บท
ตั้งค่า

3.ดวงจิตผูกพัน

*** ทักทายคร้า ***

ภายในห้องทำงานของท่านอธิป โมกข์นั่งหน้าโต๊ะทำงานมองหน้าบิดาเงียบๆ ระหว่างรอบิดาคุยโทรศัพท์กับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่ง

“พ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ”

“วัตถุโบราณที่ทางกรมศิลป์เจอแถวเมืองกาญฯ น่ะสิ ทางผู้ใหญ่ในกระทรวงกำชับมาว่ามูลค่ามหาศาลทีเดียว แล้วก็ขอกำลังตำรวจไปคุ้มครองพร้อมกับเจ้าหน้าที่ที่จะไปสำรวจวันจันทร์นี้” อธิปเอ่ยออกมาท่าทางไม่ค่อยสบายใจนัก

“พ่อห่วงว่ายัยมินจะเป็นอันตรายเหรอครับ” โมกข์ถามบิดา แล้วนึกภาพวัตถุโบราณสมัยต้นสุโขทัยที่เพิ่งค้นพบเมื่อหลายวันก่อน

“ใช่ เพราะงานนี้กลิ่นไม่ค่อยดี นักค้าวัตถุโบราณต่างก็อยากเป็นเจ้าของ พ่อกลัวว่าอาจจะมีการลักลอบเข้าไปขุดและขนออกมาขายในตลาดมืด” ท่านอธิปถอนหายใจ เอนหลังกับพนักเก้าอี้หนังสีดำตัวใหญ่

“แล้วหน่วยไหนรับงานนี้ครับพ่อ”

“ทางผู้ใหญ่อยากให้โมกข์รับงานนี้ พรุ่งนี้รองสมยศคงบอกกับโมกข์”

“ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องบอกยัยมินแล้วล่ะครับ ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมแน่ๆ”

“แต่โมกข์ก็ไปด้วยนี่นา ถ้าน้องอยากไปโมกข์ก็ดูแลน้องได้อยู่แล้ว” ท่านอธิปลุกเดินมาตบไหล่บุตรชายแล้วเดินเปิดประตูออกไป

เมื่อได้เวลาอาหารเย็นทุกคนต่างเข้ามาในห้องอาหารกันพร้อมหน้าพร้อมตา ท่านอธิปนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ มองใบหน้างอนๆ ของบุตรสาวแล้วยิ้มให้กับภรรยา

“คุณหญิงดูลูกสาวเราสิ หน้างอง้ำเชียว”

“คุณพ่ออะ” หญิงสาวยู่ปากใส่ผู้เป็นพ่อ

“แล้วอนุญาตไหมคะคุณ” คุณหญิงเอ่ยถามพลางมองไปที่ลูกชายคนโต โมกข์มองสบตามารดาแล้วยิ้มให้ ทำให้คุณหญิงรู้ว่าสุดท้ายลูกสาวคนเล็กของบ้านก็ชนะตามเคย

“เย้! คุณพ่อกับพี่โมกข์ใจดีที่สุดเลย” ปาริฉัตรยกมือไชโยอย่างดีใจ พลอยทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ

“แต่พี่จะไปด้วย” โมกข์ยักคิ้วให้น้องสาว ปาริฉัตรยิ้มกว้างกับข่าวใหม่ที่ได้ยิน

“จริงเหรอคะ ว้าว...”

“เรื่องอะไรกันคะคุณ” คุณหญิงเอ่ยถามสามี อธิปเหลือบตาขึ้นมองแล้วยิ้มให้

“ตาโมกข์ไปทำงานของเขา” ท่านอธิปตอบภรรยา

“ถ้าอย่างนั้นโมกข์ก็แวะไปดูบ้านเรือนไทยที่คุณยายยกให้โมกข์ด้วยสิจ๊ะ” คุณหญิงเอ่ยพลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

“ได้ครับ เห็นพ่อบอกว่าอนุญาตให้เจ้าหน้าที่กรมศิลป์เข้าไปพักนี่ครับ” ชายหนุ่มหันไปทางบิดา

“มินก็ต้องไปพักที่นั่นด้วยสิคะ มินอยากให้พี่โมกข์รู้จักกับอาจารย์เอื้องเทียนด้วย” ปาริฉัตรยิ้มหวาน ดวงตาเป็นประกาย ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับแผนการที่อยู่ในใจ

ภายในห้องนอนสลัวๆ ร่างโปร่งบางของเอื้องเทียนในชุดกางเกงเลสีครีมนอนหลับอยู่บนที่นอนกว้าง ภายในห้องเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของหญิงสาว กลิ่นดอกแก้วหอมอ่อนๆ ลอยเข้ามาในห้อง ใบหน้ากระจ่างใสของคนที่หลับอยู่แย้มยิ้มอย่างมีความสุข

“แม่เอื้อง...”

ร่างบอบบางค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกเยือกเย็นแว่วมาแต่ไกล ดวงตากลมใสเลื่อนไปมองที่ปลายเตียง กลุ่มควันสีขาวค่อยๆ ชัดขึ้น ร่างบอบบางลุกพรวดขึ้นนั่งทันที ตั้งสติมองภาพที่อยู่ตรงหน้า...ผู้หญิงชุดไทยเมื่อเช้านี่นา

“คุณเป็นใครคะ แล้วต้องการอะไร” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าช้าๆ กลั้นใจถามออกไป

ผู้หญิงชุดไทยส่งยิ้มหวานให้เธอ ใบหน้างามสะสวยโดดเด่น ดวงตาเรียวเป็นประกายสดใส

“แม่เอื้องจำพี่ไม่ได้ดอกรึ” เสียงหวานเย็นยะเยือกเอ่ยออกมา ริมฝีปากรูปกระจับแย้มยิ้มอย่างเปิดเผยและจริงใจ

“เอื้องเพิ่งเห็นคุณเมื่อเช้านี่เองค่ะ”

คนสวมชุดไทยยิ้ม

“แต่พี่เห็นแม่เอื้องมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย”

“คุณรู้จักเอื้องด้วยเหรอคะ” เอื้องเทียนนิ่วหน้าด้วยความแปลกใจ

“พี่จะไม่รู้จักแม่เอื้องที่เป็นน้องรักของพี่ได้ยังไงกัน”

ร่างบอบบางชุดใหญ่เคลื่อนเข้ามาใกล้ เอื้องเทียนนั่งนิ่งไม่กล้าขยับตัว หัวใจเต้นแรงจนเธอแทบระงับไม่อยู่ มือบางขาวนวลลูบบนศีรษะเล็กอย่างแสนรัก คนบนเตียงหลับตาลงรู้สึกอุ่นวาบกับสัมผัสที่ได้รับ

“เป็นพี่เหรอคะ” หล่อนถามออกมาเหมือนละเมอ

“ใช่จ้ะ” เสียงเยือกเย็นตอบกลับมา มือบางรั้งเอื้องเทียนเข้ามากอดไว้หลวมๆ พลางโยกร่างหญิงสาวไปมาช้าๆ

“แต่เอื้องไม่มีพี่สาวนี่คะ มีแต่พี่ชาย” ลำแขนกลมกลึงของหญิงสาวโอบเอวบางของคนที่อ้างตัวเป็นพี่สาว

“ชาตินี้ไม่มี แต่ชาติที่แล้วเรามีกันเพียงสองคนพี่น้อง แต่วันนี้พี่ต้องไปแล้ว รีบไปหาพลอยใสนะแม่เอื้อง หลานรอแม่เอื้องอยู่ สงสารแก พี่ต้องไปแล้ว คงไม่ได้พบกันอีก” หล่อนบอกเสียงเศร้า

เอื้องเทียนมองสบตาเรียวรี คิ้วโก่งสวยขมวดเป็นปม

“อย่าเพิ่งไปค่ะ คุณชื่ออะไรคะ แล้วพลอยใสเป็นใครกัน” กลุ่มควันสีขาวค่อยๆ จางหายไปช้าๆ เสียงพูดแว่วเย็นยะเยือกเข้าขั้วหัวใจ มือบางของคนที่นอนอยู่บนเตียงคว้าอากาศไปมา

“อรอุมา พี่ชื่ออรอุมา อย่าทิ้งหลานนะแม่เอื้อง อย่าทิ้งงง...” เสียงสะท้อนเบาลงเรื่อยๆ กระทั่งเงียบหายไป

