ตอนที่ 7 : ซ่อมแซมเรือน 1/1
ตอนที่
[5]
ซ่อมแซมเรือน
เสี่ยวหวาใช้เวลาปรับตัวอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะกล้ามองหน้าและพูดคุยกับจิ้นอันได้
ผีมีจริง!
แต่โชคดีที่เป็นผีดีและพบว่าแท้จริงแล้วเด็กน้อยไม่ได้น่ากลัวเฉกเช่นตอนแรก คิดได้ดังนั้นสาวรับใช้ตัวน้อยก็เริ่มปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังรู้สึกสงสารเด็กน้อยที่อยู่ที่นี่คนเดียวมาเนิ่นนาน ทั้งช่ายจือซิ่วและเสี่ยวหวาต่างมองว่าจิ้นอันคือเด็กน้อยที่น่าสงสาร หากแต่คิดดูให้ดีหากเขามีชีวิตเป็นปกติ ยามนี้เขาก็มีอายุมากกว่าพวกนางทั้งสองคนเสียอีก
“คุณหนูเดี๋ยวบ่าวจะไปเอาอาหารมาให้นะเจ้าคะ คุณหนูอยู่ที่นี่กับอันเออร์ได้หรือไม่เจ้าคะ” เสี่ยวหวารู้สึกไม่ดีหากจะต้องทิ้งผู้เป็นนายเอาไว้ในเรือนที่รกร้างเช่นนี้ แม้จะมีจิ้นอันอยู่ด้วยก็ตามทีเถิด
“ได้ เสี่ยวหวาเจ้าก็ดูแลตัวเองด้วย” ด้วยพวกนางเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้แค่วันเดียวเท่านั้นดูจากยามที่บ่าวรับใช้ของเรือนใหญ่นำอาหารมาให้ก็คล้ายไม่เต็มใจมากนัก ยามนี้พวกนางมาอยู่ที่เรือนชิงจิงแล้วไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นเช่นไร ที่แน่ ๆ คงไม่มีใครนำอาหารมาให้แล้วกระมัง เสี่ยวหวาจึงต้องเป็นผู้ไปเอามาด้วยตนเอง และไม่รู้ว่าจะโดนคนของจวนตระกูลหยวนกลั่นแกล้งอันใดหรือไม่
หลังจากที่เสี่ยวหวารับคำจากผู้เป็นนายแล้วก็รีบจากไปทันที เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะหิว แต่ทว่าไม่นานก็กลับมาพร้อมกับใบหน้าบึ้งตึง
“คุณหนูจวนตระกูลหยวนช่างรังแกคนนัก อาหารมีแค่ข้าวต้มกับผัดผักธรรมดาเลี่ยน ๆ เท่านั้น”
ช่ายจือซิ่วมองที่จานอาหารที่สาวรับใช้เอามาวางตรงหน้าก็ได้แต่ถอนหายใจ ในหัวเริ่มคิดถึงการดำเนินชีวิตของตนเองต่อไปทันที
แต่ยามนี้เมื่อเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องกินเท่าที่มี เมื่อท้องได้รับอาหารบ้างแล้ว สองนายบ่าวก็เริ่มจัดการสำรวจเรือนชิงจิงอย่างละเอียดโดยมีจิ้นอันคอยแนะนำในส่วนต่าง ๆ ในฐานะที่เป็นเจ้าบ้าน (?) ช่ายจือซิ่ววางแผนในหัวเสร็จสรรพว่าจะทำอันใดบ้าง สำหรับวันนี้อันดับแรกคงต้องทำความสะอาดในส่วนของที่หลับนอนก่อน จากนั้นค่อยแผ้วถางหญ้าที่รกร้างออกบริเวณหน้าเรือนให้ดูสะอาดตา ป้องกันสัตว์จำพวกงูและสัตว์มีพิษอื่น ๆ จะเข้ามาในบริเวณเรือน
ดีที่ยามที่เสี่ยวหวาไปนำอาหารมาได้แอบเอาพวกอุปกรณ์ต่าง ๆ มาด้วย
สองนายบ่าวช่วยกันจัดการจนเนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อโทรมกาย จวบจนกระทั่งยามโหย่ว (17.00 น. – 18.59 น.) จึงได้หยุดมือลงพร้อมกับสภาพของเรือนชิงจิงที่ยามนี้ไม่มีหญ้ารกสูงอีกต่อไป
แต่เมื่อสายตาทอดมองไปยังตัวเรือนก็พบว่ามันทรุดโทรมมาก พวกนางคงไม่สามารถซ่อมแซมได้เอง อย่างไรเรื่องนี้คงต้องให้ช่างเฉพาะทางมาจัดการให้ และเรื่องนี้นางจะลองพูดคุยกับแม่สามีดูก่อน หากว่าอีกฝ่ายไม่ตกลง นางจะได้จ้างช่างข้างนอกเข้ามา
คิดแล้ว คงต้องมีเรื่องถกเถียงกันอีกเป็นแน่ ลมหายใจหนัก ๆ ถูกพ่นออกมาอีกครั้ง
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
เช้าวันต่อมาสองนายบ่าวได้เร่งรุดไปที่เรือนใหญ่แต่เช้าด้วยเพราะอยากให้การซ่อมแซมเรือนแล้วเสร็จโดยเร็ว
“ว่าอย่างไรนะ จะปรับปรุงเรือนหรือ เพิ่งเข้ามาก็จะหาเรื่องสิ้นเปลืองเงินแล้วหรือ” น้ำเสียงของฮูหยินใหญ่ของจวนกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ
“หากเป็นเรือนหอที่ข้าอยู่ในตอนแรกก็คงไม่ต้องปรับปรุงอันใดเจ้าค่ะ แต่เรือนชิงจิงที่ฮูหยินให้ข้าไปอยู่นั้น ทรุดโทรมเพียงใด ท่านก็น่าจะรู้นะเจ้าคะ ทั้งเมื่อวานแม่บ้านใหญ่เดินไปส่งก็น่าจะเห็น” สายตาของช่ายจือซิ่วมองไปที่สาวใช้คนสนิทของแม่สามีทำราวกับขอความคิดเห็น แต่ทว่าอี่เจิ้งเหอกลับเชิดหน้าแล้วกล่าว
“ข้าเห็นว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายถึงเพียงนั้น”
“เช่นนั้นแม่บ้านใหญ่ไปอยู่หรือไม่”
“นี่เจ้า! อย่าได้หาเรื่องอาเหอ” ฟางฮุ่ยชุ่นรีบปกป้องคนของตน ในขณะที่อี่เจิ้งเหอกำหมัดด้วยความไม่พอใจสตรีอายุน้อยที่ยอกย้อนตน
