บทที่7.จบตอน
หลายเดือนที่ผ่านมาที่เธอใช้ชีวิตร่วมกับสิงหราช มีหลายอย่างในชีวิตเธอเปลี่ยนไป ความเอาใจใส่ที่เขามีต่อเธอนั้นอัจฉรียาพรยอมรับว่ามันดีต่อใจ เขาสุภาพอ่อนโยนไม่มีพี่สิงโตจอมกวนที่เคยล้อเลียนเธอให้ได้ขุ่นเคือง สิงหราชเอาอกเอาใจเธอดีทุกอย่าง และเป็นสามีที่ดี เขาทำงานเก่งและเป็นคนฉลาดเฉลียวเป็นที่รักของทุกคน เขาเร่าร้อนสามารถพาเธอไปสู่ความสุขสมได้ในห้วงรักอันร้อนแรง เธอยอมรับว่ามีความสุขกับครอบครัวเล็กๆ ของตน...
แต่ตอนนี้เธอกลับไม่แน่ใจ.. ทำไมล่ะเธอถึงได้หวาดระแวงไปต่างๆ นานา ทำไมต้องสนใจด้วยว่าสิงหราชจะทำอะไรกับใครที่ไหนอย่างไร.. ทำไมต้องร้อนรุ่มในอกเมื่อเขาทำเหมือนสนใจผู้หญิงคนอื่น ทำไมต้องรู้สึกเจ็บแปลบเมื่อคิดว่าเขากำลังคิดถึงผู้หญิงคนอื่น..
ก็เพราะเธอรักเขาไงล่ะ ไม่จริงหรอกเธอจะรักเขาได้อย่างไร... ก็แล้วทำไมจะรักไม่ได้ล่ะ เสียงในหัวพูดคุยตอบโต้กันไปมาจนเธอสับสน
เธอรักสิงหราช.. ความจริงคือแอบรักเขามาตั้งนานแล้วต่างหากแม้จะคอยบอกตัวเองว่า จะไม่หลงเสน่ห์เขา จะไม่รักพี่สิงโตจอมกวน จะไม่รักพี่สิโตปากเปราะ... แต่ทุกครั้งที่พบหน้าทุกครั้งที่ปะทะคารมกันมันกลับผูกพันเธอกับเขาไว้อย่างแนบแน่นจนเธอไม่รู้ตัวว่ามันคืออะไรจนวันนี้ อัจฉรียาพรรู้แน่ชดในใจว่าเธอรักเขา เธอรักสามีของตนเอง เพียงแต่เธอยังไม่ได้บอกเขาไปว่า รัก.. เท่านั้นเอง...
ทำไมถึงยังไม่บอกเขาว่ารักก็เพราะเธอกลัว.. กลัวว่าที่สิงหราชทำทั้งหมดนั้นก็เพื่อเอาชนะเธอ... อัจฉรียาพรคิดมากอย่างคนที่เคยมีปมในใจ มันก็ช่วยไม่ได้นี่นาที่เธอจะคิดว่าสิงหราชจะหลงใหลได้ปลื้มเธอก็เพราะเห็นว่าเธอสวยขึ้นไม่ได้อ้วนเป็นตุ่มแตกเหมือนตอนเป็นเด็กให้เขาล้อเลียน ต่อให้สวยเก่งฉลาดแค่ไหน ปมในใจที่เคยถูกล้อมันก็ไม่ได้ถูกลบไปง่ายๆ เหมือนเอายางลบมาลบก็หายไปแต่ร่องรอยที่จดจารึกไว้ก็ยังคงอยู่...
หญิงสาวถอนหายใจแล้วเดินไปที่หน้าต่างก็พบว่าสิงหราชกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยหน้าตาท่าทางเคร่งเครียด เขากำลังเครียดเรื่องอะไรและคุยกับใครหนอ...อัจฉรียาพรครุ่นคิดอย่างกังวลแล้วค่อยๆ ตัดใจไปทำธุระส่วนตัวแล้วออกมาล้มตัวลงนอน
หญิงสาวมองเวลาก็พบว่าเป็นเวลาห้าทุ่มแล้วแต่ตอนนี้สิงหราชยังไม่กลับเข้ามาในห้อง เธอจึงเดินไปชะโงกมองสวนด้านล่างก็พบว่าเขาไม่อยู่แล้ว คิ้วเรียวขมวดมุ่นแล้วตัดสินใจเดินไปที่ห้องทำงานของเขาประตูห้องที่เปิดแง้มๆ ไว้เหมือนเจ้าตัวไม่ได้ใส่ใจจะปิดเพราะในบ้านตอนนี้อยู่กันเพียงสองคนสามีภรรยาเพราะแม่บ้านต่างก็พากันไปพักผ่อนที่เรือนเล็กซึ่งห่างออกไปด้านหลังเรือนหอหลังงาม เสียงแว่วๆ ของสิงหราชเหมือนว่ากำลังคุยกับใครบางคนอยู่ทำให้อัจฉรียาพรชะงักและหยุดฟังเงียบๆ ด้วยใจเต้นกระหน่ำ...
“ผมคิดถึงคุณนะนก คุณอยู่ไหนบอกผมได้ไหม..” เขากำลังคุยกับปานชนก.. หัวใจของอัจฉรียาพรเหมือนถูกบีบอัดด้วยของหนักๆ จนแทบหายใจไม่ออก
“โอเค คุณยังไม่พร้อมจะบอกก็ไม่เป็นไร ผมรักคุณนะ..” เพียงแค่นั้นที่เธอได้ยินก็ทำให้อัจฉรียาพรรีบหมุนกายกลับไปที่ห้องของตนทันที น้ำตามากมายไหลอาบแก้มโดยที่เธอไม่รู้ว่ามันไหลออกมาตอนไหน หญิงสาวสะอื้นไห้อย่างไม่อาจจะควบคุมได้ ร่างบางสะท้านด้วยความเจ็บปวดจนไม่อาจจะบรรยาย และไม่ได้รู้ว่าข้อความที่สิงหราชคุยกับคนปลายสายนั้นว่าอย่างไรต่อ...
สิงหราชไม่ได้รักเธอจริงๆ เขาเพียงแค่อยากเอาชนะเธอ ความจริงแล้วเขารักปานชนก แล้วเขาจะมาหลอกลวงเธอให้หลงรักทำไม จะแต่งงานกับเธอเพื่ออะไร...
“ผมรักคุณนะนกทุกคนรักและเป็นห่วงคุณมาก แต่เอาเถอะหากยังไม่สะดวกจะบอกก็ไม่เป็นไร ในฐานะเพื่อนผมอยากบอกว่าผมรักและห่วงคุณเสมอ เพราะคุณคือเพื่อนของผม..”
ทางด้านสิงหราชก็กำลังเคร่งเครียดเมื่อรู้สึกได้ว่าเพื่อนสาวไม่ได้อยู่สุขสบายอย่างที่เธอบอก ปานชนกเคยอยู่สุขสบายมีคนคอยรับใช้และไม่เคยทำงานอะไรสักอย่าง แม้เธอจะสวยและมีความสามารถแต่ปานชนกก็หัวสูงเกินกว่าจะไปทำงานเป็นลูกจ้างใครและมักจะดูแคลนคนอื่นเสมอประสาคนที่ถูกเลี้ยงมาแบบตามใจและใช้เงินบำรุงบำเรอมาตลอด เขายอมรับว่าปานชนกเป็นคนเก่ง เธอฉลาดเฉลียวและเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งเลยทีเดียว ความจริงแล้วปานชนกอายุน้อยกว่าเขากับชัชเพราะเธอเรียนก่อนเกณฑ์สองปี ปานชนกเป็นนักกีฬาว่ายน้ำของมหาวิทยาลัยเธอสวยเก่งฉลาดแม้จะเป็นคนที่ค่อนข้างเอาแต่ใจและขี้อิจฉาประสาผู้หญิงแต่ก็ไม่เคยมีเรื่องราวอะไรกับใครใหญ่โต และไม่เคยระรานใครจนเป็นเรื่องราวหรือทำให้เกิดความบาดหมาง จะมีก็แค่กับอัจฉรียาพรที่ไม่ค่อยกินเส้นกันเท่านั้นและเจอกันทีไรก็มักจะแขวะแซะกันเสมอ เพราะทั้งสองสาวก็ไม่มีใครยอมใครอยู่แล้ว
วันนี้เขาได้รับโทรศัพท์จากปานชนกอย่างไม่คาดคิดเพราะชัชเองก็เพิ่งคุยกับเขาว่าไม่สามารถติดต่อปานชนกได้ และชัชเองก็คิดว่าปานชนกอาจจะถูกล่อลวงไปหรือถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวอยู่ที่ไหนสักแห่ง ส่วนเบอร์โทร. ที่หญิงสาวโทร. มานั้นก็ไม่สามารถเช็กได้ว่าโทร. มาจากไหนเพราะจากการตรวจสอบแล้วพบว่ามันเป็นเบอร์ที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อในกรุงเทพฯ และเมื่อโทร. กลับไปก็ไม่สามารถติดต่อได้...
“ชัช.. เมื่อกี้นกโทร. หาฉัน” สิงหราชตัดสินใจโทรศัพท์หาชัช
“จริงเหรอ แล้วนกบอกแกไหมว่าอยู่ไหน”
“ไม่.. พูดคุยแค่แป๊บเดียวก็วางสาย บอกแค่ว่าสบายดี มันแปลกๆ มั้ยวะ ปกตินกไม่ใช่คนแบบนี้นี่หว่า” สิงหราชตั้งข้อสังเกต
“ฉันก็สงสัย แต่ตอนนี้ยังแกะรอยไม่ได้เลย เหมือนมีคนตั้งใจปกปิดไว้”
“มันไม่เกินความสามารถของเราหรอก”
“รู้ แต่ฉันเป็นห่วงนก ยิ่งไม่เคยทำอะไรอยู่ด้วย ไม่รู้จะไปอยู่ไหนยังไง..” เสียงถอนหายใจหนักๆ ของชัชดังมาทำให้สิงหราชเองก็เป็นห่วงปานชนกไปด้วยเพราะถึงอย่างไรก็คบกันมานานและปานชนกก็เป็นผู้หญิงเขากลัวว่าเธอจะถูกย่ำยีและได้รับอันตราย เพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่ควรจะมีผู้หญิงคนไหนถูกทำร้าย
“ฉันจะพยายามตามหานกต่อไป ฉันเชื่อว่าการที่นกหายไปมันไม่ปกติแม้จะพยายามติดต่อเราบ้างเป็นบางครั้งเพื่อให้เราสบายใจก็เถอะ”
“ฉันก็คิดแบบนายว่ะ เอาล่ะเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปหานะ”
“โอเค แล้วเจอกัน..” สิงหราชถอนใจเบาๆ แล้วค่อยๆ เดินกลับห้องก็พบว่าอัจฉรียาพรหลับไปแล้วจึงไม่อยากรบกวนเวลานอนของเธอและไม่คิดจะเปิดไฟในห้องเพราะกลัวว่าจะทำให้เธอตื่น และโดยไม่ได้คิดอะไรชายหนุ่มก็เดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับมานอนข้างๆ ร่างงามของภรรยาแล้วโอบกอดเธอไว้อย่างแสนรักโดยไม่มีโอกาสได้เห็นคราบน้ำตาบนแก้มนวล...
เช้าวันถัดมาสิงหราชก็ต้องหัวเสียเมื่อตื่นเช้ามาไม่เจอเมียรักในอ้อมแขนเหมือนทุกวันที่ผ่านมา อัจฉรียาพรตื่นแต่เช้าและไม่ปลุกเขาเหมือนทุกวันแม้จะจัดเตรียมข้าวของเสื้อผ้าไว้ให้ตามปกติก็ตามสองวันมาแล้วที่อัจฉรียาพรเป็นเช่นนี้ คือลุกก่อนเขาตื่นเหมือนจงใจหลบหน้าเขาอย่างไรอย่างนั้น และหากเขาไม่ได้คิดมากจนเกินไป เขามั่นใจว่าอัจฉรียาพรตั้งใจหลบหน้าตนแน่นอน...
“อ่อน เห็นคุณอิ่มอุ่นมั้ย”
“เอ.. อ่อนเห็นออกไปที่เรือนใหญ่ตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ” สาวใช้ตอบเรียบๆ อย่างนอบน้อม
“ไปกับแม่บัวรึเปล่า”
“คงใช่ค่ะ เหมือนว่าจะไปใส่บาตรกันมั้งคะ”
“อืม ขอบใจ จะไปทำอะไรก็ไปเถอะ..” สิงหราชโบกมือให้สาวใช้ไปทำหน้าที่ของตนส่วนตัวเองก็เดินไปที่โต๊ะอาหารซึ่งมีกาแฟและอาหารเช้าไว้พร้อมแล้ว มีพร้อมแล้วจะกินกับใครล่ะ.. ชายหนุ่มถอนใจแล้วเดินไปที่เรือนใหญ่ทันที
“คุณแม่ครับ คุณแม่..” สิงหราชร้องเรียกมารดาลั่นบ้านทำให้คนที่กำลังตัดแต่งกิ่งต้นไม้ดอกไม้อยู่ชะงักแล้วร้องตอบ
“มีอะไรสิงโตเสียงดังเชียว”
“แม่บัวกับอิ่มอุ่นไปไหนครับ”
“เอ.. วันนี้แม่บัวบอกว่าจะพาน้องไปวัด ได้ยินคุยกันแว่วๆ ว่าจะเข้าเมืองไปซื้อของกันต่อ”
“วันนี้วันอะไรครับหมายถึงวันสำคัญทางศาสนา หรือวันเกิดใครไหม”
“ไม่นี่ ไม่ใช่วันพระด้วย และไม่ใช่วันเกิดใคร..” แม่เลี้ยงเกศราเงยหน้ามองลูกชาย
“มีอะไรกันรึเปล่าลูก”
“ไม่ครับ ผมแค่แปลกใจที่วันนี้อิ่มอุ่นไปข้างนอกโดยไม่บอกผมเท่านั้นเอง..” ชายหนุ่มตอบเรียบๆ แม่เลี้ยงเกศราถอนใจเบาๆ
“สิงโต.. บางทีผู้หญิงเราก็อารมณ์อ่อนไหวนะ บางครั้งก็ระแวงโดยไม่มีสาเหตุ คิดมากกับแค่เรื่องเล็กๆ น้อย บางทีก็เหมือนจะเข้าใจอะไรง่าย แต่บางครั้งก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องง่ายๆ”
“มันซับซ้อนมากครับคุณแม่..” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ กับคำพูดวกไปวนมาของมารดา
“ก็นั่นล่ะผู้หญิง ทางที่ดี ควรทำทุกอย่างให้ชัดเจนทั้งคำพูดและการกระทำ..” แม่เลี้ยงเกศราสบตาลูกชายตรงๆ สิงหราชมองมารดานิ่งอย่างครุ่นคิด
“คุณแม่คิดว่าอิ่มอุ่นกำลังคิดมาก และระแวงผมใช่ไหมครับ”
“แม่ไม่รู้ว่าระหว่างลูกกับน้องเกิดอะไรขึ้น แต่สองสามวันมานี้แม่เห็นท่าทางน้องแปลกๆ เหมือนคิดอะไรในใจ”
“คุณแม่คิดแบบนั้นหรือครับ” แม่เลี้ยงเกศราไม่ตอบแต่พยักหน้าช้า ไม่ทันที่สิงหราชจะได้คุยอะไรกับมารดาต่อ เสียงเตือนข้อความจากแอ๊พพลิเคชั่นไลน์ก็ดังขึ้นชายหนุ่มหยิบสมาร์ตโฟนจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเปิดอ่านข้อความล่าสุดทันที..
“ผมมีธุระด่วน จะต้องไปเดี๋ยวนี้ยังไงผมฝากดูแลอิ่มอุ่นก่อนนะครับ แล้วผมจะรีบกลับมา”
“จ้ะ ไปเถอะ..” แม่เลี้ยงเกศรามองตามลูกชายที่เร่งรีบขับรถออกไปแล้วถอนใจ ทำไมนางถึงรู้สึกว่าจะมีเรื่องยุ่งๆ เกิดขึ้นหนอ...
“ขออย่าให้ลางสังหรณ์นี้เป็นจริงเลย..” แม่เลี้ยงเกศราเอ่ยกับตัวเองเบาๆ
“มีอะไรหรือครับที่รัก” พ่อเลี้ยงอินคำเดินมาหาภรรยาคู่ชีวิตเมื่อเห็นสีหน้ายุ่งยากนั้นก็อดถามไม่ได้ แม้เลี้ยงเกศราจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้สามีฟัง
“จะมีเรื่องอะไรร้ายๆ ไหมคะคุณพี่”
“เราอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลย มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้..” พ่อเลี้ยงอินคำลูบไหล่บอบบางของภรรยาเบาๆ อย่างปลอบโยน ผู้สูงวัยทั้งสองถอนใจเบาๆ แล้วพากันกลับขึ้นเรือน...