ร่างบอบบางสะดุ้งตื่นอย่างรวดเร็ว เหงื่อเม็ดเล็กๆ เต็มใบหน้างาม ดวงตากลมโตมองไปรอบๆ ห้องนอน ก่อนจะสลัดผ้าห่มออกแล้วลุกเดินไปที่ห้องพระ

ร่างบอบบางก้มลงกราบพระพุทธรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหมู่บูชา หญิงสาวพนมมือตั้งจิตอธิษฐานถึงเจ้ากรรมนายเวรและบุคคลที่ร่วมชีวิตกับเธอตั้งแต่ชาติภพที่แล้ว ขอให้บุญกุศลที่เธอทำดลให้ทุกๆ คนได้รับผลบุญที่เกิดขึ้นด้วยเถอะ

แสงสีทองของพระอาทิตย์จับที่ริมขอบฟ้าด้านทิศตะวันออก นางรัมภาตื่นแต่เช้าทำอาหารใส่บาตรเหมือนทุกวัน สายตาของผู้เป็นแม่มองร่างบอบบางของบุตรสาวที่เดินออกจากห้องพระและขอบตาหมองคล้ำเหมือนคนไม่ได้นอนมาทั้งคืนอย่างแปลกใจ

“เอื้องเป็นอะไรหรือเปล่าลูก” คุณรัมภาเอ่ยถามอย่างห่วงใย ครั้นเดินเข้ามาใกล้ก็อังมือบนหน้าผากมน

วงแขนของเอื้องเทียนโอบกอดมารดาอย่างออดอ้อน

“เอื้องไม่เป็นไรค่ะแม่ แค่ฝันแปลกๆ เอง” เสียงหวานตอบมารดา

คุณรัมภาดันร่างบอบบางออกห่าง สายตาของผู้เป็นแม่มองใบหน้านวลอย่างห่วงใย

“ฝันเหรอจ๊ะ” นางเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

“ค่ะ ผู้หญิงชุดไทยที่เอื้องเห็นตอนใส่บาตรน่ะค่ะ เมื่อคืนท่านมาหาบอกว่าเอื้องเป็นน้องสาวท่าน” หญิงสาวกอดมารดา เดินมานั่งที่ม้านั่งไม้หน้าระเบียงบ้าน

“ท่านว่ายังไงอีกจ๊ะ”

“ท่านบอกชื่อแล้วก็บอกว่าอย่าทิ้งหลาน ใครกันเหรอแม่ พี่ว่านแต่งงานมีลูกเมื่อไหร่กัน”

คุณรัมภายิ้มและกุมมือลูกสาวไว้

“แล้วท่านชื่ออะไรจ๊ะ” นางยิ้มให้บุตรสาวอย่างอบอุ่น

“อรอุมาค่ะ” สิ้นเสียงหญิงสาว ใบหน้าคุณรัมภาซีดเผือดลงทันที เอื้องเทียนมองสบตามารดา เธอสังเกตเห็นดวงตาของผู้เป็นแม่มีน้ำใสๆ คลออยู่

“แม่รู้จักชื่อนี้เหรอคะ”

“ปะ เปล่า” นางปฏิเสธเสียงเครือ

“หน้าแม่ซีดเชียวค่ะ” เธอบอกพลางมองมารดาอย่างห่วงใย

“แม่ว่าเอื้องรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะจ้ะเดี๋ยวจะสาย”

เอื้องเทียนพยักหน้าน้อยๆ มองใบหน้าซีดเผือดของมารดา ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอน

หลังจากใส่บาตรกับมารดาเสร็จ เอื้องเทียนก็เดินมาที่รถเพื่อเช็กอุปกรณ์ในการทำงาน คุณรัมภาเดินเข้ามาอวยพรให้บุตรสาว เอื้องเทียนก้มกราบลงไปที่อก คุณรัมภากอดร่างบอบบางของบุตรสาวอย่างแสนรัก

“ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองลูกของแม่นะจ๊ะ” นางหอมแก้มบุตรสาวเบาๆ แล้วดึงเข้ามากอดอีกครั้ง

“แม่ดูแลตัวเองด้วยนะคะ แล้ววันหยุดเอื้องจะรีบกลับมากินข้าวฝีมือแม่” เอื้องเทียนหอมแก้มอูมของมารดาฟอดใหญ่อย่างเอาใจ

****

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel