บทที่8.จบตอน
“คุณพ่อ คุณแม่คะ..”
“อ้าว อิ่มอุ่นเพิ่งเข้ามาหรือลูกทานอะไรมารึยัง มานั่งนี่มา” แม่เลี้ยงเกศราขยับให้สะใภ้คนสวยมานั่งข้างๆ
“วันนี้วันพระเหรอคะ อิ่มอุ่นลืมไปเลยนะเนี่ย” หญิงสาวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นแม่สามีนั่งร้อยพวงมาลับกับสาวใช้ที่กำลังพับกลีบดอกบัวอยู่
“จ้ะ มาไหว้พระด้วยกันไหมวันนี้”
“ค่ะ แต่อิ่มอุ่นขอกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ”
“แล้วทานอะไรมารึยังล่ะลูก” พ่อเลี้ยงอินคำถามสะใภ้อย่างอาทร
“เรียบร้อยมาจากบ้านฝนแล้วค่ะคุณพ่อ เอ่อ..” อัจฉรียาพรอ้ำอึ้งเมื่อคิดว่าจะถามเรื่องสิงหราชดีไหม
“อ้อ.. พี่สิงโตเขาฝากบอกอิ่มอุ่นว่าจะไปธุระด่วนที่ชุมพรสักสองสามวัน พี่เขาบอกว่าโทร. หาอิ่มอุ่นไม่ติด ติดต่อก็ไม่ได้ แบตฯ หมดหรือลูก” แม่เลี้ยงเกศราหันมามองสะใภ้คนสวย
“ค่ะ อิ่มอุ่นก็เลยแวะมาถามคุณพ่อคุณแม่ว่าพี่สิงโตไปไหน” หญิงสาวบอกเสียงอ่อย
“ไม่ได้ทะเลาะกันใช่ไหม”
“ไม่ค่ะ..” อัจฉรียาพรส่ายหน้าช้าๆ แต่ไม่ยอมสบตาผู้สูงวัย
“ค่อยๆ พูดจากันนะลูก มีอะไรไม่เข้าใจก็ให้ถามไถ่กัน หรือมีอะไรหนักหนาก็มาปรึกษาพ่อกับแม่ได้” แม่เลี้ยงเกศราลูบเรือนผมหยักสลวยเบาๆ อย่างเอ็นดู นางรักใคร่อัจฉรียาพรเหมือนลูกสาวมาแต่เล็กแต่น้อยและยังคงรักเอ็นดูมากขึ้นเมื่อได้คนที่พอใจมาเป็นศรีสะใภ้
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่คิดมากไปตามประสา” อัจฉรียาพรยิ้มบางๆ ให้ท่านทั้งสอง
“งั้นอิ่มอุ่นไปอาบน้ำก่อนนะคะแล้วจะมาสวดมนต์ด้วยและจะขอนอนที่นี่ด้วยเลย”
“จ้า..” แม่เลี้ยงเกศรายิ้มกว้างมองตามร่างระหงของสะใภ้ที่เดินลงเรือนไปแล้วถอนใจเบาๆ ก่อนจะหันมาสบตากับสามี
“ไม่มีอะไรหรอกน่าที่รัก อย่าตีตนไปก่อนไข้สิ” พ่อเลี้ยงอินคำปลอบภรรยาเมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของแม่เลี้ยงเกศรา
“น้องก็หวังไว้อย่างนั้นค่ะ..”
ทางด้านสิงหราช ชัชพร้อมกับศศิและศรัญรัตน์ก็กำลังเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งของจังหวัดชุมพร ครูซ บารอซซี่ สหกิจรุ่งเรือง เจ้าของไร่กาแฟสายพันธุ์ดีที่ใหญ่ที่สุดของชุมพรและยังมีสวนผักปลอดสารพิษที่ส่งออกไปทั่วโลกอีกด้วย
“ยินดีต้อนรับครับ บ้านของผมคงไม่คับแคบเกินไปที่จะต้อนรับแขกคนสำคัญ” ครูซพูดยิ้มๆ ใบหน้าหล่อเหลาแบบคนยุโรปยิ้มบางๆ แต่แววตาสีเทาเข้มของเขาไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อย สิงหราชกับชัชหันมาสบตากันแล้วหันไปมองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าอย่างจริงจัง
“พวกเราอยากพบปานชนก” สิงหราชเอ่ยขึ้น ครูซไหวไหล่น้อยๆ แล้วผายมือไปที่ไร่กาแฟอันกว้างใหญ่ของตน
“เธอทำงานอยู่ หากจะพบเธอต้องรอให้เลิกงานก่อน..” ด้วยความที่เป็นผู้ชายเหมือนกันและพอจะรู้ความคิดของกันและกันอีกทั้งมารยาททำให้สิงหราชกับชัชจำต้องทำตาม กฎ ของครูซ
“ส่วนคุณผู้หญิงหากอยากชมไร่กาแฟหรือชมสวนก็เชิญนะครับผมจะให้คนของผมพาไป” ศศิหันไปมองชัชเพื่อขอความเห็น ชัชพยักหน้าให้เพื่อนสาวแล้วสองพี่น้องก็ขอตัวไปชมไร่กาแฟของครูซ หรืออีกนัยหนึ่งศศิคิดว่าจะไปตามหาปานชนกในไร่กาแฟเผื่อว่าจะเจอกันก่อน
ชายหนุ่มทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างหยั่งเชิงของกันและกัน บรรยากาศรอบกายเคร่งเครียดอึดอัดแต่สิงหราชกับชัชก็ไม่ได้หวาดหวั่นแม้จะอยู่พื้นที่ของครูซ...
เป็นเวลาหกโมงเย็นที่พวกเขาจะได้พบกับปานชนก สิงหราช ชัช ศศิและศรัญรัตน์มายืนรอปานชนกที่หน้าบ้านหลังงามซึ่งจะมีซุ้มประตูและรั้วแน่นหนากั้นระหว่างไร่กาแฟกับบริเวณบ้าน โดยจะมีเส้นทางเทคอนกรีตตัดผ่านบริเวณหน้าบ้านกับเส้นทางสัญจรของคนในไร่ พวกเขาเฝ้ามองดูคนงานที่ต่างทยอยกันลงมาจากเนินเขาตั้งแต่ห้าโมงเย็นก็ยังไม่เห็นว่าจะมีปานชนกออกมาจากไร่ จนหกโมงเย็นปานชนกจึงเดินลงมาจากไร่กาแฟพร้อมด้วยคนงานหญิงสามคนซึ่งพอเห็นพวกเขาปานชนกก็ยิ้มกว้างแล้ววิ่งมาหาด้วยความยินดี ร่างระหงที่ดูผอมบางลงมากสวมเสื้อผ้าหยาบกระด้างดูเก่าปอนวิ่งมาสิงหราชแล้วโผเข้ากอดเขาอย่างยินดีซึ่งสิงหราชก็โอกอดเธอไว้ด้วยความยินดีเช่นกัน...
“สิงโต..” ด้วยความดีใจปานชนกน้ำตาไหลพรากกอดเขาแน่นเลยทีเดียว
“ชัชก็มาเหรอ ศิ น้องรัน..” ปานชนกยิ้มทั้งน้ำตาแล้วผละจากสิงหราชมากอดชัชและศศิด้วยความดีใจ
“ฉันคิดถึงเธอนะนก.. พวกเรามาช่วยพานกกลับบ้าน..” ศศิบอกเบาๆ รอยยิ้มที่ระบายเต็มใบหน้าของปานชนกค่อยๆ จางหายไป ดวงตางดงามที่เคยเจิดจรัสหม่นลง
“นกคงกลับไปด้วยไม่ได้หรอก..” หญิงสาวบอกเสียงเศร้า
“ทำไมล่ะนก” ชัชถาม
“นก..” ปานชนกพูดไม่ออก ได้แต่มองหน้าทุกคนอย่างอึดอัดใจ
“เขาบังคับข่มเหงนกรึเปล่า” สิงหราชจับไหล่บอบบางของปานชนกให้หันมาสบตา หญิงสาวหลบตาแล้วส่ายหน้าช้าๆ
