บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ท่านรอข้าก่อนเถอะ! (1/2)

ยามนี้ฝนซาลงแล้ว ทว่าจ้าวหลิงหลิงยังคงหลับใหลไร้สติ ริมฝีปากซีดขาวพร่ำรำพันด้วยเสียงแผ่วโผย ร่างระหงนอนเหยียดกายอยู่บนผ้าปูผืนบางท่ามกลางผืนป่าอันเงียบสงัด

"ท่านแม่ ท่านพ่อ พี่ใหญ่ หลิงหวิน...จะไปไหนกัน รอข้าด้วย รอหลิงหลิงด้วย" จ้าวหลิงหลิงควานมือท่ามกลางอากาศสะเปะสะปะ เริ่นเหมยนั่งเฝ้าคุณหนูสามอยู่ไม่ห่าง ผู้เป็นแม่นมเลี้ยงดูอีกฝ่ายมาแต่อ้อนแต่ออกเห็นนางทุกข์ระทมเพียงนี้ก็พลันน้ำตาคลอหน่วย กระทั่งหลั่งรินอาบแก้มอีกหน นางจับมือน้อย ๆ อันเย็นเยียบขึ้นแนบแก้มของตน 

"คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ ทุกคนไม่อยู่แล้ว แต่คุณหนูยังมีข้านะเจ้าคะ คุณหนู ฮื่อ..."

ซางจี้หยวนนั่งอยู่อีกด้านของกองไฟมองภาพสองนายบ่าวด้วยความรู้สึกอันยากอธิบาย เขาเองก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน ชายหนุ่มลุกยืนเต็มความสูง จากนั้นเยื้องย่างเข้าใกล้ร่างของสตรีที่ยังนอนละเมอพร่ำเพ้อไม่ขาดปาก

"แม่นมเริ่น ท่านไปพักบ้างเถิด เดี๋ยวข้าดูแลนางต่อให้เอง"

เริ่นเหมยเหลียวมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าแดงก่ำ "ตะ...แต่..."

"ท่านไปเถิด ไม่ต้องเป็นกังวล เฉินหลินเป็นสหายข้า หลิงหลิงและหลิงหวินก็เปรียบดั่งน้องสาวของข้าเช่นเดียวกัน" เอ่ยถึงสองพี่น้องที่เพิ่งจากไปไม่มีวันหวนกลับ ความอดทนของบุรุษอกสามศอกเช่นเขาก็มิอาจต้านทานอาการย่ำแย่ในจิตใจไว้ได้เช่นกัน นัยน์ตาคมเข้มร้อนผ่าว เขาเร่งสลัดหยาดน้ำที่กำลังตั้งท่าหลั่งรินทิ้งไป หากเขาเอาแต่ร้องไห้โวยวายอีกคนต่อไปใครจะดูแลปกป้องพวกนาง

เริ่นเหมยหยัดกายอันไร้เรี่ยวแรงยืนขึ้น ดูเหมือนนางลำบากอยู่ไม่น้อย ซางจี้หยวนจึงช่วยประคองผู้อาวุโสเพียงหนึ่งเดียวไปส่งอีกฝั่ง จากนั้นยื่นปลาย่างให้แก่นาง เริ่นเหมยมองอาหารในมือของเขาแล้วจึงส่ายศีรษะ นางไม่อาจฝืนกินได้เลยจริง ๆ

"แม่นม ท่านต้องทานเสียหน่อย หากเป็นอันใดขึ้นมาอีกคน แล้วหลิงหลิงจะอยู่กับใคร"

หญิงวัยกลางคนสลดลง ชั่งใจชั่วประเดี๋ยว นางจึงเอื้อมรับปลาย่างกลิ่นหอมกรุ่นซึ่งใช้ใบบัวแทนภาชนะด้วยฝ่ามือสั่นเทา เริ่นเหมยพยายามข่มกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกมา พลางก้มหน้าก้มตาละเลียดชิมเนื้อปลาสีขาวนวลทั้งน้ำตา รสชาติของอาหารดูเหมือนขมปร่าไปทั่วโพรงปาก 

ซางจี้หยวนผ่อนหายใจแผ่ว "แม่นม พวกท่านจะไปที่ไหนกันหรือ"

เริ่นเหมยแหงนหน้าขึ้น เอ่ยตอบเสียงแหบแห้ง "พวกเรากำลังจะไปสำนักซูเซียวเจ้าค่ะ ฮูหยินตั้งใจส่งคุณหนูสามไปที่นั่น คาดไม่ถึง นางเกิดลืมของขึ้นมา หลังจากหวนกลับไปทุกอย่างก็..."

เสียงสะอื้นเริ่มดังขึ้นอีกหน ซางจี้หยวนไม่อยากรบเร้าต่อ "ข้าเข้าใจแล้ว ท่านพักผ่อนเถิด"

เริ่นเหมยยกมือขึ้นปาดน้ำตา จากนั้นพยายามกลืนเนื้อปลาสีขาวเนียนด้วยความลำบากยากยิ่ง

ฮูหยิน ข้าจะปกป้องคุณหนูได้จริงหรือ ไยทุกอย่างจึงรวดเร็วเพียงนี้...

.

.

ยามนี้ซางจี้หยวนพาทั้งสองมาพักยังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง เพราะร่างกายที่อ่อนแอของจ้าวหลิงหลิงทำให้ไม่อาจเร่งเดินทางไปยังสำนักซูเซียวได้ทันที สองสามวันแล้วที่จ้าวหลิงหลิงไม่กินไม่ดื่มเสียจนร่างกายซูบผอม ไม่ว่าเริ่นเหมยและซางจี้หยวนพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างไรนางก็เอาแต่เพรียกหาคนในครอบครัวด้วยคำเดิมซ้ำ ๆ ใบหน้าที่เคยงดงามตอบลึกเสียจนกระดูกผุดโผล่

"หลิงหลิง หากเจ้าไม่ทานอะไรเลยจะหายป่วยได้อย่างไร" ซางจี้หยวนยื่นช้อนที่มีโจ๊กเกินครึ่งส่งเข้าใกล้ริมฝีปากเล็กซึ่งแห้งผากเสียจนแตกยับเยิน

เสียงที่เคยสดใสแหบโหยดั่งใกล้สิ้นลม "ข้าไม่กิน ตายไปได้ยิ่งดี ทำไมทุกคนทำกับข้าเช่นนี้ ให้ข้าตายไปด้วยยังดีเสียกว่า ข้าเจ็บ ข้าทรมานเหลือเกิน..."

น้ำสีใสอาบย้อมลงตรงหางตา ดวงตาที่เคยเปล่งประกายหมองเศร้าอับแสง ไหล่บางสะท้านน้อย ๆ เพราะนางร้องไห้หลายวันติด น้ำตาที่มีเริ่มเหือดแห้งดุจบ่อน้ำร้าง ซางจี้หยวนเข้าใจความเจ็บนี้ดี นางเจ็บเขาเองก็เจ็บด้วย ใช่ว่าจ้าวหลิงหลิงเป็นเพียงน้องของสหายสนิทที่ตนต้องดูแล ทว่านางกลับเป็นหญิงสาวที่ขโมยดวงใจเขาไปตั้งแต่ตนยังเยาว์ กระนั้นอีกฝ่ายกลับไม่เคยรับรู้ถึงความในใจของเขาสักนิดจวบจนทุกวันนี้

"หลิงหลิง เจ้าลองคิดให้ดี เจ้าจะยอมให้ผู้คนตราหน้าตระกูลจ้าวว่าเป็นกบฏ เช่นนี้หรือ หากเจ้ามั่นใจว่าท่านพ่อของเจ้ามิได้ทำผิด เช่นนั้นจะไม่คิดลุกขึ้นมาทวงความยุติธรรมหน่อยหรือ หรือเจ้าอยากให้โอกาสที่ตนมีชีวิตต้องสูญเปล่ากันเล่า"

จ้าวหลิงหลิงเหลือบตามองบุรุษเบื้องหน้า "ท่านจะไปเข้าใจอะไร ท่านไม่ได้สูญเสียเช่นข้า ท่านก็พูดได้"

"ผู้ใดบอกว่าข้าไม่สูญเสีย พี่ชายของเจ้าคือสหายที่แสนดีเพียงหนึ่งเดียวของข้า เจ้าและหลิงหวินก็เปรียบดั่งน้องสาวของข้า ท่านพ่อและท่านแม่ของเจ้าล้วนเคยยื่นมือช่วยเหลือสกุลซาง เจ้าเจ็บข้าเองก็เจ็บไม่ต่างกัน"

จ้าวหลิงหลิงยิ้มบาง "ท่านพี่จี้หยวน ขอบคุณท่านมาก แต่ท่านไม่ต้องลำบากแล้วล่ะ ข้าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกแล้ว ไม่นานข้าจะตามทุกคนไป"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel