ลมหายใจสุดท้าย Chapter 1
อังกฤษ ก่อนวันแต่งงานเฌอพลอยหนึ่งเดือน
ภุชงค์กระชับเสื้อโค้ทตัวโตก่อนจะเดินออกจากสนามบินนานาชาติอังกฤษ ท่ามกลางหิมะที่ปกคลุมถนนจนขาวโพลนตัดกับแสงแดดจ้าจนเห็นหิมะเป็นเกร็ดระยิบ เขาหยิบแว่นตากันแดดออกมาสวมก่อนจะก้าวขึ้นรถเพื่อไปยังสถานที่หนึ่งซึ่งเขาสืบรู้มาว่าคน ๆ หนึ่งมีข้อมูลบางอย่างในคดีของพ่อกับแม่ของเขาเมื่อสองปีก่อน ทันทีที่รู้ว่าคน ๆ นั้นอยู่ที่เมืองนี้ของอังกฤษเขาจึงรีบบินตามมาหาทันที
ภุชงค์ให้คนขับจอดรถไม่ไกลจากอพาร์ตเมนต์เป้าหมายเขานั่งรอในรถจนเวลาใกล้ค่ำแต่คนที่เขาต้องการพบก็ยังไม่ออกมาสักที
" แน่ใจใช่ไหมว่าเขาอยู่ที่อพาร์ตเมนต์นี้ " ภุชงค์ถามบอดีการ์ด
" เมื่อวานเพื่อนผมมาดูแล้วรอบหนึ่งยืนยันว่าเขาอยู่ที่นี่แน่นอนครับ "
ภุชงค์พยักหน้าเขานั่งรอบนรถสักครู่ใหญ่จนกระทั่งผู้ชายคนหนึ่งเดิน
ลงมาความใจร้อนของภุชงค์ทำเขารีบที่จะตามชายคนนั้นไป
" นายรอฉันในรถไม่ต้องตามไปเผื่อเป็นแผนล่อให้เราตามไป คนร้ายตัวจริงอาจใช้จังหวะนี้แอบพาพยานตัวจริงหนีไปเดี๋ยวฉันตามไปคนเดียวพอ "
ภุชงค์สั่งบอดีการ์ดก่อนจะรีบเดินตามชายคนดังกล่าวไปติด ๆ จนเขาเข้ามาในตรอกแคบไม่ทันระวังตัว ก็มีชายอีกคนที่ดักรออยู่ก่อนหน้า เขาถือไม้เบสบอลอันใหญ่ฝาดไปที่ท้ายทอยจนภุชงค์ล้มลงอย่างไม่ทันตั้งตัว
" พวกแกเป็นใคร " ภุชงค์ถามมองชายที่ทำร้ายตัวเองเขาพยายามยันตัวขึ้นแต่กลับถูกชายอีกคนผลักจนล้ม
" พวกฉันเป็นใครไม่สำคัญแต่นายฉันฝากมาบอกว่าครั้งนี้จะเป็นการเตือนครั้งสุดท้ายครั้งหน้าแกเตรียมตัวไปเฝ้ายมบาลได้เลย" พูดจบคนร้ายก็ฟาดไม้เบสบอลไปที่ศีรษะจนภุชงค์อีกครั้งจนเขาหมดสติไปทันที
เฌอเอมเดินกลับจากซุปเปอร์เธอเลือกเดินเลาะมาตามตรอกเพราะเป็นทางลัดไปที่อพาร์ตเมนต์ได้ แต่เมื่อเธอเดินมาถึงกลางตรอกก็เห็นชายเอเชียคนหนึ่งนอนหมดสติอยู่ในกองลังกระดาษ
เฌอเอมรีบเข้าไปดูอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ " เฮ ยู โอเคไหม "
" ช่วยด้วย " ภุชงค์ขอความช่วยเหลือเสียงแผ่ว
เฌอเอมได้ยินเขาพูดภาษาไทยจึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ " คุณเป็นคนไทยเหรอ "
ภุชงค์ขยับตัวโดยมีเฌอเอมช่วยประคอง " ผมเป็นคนไทย" ภุชงค์ตอบเสียงแผ่วรู้สึกเจ็บแผล
เฌอเอมพยายามมองใบหน้าชายหนุ่มตรงหน้า แต่รอยช้ำตามใบหน้าและเลือดที่เปรอะไปทั้งหน้าทำให้เธอมองหน้าเขาไม่ชัด
" ให้ฉันพาไปส่ง รพ.ไหม เลือดคุณออกเยอะเลย " เฌอเอมถามพลางใช้ผ้าพันคอของเธอกดห้ามเลือดให้เขา
ภุชงค์โบกมือปฏิเสธ " ไม่เป็นไร ผมขอยืมโทรศัพท์คุณก็พอ โทรศัพท์ผมถูกพวกมันเอาไป ผมจะโทรตามคนของผมมารับ "
เฌอเอมรีบเอาโทรศัพท์ออกมาส่งให้ภุชงค์ " นี่ค่ะ "
ภุชงค์รับโทรศัพท์มากดเบอร์ บอดีการ์ด ไม่นานบอดีการ์ดสองคนก็รีบวิ่งมาที่ตรอก
" นายครับเกิดอะไรขึ้น " บอดีการ์ดสองคนช่วยกันพยุงตัวภุชงค์ขึ้น
" พวกเราถูกหลอก ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนที่เราตามหา " ภุชงค์บอกน้ำเสียงเจ็บใจ
บอดีการ์ดสองคนหน้าเครียดที่ทำงานพลาดจนเจ้านายบาดเจ็บ
" ผมพานายไป รพ.ก่อนดีกว่า "
" ไม่เป็นไร พาฉันไปโรงแรมเลย " ภุชงค์สั่ง
เฌอเอมไม่เห็นด้วยเพราะเขาดูบาดเจ็บใช่น้อย " คุณไป รพ.ดีกว่าไหมเลือดคุณออกเยอะมากเลยนะ "
ภุชงค์ส่ายหน้า " ไม่ล่ะ พรุ่งนี้เช้าผมต้องบินกลับเมืองไทยแล้วขอบคุณ คุณมากนะที่ช่วย "
เฌอเอมถอนหายใจเธอเองก็ไม่อยากยุ่งกับเขามากจึงได้แต่ส่งผ้าพันคอให้เขา
" ตามใจคุณแล้วกัน ส่วนผ้าพันคอนี้นี่ไว้ห้ามเลือดก่อน ฉันไปล่ะ"
" เดี๋ยว คุณชื่ออะไร " ภุชงค์ถามเมื่อหญิงสาวที่ช่วยเหลือกำลังหันหลังกลับ
เฌอเอมส่งยิ้มให้ " ไม่จำเป็นหรอกค่ะ เราคนไทยเหมือนกัน กลับไปคุณอย่าลืมกินยาแก้ปวดล่ะ
โชคดีนะคะ " พูดจบเฌอเอมก็เดินจากไป
หลังจากหญิงสาวที่ช่วยเดินหายไปบอดีการ์ดก็รีบพาภุชงค์กลับโรงแรมทันที
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
“เฮ้อในที่สุดก็เรียนจบเสียที” เสียงเฌอเอมหญิงสาวร่างสูงโปร่งผิวขาว หน้าตาออกแนวลูกครึ่งที่มีใบหน้าน่ารักสวยหวานราวกับตุ๊กตา บ่นออกมาอย่างโล่งใจหลังจากที่ทราบผลการสอบวิชาสุดท้าย ในที่สุดเธอก็จะได้เวลากลับเมืองไทยเสียที หลังจากที่เธอข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนต่อปริญญาโทด้านคอมพิวเตอร์ที่อังกฤษถึงสองปีกว่า
“ก๊อก ๆ ๆ ” เสียงเคาะประตูห้องพักของเธอดังขึ้นทำให้หญิงสาวต้องรีบดีดตัวลุกจากโซฟาตัวโต เธอมองบุคคลที่มาเยือนผ่านช่องตาแมวก็เห็นแมรี่แม่บ้านวัยกลางคนกำลังโบกไม้โบกมือให้อย่างร่าเริง
“มีอะไรคะป้าแมรี่” เฌอเอมเอ่ยทักทายตอบท่าทางสนิทสนมกับแม่บ้านร่างท้วมที่ส่งยิ้มใจดีมาให้เธอ
