวงล้อจึงจะกลับออกไปได้”
“ของอะไร” หญิงสาวเอ่ยถามเป็นคำแรก
“ข้าเองก็ไม่รู้แน่นอน เพียงแต่คนที่เคยอยู่ที่นี่มานานปีบอกต่อๆกันไว้ว่าต้องตามหาของวิเศษ3ชิ้นไปแลกกับผู้เฝ้าประตู
ด้วยสถานะของเจ้าคือแม่ค้า และสถานที่พลัดหลงเข้ามาคือตลาด ดังนั้นของเหล่านั้นน่าจะถูกซ่อนอยู่ตามตลาดต่างๆรอบเมือง”
“หมายความว่าของวิเศษของเจ้าหรือคนอื่นก็จะต่างกันเช่นนั้นหรือ”
“ใช่ พวกเขาบอกว่าหากเป็นคุณหนูในจวนใหญ่หรือองค์หญิงองค์ชาย ของวิเศษก็จะเปลี่ยนไป”
“แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งใดคือของวิเศษที่ว่า”
“พวกเขาเพียงเอ่ยว่า หากได้พบเจ้าจะรู้ได้เองว่านี่คือของวิเศษที่เอ่ยถึง”
หากได้พบก็จะรู้ได้เอง
นี่มันคำหลอกเด็กชัดๆ
“ฟังแล้วพิลึกนัก ว่าแต่ เจ้ารู้ชื่อข้าได้อย่างไร แล้วเหตุใดจึงคิดช่วยข้า”
“เพียงพบหน้าเจ้า ชื่อไป๋หนิงก็ออกมาจากปากเอง และรู้ทันทีว่าเจ้าคือคนที่หลุดเข้ามาเช่นกัน พวกเราที่หลุดเข้ามามักจะรู้เห็นในตัวตนของคนอื่น
ส่วนที่อยากช่วยเพราะดูแล้วเจ้ามีความเป็นไปได้ที่จะหาของวิเศษง่ายที่สุด ด้วยเงื่อนไขคือเพียงเปิดประตูได้ก็สามารถกลับออกไป ดังนั้นขอเพียงระหว่างเจ้าเปิด ข้าก็อาศัยจังหวะแทรกตัวออกไปด้วย ไม่เห็นจะยาก”
ท่าทางยักไหล่และเกาหัวยังคงให้ความรู้สึกไม่น่าเชื่อถือ ไป๋หนิงจึงบ่นพึมพำ
“คิดง่ายจริง” สติรับรู้ของหญิงสาวที่เพิ่งกลับมาเริ่มประมวลผลและทำความเข้าใจ
“มีพวกเราที่พลัดหลงเข้ามามากหรือไม่”
“นอกจากชายคนที่บอกเรื่องราวต่างๆกับข้าแล้ว ข้าเพิ่งพบเจ้าผู้เดียว”
อ้าว!...แสดงว่าไม่มากเท่าใด
“แล้วชายผู้นั้นอยู่ที่ใด” ไป๋หนิงยังมีความหวังว่าจะได้ข้อมูลเพิ่ม
“เขาสิ้นอายุขัยไปแล้ว” สีหน้าที่เศร้าลงเล็กน้อยสร้างความเชื่อถือให้กับหญิงสาวจนไม่อยากซักไซ้ต่อ
“เช่นนั้นคืนนี้ เจ้าก็พักที่นี่ก่อนเถอะ โจวฟู่จิว พรุ่งนี้พวกเราค่อยออกตระเวนตามหาของวิเศษที่ว่าหรือคนอื่นที่พลัดหลงเข้ามาก็แล้วกัน” ไป๋หนิงเอ่ยอย่างเจ้าบ้านที่ดี ในเมื่อเขาบอกว่าเป็นคนผ่านทางย่อมไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ส่วนนางยังมีบ้านแม้จะซอมซ่อนัก
แต่หญิงสาวไม่คิดว่าแขกผู้มาเยือนจะหน้าด้านเกินเยียวยา เมื่อโจวฟู่จิวล้มตัวลงนอนบนเตียงของนางอย่างหน้าตาเฉยทั้งยังไม่ยอมถอดรองเท้าจนหญิงสาวซึ่งชื่นชอบความสะอาดโกรธจัดแปลงร่างกลายเป็นนางมารร้ายทันที
“ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ นั่นคือที่นอนของข้า”
