บท
ตั้งค่า

บทที่5.จบตอน

ชัชซึ่งมองดูเหตุการณ์เงียบๆ รีบเรียกคนของตนมาสมทบด้วยเช่นกันก่อนจะวิ่งตามชายทั้งห้าคนไปและพบว่าพวกมันไปรวมกันอยู่ที่ชั้นสามและศรัญรัตน์ก็พบตัวเพื่อนของตนในสภาพมึนเมาไม่ได้สติร่างกายเกือบเปลือยเปล่า แต่คนทั้งสามกำลังเผชิญหน้ากับชายสิบคน และหนึ่งในนั้นแม้เห็นแค่เพียงด้านหลังและได้ยินแค่เสียงเขาก็จำได้ดีว่าเป็นใคร.. ชัชย่อตัวลงแล้วค่อยๆ ย่องไปหลบที่ถังขยะใบใหญ่สีดำตรงทางประตูหนีไฟ ทั้งส่งสัญญาณให้คนของเขาเงียบไว้ก่อน

“พวกลื้อเอานังเด็กคนนั้นเข้าไปให้อั๊วในห้อง ส่วนนังนั่นพวกแกก็เอาไปสนุกได้เลย ส่วนไอ้ตัวผู้กระทืบมันให้หนัก”

“ครับท่าน”

“อย่าเข้ามานโว้ยไม่งั้นฉันแทงไม่เลี้ยงเลย”

ศรัญรัตน์ชักมีดสั้นออกมาขู่พวกมันในขณะที่แสงศรหิ้วปีกเพื่อนสาวไว้ในท่าทางเตรียมพร้อมเช่นกัน

“ทำไม ตำรวจมาช้านักวะศร” ศรัญรัตน์หันมากระซิบถามเพื่อนด้วยความกังวล

“แหม น้องสาว ถ้าเรียกตำรวจ สน. นี้ รอชาติหน้าก็ไม่มาหรอกจ้ะ ฮ่าๆ มาสนุกกับพวกพี่ดีกว่านะจ๊ะ” ชายฉกรรจ์ทั้งเก้าคนหัวเราะสนุกสนานมองเธอด้วยแววตาหื่นกระหาย ยิ่งชายวัยกลางคนที่เดินเข้าไปรอในห้องนั้นยิ่งมองเธอด้วยแววตาน่ารังเกียจ

“ฝันไปเถอะ วันนี้ ถ้าพวกแกไม่ตายฉันก็จะยอมตาย”

“เฮ้ย พวกมึงจัดการจับอีสองตัวนั่นมา” ด้วยพวกมันคิดว่าสามารถจัดการคนสามคนได้สบายๆ ต่างก็กรูกันเข้าไปหาสาวน้อยที่ถือมีดขู่ฟู่ กับอีกคนที่ยังเก้กังหิวปีกปีกกันอยู่อย่างเหนือกว่า แต่พวกมันก็ยังไม่สามารถเข้าถึงตัวศรัญรัตน์กับแสงศรได้ง่ายๆ จนทำให้พวกมันหัวเสีย แล้วทีของพวกมันก็มาถึงเมื่อสามารถคว้าเอาตัวนารีซึ่งยังคงสลึม สลือเพราะฤทธิ์ยาบางอย่างไปได้และแสงศรก็ถูกชกจนล้มคว่ำเปิดโอกาสให้พวกมันเข้ามารุมได้ ส่วนศรัญรัตน์ก็เสียทีถูกเตะข้อมือจนมีดหลุดกระเด็นไปไกล ร่างบางถูกกระชากเข้าไปในวงแขนของชายร่างใหญ่ผิวดำคล้ำหน้าตาน่ากลัวซึ่งซุกหน้าเข้ามาที่ซอกคอระหงอย่างหื่นกระหาย

“อื้อหือออ หอมว่ะพวกมึง กูขอต่อจากท่านคนแรกนะเว้ย”

“กรี๊ดดด ปล่อยนะไอ้พวกหมาหมู่” ศรัญรัตน์ดิ้นเร่าด้วยความโมโหและหวาดหวั่น

“มึงอย่าพูดมากเอาตัวมันไป” อีกคนหนึ่งพูดด้วยท่าทางหื่นกระหายหมายอยากเชยชิมเนื้อหวานๆ ของสาวน้อยตรงหน้าเช่นกันช่วยจับขาทั้งสองข้างของศรัญรัตน์ไว้ไม่ให้ดิ้น พวกมันจึงอยู่ในลักษณ์หามศรัญรัตน์ไว้และกำลังจะพาเธอเข้าไปในห้องพิเศษของ ท่าน ที่มักจะมาใช้บริการของที่นี่เป็นประจำ...