“นก โกหกไม่เก่งหรอก บอกมาเถอะพวกเราพร้อมจะช่วยนะ” ชัชถามอย่างห่วงใยจากใจจริง
“ไม่ เขาไม่ได้บังคับนกเลย แต่นกไปจากที่นี่ไม่ได้จริงๆ” เพื่อนๆ ต่างถอนใจแล้วมองปานชนกอย่างพิจารณาก็พบว่า ปานชนกสาวสังคมแสนสวยผู้เย่อหยิ่งมองทุกคนอย่างดูแคลนนั้นได้หายไปโดยสิ้นเชิง ตรงหน้าของพวกเขามีเพียงหญิงสาวธรรมดาๆ ในชุดเก่ามอซอผิวที่เคยขาวกระจ่างคล้ำลงกว่าเดิมมากอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ทำให้ปานชนกดูดีไปอีกแบบเพราะแม้จะผิวคล้ำลงแต่ก็ยังคงมีความสดใสเปล่งปลั่ง แม้จะผอมลงแต่ใบหน้าสวยยังคงความงดงามโดดเด่น ท่าทางของปานชนกดูอ่อนโยนไม่แข็งกระด้างเย่อหยิ่งเหมือนเมื่อก่อนที่สำคัญคนอย่างปานชนกสวมใส่เสื้อผ้าอย่างชาวบ้านได้ทำให้ทุกคนประหลาดใจนัก เพราะคนอย่างปานชนกไม่เคยชายตาแลเสื้อผ้าแบกับดิน เสื้อผ้าของเธอต้องมาจากร้านเสื้อชื่อดัง เป็นแบรนด์เนมหรือไม่ก็สั่งตัดเฉพาะตัวเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้ปานชนกสวมเสื้อผ้าราคาไม่กี่ร้อยบาทและเนื้อผ้าก็หยาบกระด้างเก่ามอซอ
“ทำไมละนก คุณครูซเขาเป็นคนลักพาตัวเธอมานะ” ศศิแย้งอย่างไม่เข้าใจ
“เขาไม่ได้ลักพาตัวนกมา แต่นกมากับเขาเอง.. ไว้นกจะเล่าให้ฟังนะ ว่าแต่พวกเธอจะพักที่นี่เหรอ คือ นก.. ไม่มีที่พักให้นะ นกอยู่ห้องแถวกับคนงานอื่นๆ น่ะ” ปานชนกดูกระดากเล็กน้อยเมื่อพูดถึงความเป็นอยู่ของตน
“ไม่เป็นไรหรอกนก พวกเราพักที่รีสอร์ตของคุณครูซ” ชัชบอก
“คืนนี้เราขอให้นกมาพักกับเรา..” สิงหราชบอกเรียบๆ ปานชนกหลบตาแล้วพยักหน้าช้าๆ
“งั้นเรากลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องก่อนนะ”
“ศิไปด้วยได้ไหม”
“ตามใจ แต่ห้องนกจะคับแคบหน่อยนะ” ศศิยิ้มให้ปานชนกอย่างจริงใจแล้วจับมือหยาบกร้านของปานชนกไว้
“ไม่เป็นไรนก เราเป็นเพื่อนกันนะ” ปานชนกน้ำตาคลอขึ้นมาอีกครั้ง
“ขอบใจนะศิ ขอบใจมากๆ” แล้วสองสาวก็เดินไปยังห้องพักของปานชนก สิงหรากับชัชมองตามสองสาวแล้วถอนใจ
“น้องรันว่า พี่นกต้องมีอะไรในใจที่บอกเราไม่ได้แน่ๆ เลยค่ะ”
“เด็กแก่แดด” ชัชอดว่าไม่ได้ ศรัญรัตน์หันมาค้อนหนึ่งที
“ก็มากับคนแก่ก็ต้องทำตัวแก่แดดเข้าไว้นี่คะ..” พูดจบก็สะบัดหน้าเดินตามพี่สาวไป สิงหราชหัวเราะเบาๆ ชัชจึงหันไปมองเพื่อนรักตาขุ่น
“หัวเราะทำไม ตลกเหรอ..”
“เปล่า ก็แค่ขำพวกอยากกินหญ้าอ่อน แต่กินไม่เป็น..” พูดจบสิงหราชก็เดินตามหลังศรัญรัตน์ไปอีกคน ชัชมองตามเพื่อนรักไปอย่างขุ่นใจ
ในขณะที่พวกเขาพูดคุยกันอยู่นั้นไม่ได้รอดพ้นสายตาของเจ้าของบ้านที่เฝ้าดูพวกเขาอยู่เงียบๆ และภาพที่ปานชนกวิ่งเข้าสู่อ้อมแขนของสิงหราชนั้นทำให้เจ้าของอาณาจักรแห่งนี้ถึงกับกัดกรามแน่นความร้อนรุ่มอัดแน่นในอกและคิดพาลคนที่หน้าระรื่นเมื่อเห็นชายอื่น...