“มีพัสดุจากเมืองไทย ส่งมาถึงเธอตั้งแต่เมื่อวานแนะเอมมิรี่ แต่หนูไม่อยู่ป้าเลยเพิ่งเอามาให้” แม่บ้านร่างท้วมยื่นกล่องพัสดุขนาดกลางส่งให้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ขอบคุณป้ามากนะคะ เอาไว้เย็นนี้เอมจะทำต้มยำกุ้งของชอบป้าไปฝากที่ห้องนะคะ” เฌอเอมบอกอย่างรู้ใจ เพราะแมรี่ชื่นชอบอาหารไทยฝีมือเธอเป็นที่สุด
“โอ้วิเศษมากเลยเอมมิรี่ ฉันจะรอมื้อค่ำที่แสนอร่อยจากเธอนะสาวน้อย”แม่บ้านร่างท้วมเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ก่อนจะเดินยิ้มอารมณ์ดีกลับไป
“เอ๋ พลอยส่งอะไรมาให้อีกล่ะคราวนี้บอกว่าไม่ต้อง ๆ ยังจะส่งมาอีก”เฌอเอมบ่นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มแกะกล่องในมือวุ่นวาย
“ไดอารี่เหรอ แล้วนี่การ์ดอะไรเนี้ย” เฌอเอมรีบจัดการเปิดอ่านการ์ดในมือซึ่งก็ไม่แปลกใจอะไรเพราะก่อนหน้านี้พี่สาวเธอได้เคยเกริ่น ๆ มาแล้วว่าจะแต่งงาน แต่ไดอารี่นี่สิส่งมาให้เธอทำไม เฌอเอมมองไดอารี่อย่างสงสัยก่อนจะเหลือบไปเห็นซองจดหมายที่ติดอยู่ก้นกล่อง
“เอมไม่ต้องสงสัยกับสิ่งที่พลอยทำลงไปนะ การ์ดที่ส่งไปให้เป็นการ์ดแต่งงานของพลอยกับคุณรบเองพลอยหวังว่าเอมจะกลับมาทัน ส่วนไดอารี่เล่มนี้เป็นไดอารี่ส่วนตัวของพลอยเอง พลอยอยากให้เอมเก็บไว้ก่อน พอเอมถึงเมืองไทยจะมีคนนำกุญแจไปให้ที่คอนโด หากเอมติดต่อพลอยไม่ได้ให้เอมเปิดอ่านได้ทันที”
“พลอยจะเป็นอะไรหรือเปล่านะหรือว่าเล่นอะไรแผลง ๆ อีกล่ะคราวนี้เข้าใจยากจริง ๆ พี่สาวฉัน” เฌอเอมครุ่นคิดก่อนจะรีบปัดความกังวลออกไปเพราะถึงอย่างไรอีกไม่กี่อาทิตย์เธอก็จะกลับเมืองไทยแล้ว เอาไว้นัดเฌอพลอยออกมาซักถามอีกทีก็แล้วกัน
ในที่สุดเฌอเอมก็ได้เดินทางกลับเมืองไทยก่อนกำหนดการเธอกลับมาโดยไม่ได้บอกกล่าวใครเพราะหลังจากที่ได้รับพัสดุจากเฌอพลอยเธอก็ยุ่งเรื่องคืนห้องพักและการเก็บสัมภาระจนไม่มีเวลาติดต่อกัน เธอตัดสินใจใช้บริการรถของสนามบินตลอดเวลาที่นั่งรถมาเธอก็สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของสภาพบ้านเมืองที่แลดูเปลี่ยนไป จนเธอรู้สึกตื่นตาตื่นใจ นี่ถ้าเธอไม่ต้องรีบเข้าไปรายงานตัวกับบริษัทด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่ติดต่อเธอไปทำงาน ตำแหน่งโปรแกรมเมอร์เธอคงโทรไปรายงานเฌอพลอยแล้วแต่พอคิดอีกที เก็บเรื่องนี้ไปเซอร์ไพรส์ก็ดี อยากเห็นพี่สาวเหมือนกันว่าจะเหวอได้ขนาดไหน ตอนเจอเธอไปร่วมงานแต่งแบบไม่ทันตั้งตัว สงสัยป่านนี้คงกำลังหัวฟูเตรียมงานแต่งแน่ ๆ เฌอเอมเผลอหัวเราะออกมาเบา ๆ พลางจินตนาการถึงหญิงสาวร่างเล็กผิวขาวจัดใบหน้ารูปไข่แต่ดวงตาเล็กหยีแบบสาวหมวย แต่เธอกลับมีใบหน้าเอนไปทางลูกครึ่ง นี่ถ้าใครรู้ว่าเธอสองคนเป็นฝาแฝดกันคงไม่มีใครเชื่อแน่ ซึ่งก็อาจเป็นเพราะเธอกับเฌอพลอยเป็นแฝดไข่คนละใบนั่นเอง