“อย่าคิดว่าจะไปจากที่นี่ได้ง่ายๆ ปานชนก..” ครูซเอ่ยกับตัวเองเบาๆ แล้วออกไปต้อนรับแขกที่ไม่ค่อยอยากจะต้อนรับนัก แต่เพราะศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชายเขาจำต้องมีน้ำใจนักกีฬา...
สองวันผ่านไปแล้วแต่มันช่างเป็นสองวันที่เชื่องช้าเหลือเกินสำหรับอัจฉรียาพร เพราะกว่าแต่ละชั่วโมงจะผ่านไปหัวใจเธอช่างหนักอึ้งและสับสนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อีกทั้งเธอยังรู้สึกอ่อนเพลียเวียนศีรษะบ่อยๆ จนเธอเริมสงสัยอาการของตนเอง
“หวังว่ามันคงไม่ใช่อย่างที่เราคิดหรอกนะ” หญิงสาวเฝ้ามองอุปกรณ์เล็กๆ ตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อแทบสีค่อยๆ ปรากฏเด่นชัดขึ้น
“ท้อง..” อัจฉรียาพรอุทานตาโตจ้องมองแถบสีบนที่ทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยความรู้สึกชาวูบไปทั้งกายก่อนความอบอุ่นจำกำซาบซ่านไปทั้งใจ
“ลูกแม่...” หญิงสาวยกมือขึ้นวางบนหน้าท้องที่ยังคงแบนราบของตนด้วยความรู้สึกรักและหวงแหน เธอกำลังจะเป็นแม่คน เธอกำลังจะมีลูก หากสิงหราชกลับมาและรู้เขาจะดีใจเหมือนที่เธอรู้สึกไหมนะ
“พี่สิงโตจะต้องดีใจสิ เพราะนี่คือลูกของเรา..” อัจฉรียาพรยิ้มกับตัวเองและคิดว่าจะเซอร์ไพรส์สิงหราช ความหมางใจและความหวาดระแวงก่อนหน้านี้ไม่มีในใจเธอแล้วเมื่อปลายฝนเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง อัจฉรียาพรรู้สึกอิ่มเอมใจเมื่อสิ่งที่ตนระแวงนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่คิด สิงหราชรักเธอจริงๆ และเรือนหอหลังงามนี้เขาก็สร้างมันขึ้นเพื่อเธอ
ตลอดเวลาหลายปีที่เธอไปเรียนต่อสิงหราชจะคอยสอบถามและเก็บข้อมูลของเธอจากปลายฝน เขาค่อยๆ วางแผนการสร้างเรือนหอและรู้มาตลอดว่าเธอทำอะไรที่ไหนบ้างซึ่งการที่เธอเห็นเขาสนิทสนมกับปลายฝนก็เพราะสิงหราชให้ปลายฝนเป็นสื่อกลางในการบอกเล่าเรื่องของเธอให้เขาได้รับรู้ ซึ่งเมื่อก่อนเธอคิดว่าสิงหราชชอบปลายฝนแต่ที่แท้จริงแล้วเขาคอยเฝ้ามองเธออยู่เงียบๆ ต่างหาก
“พี่สิงโตรักอิ่มอุ่นมาตลอดนะ เรื่องราวของอิ่มอุ่นไม่เคยหลุดจากความสนใจของพี่สิงโต เขาคอยถามไถ่คอยเฝ้ามองอิ่มอุ่นเอยู่สมอ เรือนหอหลังนั้นพี่สิงโตก็ออกแบบเองเฝ้าดูและจัดการกำกับช่างเองทุกอย่างเพื่อทำให้มันออกมาตรงกับความฝันของอิ่มอุ่น พี่สิงโตจะคอยมาถามว่าอิ่มอุ่นชอบหรือไม่ชอบอะไร ไปไหนกับใครมาบ้างและตอนนี้อิ่มอุ่นทำอะไรอยู่ที่ไหนกับใคร ทุกๆ เรื่องของอิ่มอุ่นพี่สิงโตจะจดจำได้ตลอด แต่ทุกครั้งที่อิ่มอุ่นเจอพี่สิงโตก็คอยหาเรื่องพี่เขาก่อนเสมอ อย่าเถียงนะว่าไม่ใช่..” เสียงใสกังวานของปลายฝนยังดังก้องในหัว
“พี่สิงโตรักอิ่มอุ่นมาก แต่ก็อย่างว่าแหละ พี่สิงโตกับพี่ซันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ พูดคำว่ารักยากแต่อย่างน้อยพี่สิงโตก็ไม่เคยแสดงออกตรงกันข้ามกับความรู้สึกเหมือนพี่ซันนะ รายนั้นนะทำให้ฝนเจ็บช้ำน้ำใจมาก็มาก จนไม่อยากจะให้อภัย..”
แน่นอนว่าเรื่องราวความรักของปลายฝนกับอัครานั้นกว่าจะจบลงด้วยดีก็เกือบสายเพราะอัครานั้นเอาแต่ใจและปากแข็งซ้ำยังมีอคติกับปลายฝนมาตั้งแต่เด็กๆ จนเกือบจะต้องพรากจากกันไปตลอดชีวิต
“อิ่มอุ่นอยากให้ตัวเองต้องมาเจ็บช้ำเหมือนฝนเหรอ มันไม่สนุกเลยนะ อีกอย่างพี่สิงโตก็ไม่เคยทำให้อิ่มอุ่นเจ็บปวดเหมือนที่พี่ซันทำกับฝนนะ อิ่มอุ่นควรใช้เหตุผลกับพี่สิงโต อย่าใช้อารมณ์เหมือนเด็กๆ ไม่แน่ว่าตอนนี้อิ่มอุ่นก็อาจจะกำลังเป็นแม่คน ดังนั้นควรใช้สติและมีเหตุผลให้มากๆ อย่าคิดเองเออเองมีอะไรก็ให้ถาม พี่สิงโตแม้จะดูเป็นคนกวนๆ แต่ก็มีเหตุผล” ปลายฝนเตือนด้วยความที่เคยผ่านมรสุมชีวิตมาก่อน ซึ่งคำพูดของปลายฝนทำให้อัจฉรียาพรได้คิดและค่อยๆ มองสิงหราชอย่างพิจารณาก็พบว่ามันจริงอย่างที่ปลายฝนว่ามา แต่เธอไม่เคยมองมันอย่างจริงจังเอง...
ตั้งแต่เจอกันหน้าผับในคืนนั้นและสิงหราชเข้ามาในชีวิตเธออย่างจริงจังเธอก็พบว่าเขาเอาใจใส่เธอดีเสมอ รู้ว่าเธอชอบหรือไม่ชอบอะไร ซึ่งในตอนแรกเพราะอคติทำให้เธอมองข้ามความเอาใจใส่ของเขาไปนั่นเอง สิงหราชไม่เพียงแต่เอาใจใส่ตัวเธอเท่านั้นแต่กับทุกคนรอบกายจนกระทั่งพนักงานแม่บ้านในบริษัทของเธอสิงหราชก็ไม่เคยละเลย เขาช่วยเหลือถามไถ่ให้ความสำคัญกับสิ่งต่างๆ พิถีพิถันฉลาดเฉลียวเป็นที่ปรึกษาเรื่องงานให้เธอได้เป็นอย่างดีและเพราะเขาจึงทำให้บริษัทของเธอทำกำไรได้มาก และช่วยส่งเสริมสนับสนุนฉัตรกับวาริสจนทั้งคู่ประสบความสำเร็จสามารถพิสูจน์ให้คนในครอบครัวเห็นความสามารถของพวกเขาและได้เห็นความรักที่พวกเขามีให้กัน
สิงหราชไม่เคยรังเกียจเพื่อนของเธอ ไม่เคยขัดข้องหากเธอจะคิดจะทำโปรเจคใหม่ๆ แต่จะช่วยคิดและแนะนำเพื่อให้เธอไปสู่จุดมุ่งหมายได้เร็วขึ้นและง่ายขึ้น เขาเป็นสามีและเพื่อนคู่คิดที่ดีมาตลอด แต่เพราะเธอหวาดระแวงจึงทำให้มองไม่เห็นความจริงในข้อนั้นและหากไมได้ปลายฝนช่วยไขข้อข้องใจเธอก็คงมองข้ามความดีของสิงหราชไปและอาจจะพลาดโอกาสสิ่งดีๆ ไปหลายอย่างเลยทีเดียว และคำว่ารักของเขาที่พูดออกมานั้นมันไม่ได้เป็นแค่คำพูดพล่อยๆ อย่างที่เธอคิด...
“พี่สิงโตขา อิ่มอุ่นขอโทษนะคะที่มองพี่สิงโตไม่ดี ไว้กลับมาอิ่มอุ่นจะบอกรักพี่สิงโตให้มากๆ” หญิงสาวยิ้มกับตัวเองด้วยความสุข...