“ป่านนี้ยายพลอยจอมเฮี้ยบคงกำลังหัวฟูเป็นสิงโตแน่ ๆ อีกไม่กี่วันก็ถึงวันงานแล้ว” เฌอเอมคิดขำ ๆ เมื่อนึกถึงนิสัยที่ค่อนข้างเจ้าระเบียบของพี่สาว “แต่จะว่าไปเราก็ไม่ได้ติดต่อพลอยมานานเท่าไหร่แล้วนะ” เฌอเอมครุ่นคิดพอดีกับที่รถแท็กซี่ขับมาถึงคอนโดเธอพอดี เฌอเอมก้าวลงจากรถพร้อมกับลากกระเป๋าใบโตเงยหน้ามองคอนโดหรูด้วยความภาคภูมิใจ คอนโดแห่งนี้เฌอพลอยเป็นคนจัดการให้เธอโดยทั้งสองคนหุ้นกันคนละครึ่งเพื่อจะได้มีบ้านเป็นของตนเองจริง ๆ เสียที
“ว้าวห้องทั้งใหญ่ทั้งสวยแถมวิวดีสุด ๆ ” เฌอเอมเดินสำรวจห้องใหม่อย่างร่าเริงรู้สึกดีใจที่น้ำพักน้ำแรงที่เธอรับจ๊อบพิเศษระหว่างอยู่ที่อังกฤษทำให้ความฝันเป็นจริง
“ไม่ผิดหวังจริง ๆ ที่ให้ยายพลอยเป็นคนจัดการ” เฌอเอมหยิบรูปคู่เธอกับพี่สาวถ่ายด้วยกันเมื่อครั้งที่เฌอพลอยบินไปเยี่ยมเธอที่อังกฤษมาดูพลางนึกถึงอดีตในวัยเด็กที่ต้องถูกจับแยกกับพี่สาวตอนเก้าขวบ ตั้งแต่นั้นมาเธอสองคนพี่น้องก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกจนกระทั่งเมื่อห้าปีก่อน เธอและพี่สาวได้มีโอกาสมาพบกันด้วยความบังเอิญในมหาวิทยาลัยตอนที่รุ่นพี่รับน้องรวมทุกคณะ เฌอพลอยสาวหมวยที่เธอจำได้ไม่เคยลืมกำลังโดนรุ่นพี่ทำโทษที่มาสายให้เต้นท่าประหลาดจนเอาแต่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
จนเธอต้องอาสารับโทษแทนพี่สาว เฌอเอมนอนคิดถึงอดีตก่อนจะหลับไปเพราะความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
วันต่อมา
“อ้าวเอมมาถึงนานแล้วเหรอ” วิทยาหนุ่มใหญ่ท่าทางภูมิฐานเจ้านายเฌอเอมกล่าวทักทายลูกน้องสาวคนสวยที่เข้ามารายงานตัวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เอมเพิ่งมาถึงเมื่อกี้เองค่ะพี่วิทย์ พอมาถึงเอมก็รีบมารอพี่ที่ห้องเลยนะ”เฌอเอมตอบเจ้านายหนุ่มด้วยความสนิทสนม เธอคุ้นเคยกับชายตรงหน้าดีเพราะเคยทำงานเป็นฟรีแลนด์ให้เขาตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรี
“ดีมากไอ้น้องพอดีพี่มีงานใหญ่ อยากจะลองภูมิเด็กนอกซักหน่อย”วิทยาบอกทีเล่นทีจริงพร้อมกับส่งแฟ้มในมือให้เธอ
“งานเหรอคะ พี่วิทย์พูดเล่นพูดจริงคะเนี่ย” เฌอเอมมองหน้าเจ้านายด้วยความสงสัยแต่มือก็รับแฟ้มมาเปิดดู
วิทยามองเฌอเอมที่กำลังอ่านเอกสารตรงหน้าท่าทางตั้งใจก็รู้สึกชื่นชม
“ไม่ต้องรีบหรอกเอมเอาไว้วันพรุ่งนี้ก็ได้ คุณภุชงค์จะเข้ามาดูความคืบหน้า คืนนี้เอมก็ลองเอางานไปดู
คราว ๆ ก่อนก็ได้เพราะงานชิ้นนี้เปลี่ยนคนแก้จนครบทั้งออฟฟิตแล้ว ยังไม่ผ่านเสียที พี่รู้ว่าเอมถนัดงานนี้
พี่เลยอยากให้เราลองดูเผื่อฟลุค ที่สำคัญคุณภุชงค์เขาเป็นเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับของเล่นตอนนี้กำลังหันมาจับธุรกิจด้านเกมคอมพิวเตอร์เลยมาใช้บริการบริษัทของเราเรื่องโปรแกรม เขาเป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทเลยนะ” วิทยาอธิบายยืดยาวไขข้อข้องใจของเฌอเอมจนกระจ่าง
เฌอเอมมองหน้าวิทยา “แหมแสดงว่าลูกค้ารายนี้ VIP ใช่ไหมคะเอมจะได้ดูแลเป็นพิเศษ”
วิทยาพยักหน้า “คุณภูมิเอ่อพี่หมายถึงคุณภุชงค์นั่นแหละปกติเขาก็ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่หรอก ออกจะเงียบ ๆ ขรึม ๆ เสียด้วยซ้ำแต่ถ้าเรื่องงาน เขาค่อนข้างเรื่องมากเอาการ แต่รวม ๆ แล้วเขาก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลยนะเอมไม่ต้องกังวลใจไปหรอก”
“ค่ะเอาไว้เอมจะลองเอารายละเอียดของงานไปศึกษาแล้วก็ลองเขียนโปรแกรมคราว ๆ ก่อนแล้วกันพรุ่งนี้จะได้ให้คุณภุชงค์ดูอีกทีว่าจะเพิ่มเติมตรงไหนอีกบ้าง” เฌอเอมบอกถึงแผนการของเธออย่างกระตือรือร้น
“พี่คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ชวนเอมมาทำงานกับเรา เอาไว้งานนี้สำเร็จเมื่อไหร่พี่จะให้เราผ่านโปรโดยไม่ต้องรอให้ครบสามเดือน”วิทยาเสนออย่างใจป้ำ ทำให้เฌอเอมถึงกับตาวาวเกาะแขนวิทยาสีหน้าดีใจ
“จริง ๆ นะคะพี่วิทย์ เอมถือว่านี่คือสัญญาพูดแล้วห้ามคืนคำ ”
“แน่นอนพี่ไม่เคยผิดคำพูดกับใคร ยิ่งกับเอมพี่ไม่กล้าหรอกกลัวแก้วหูแตกตายเพราะเสียงร้องใครบางคน” สายตาที่วิทยามองเธอด้วยประกายล้อเลียน ทำให้เธอต้องเบะหน้าอย่างแสนงอน
“ชิ งั้นเอมจะทำงานนี้ให้สำเร็จจะได้ผ่านโปรไว ๆ ”เฌอเอมกล่าวด้วยน้ำเสียงกึ่งประชดก่อนจะออกจากห้องนายใหญ่ไป ตั้งหน้าตั้งตาทำงานชิ้นแรกที่ได้รับมอบหมายจนลืมเรื่องเฌอพลอยไปสนิทใจ กระทั่งวันรุ่งขึ้นที่ต้องนำเสนองานให้ลูกค้า