ปุ๊ ปุ๊.. ยังไม่ทันที่พวกมันจะเดินเข้าไปกระสุนปริศนาก็เจาะเข้าที่ข้าของมันทั้งสองคนแต่เสียงกระสินดังเพียงเบาๆ เท่านั้น

“โอ๊ยๆ..” ชายทั้งสองทรุดล้มลงและปล่อยมือจากร่างบางของศรัญรัตน์พร้อมกับชายทั้งเก้าคนชะงักหันมาทางต้นเสียง สาวน้อยได้สติวิ่งไปดึงแสงศรลุกขึ้นแล้วพากันวิ่งไปคว้าตัวนารีออกมา พวกเธอใช้ความเร็วและจังหวะตื่นตะลึงของพวกคนโฉดพากันวิ่งมาหลบอยู่ด้านหลังชัชทันที...

สิงหราชกำลังจะรีบเร่งออกจากบ้านของอัจฉรียาพรทันทีที่ได้รับรู้เรื่องที่ชัชบอกซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่เขามาถึงบ้านอัจฉรียาพรพอดีในขณะที่เกิดเรื่อง...

“รีบร้อนไปไหนสิงโต” คุณอัคคีถามว่าที่ลูกเขยด้วยความสงสัยและคิดว่าชายหนุ่มคงจะทำอะไรไม่ดีกับลูกสาวของตนจึงขวางไว้

“เอ่อ คุณพ่อตา มาก็ดีแล้ว ขึ้นรถไปกับผมเลยครับ เดี่ยวผมเล่าให้ฟัง..”

“อ้าว เฮ้ยยย..” คุณอัคคีไม่ทันตั้งตัวจึงถูกว่าที่ลูกเขยจับขึ้นรถไปด้วยกันอย่างมึนๆ งงๆ

“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ..” สิงหราชเล่าเรื่องราวคร่าวๆ ให้คุณอัคคีฟังแล้วขับรถไปที่สถานีตำรวจตามที่ชัชบอกเพราะตอนนี้คนร้ายได้ถูกจับกุมไปที่นั่นหมดแล้วนั่นเอง...

พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งในวันรุ่งขึ้นสร้างความประหลาดใจและแตกตื่นตกใจให้กับใครหลายๆ คน เมื่อ นายเกรียงไกร บิดาของปานชนก อดีต สส.พรรคการเมืองชื่อดังและอดีตนักธุรกิจใหญ่คนเก่งผู้เคยขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งสูงสุดทั้งทางการเมืองและทางด้านธุรกิจถูกจับกุมในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราหญิงสาวมากกว่าหนึ่งคนและไม่เพียงเท่านั้นคดีต่างๆ ก็ถูกรื้อฟื้นงัดแงะแคะล้วงออกมาทีละคดีๆ และคดีที่ทำให้ทุกคนสะเทือนใจที่สุดก็คือ นายเกรียงไกรเป็นคนลงมือวางแผนฆ่าน้องชายกับน้องสะใภ้เพื่อฮุบมรดกและยังข่มขืนฆ่าหญิงสาวคนหนึ่งอย่างโหดเหี้ยม ก่อนโยนศพทิ้งแม่น้ำเมื่อห้าปีก่อน ซึ่งหญิงสาวคนนั้นเป็นสาวลูกครึ่งไทยอิตาลี นามว่า นิราวัลย์ เคแมน หรือ ชื่อเล่นว่า นิกกี้ ส่วน น้องชายและน้องสะใภ้ของนายเกรียงไกรก็คือ พ่อแม่ของชัช นั่นเอง สรุปแล้วชัชเป็นลูกอาของปานชนก...

“เวรกรรมมันตามมาจัดการคนชั่วทันแล้วนะชัช ฉันดีใจมากที่เรื่องมันมาคลี่คลายเร็วกว่าที่คิดไว้” สิงหราชตบบ่าเพื่อนเบาๆ

“อาเสียใจด้วยนะเรื่องพ่อกับแม่ชัช และเป็นกำลังใจให้นะ เรื่องร้ายๆ ผ่านไปแล้ว ขอให้มีเรื่องดีๆ เข้ามา” คุณอัคคีเองก็ตบบ่าชายหนุ่มเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ และนึกชื่นชมเพื่อนรักทั้งสองคนที่ช่วยกันสืบสาวเรื่องราวต่างๆ มาจนสามารถเอาผิดคนร้ายได้และยิ่งรู้ว่าชายหนุ่มทั้งสองช่วยกันสร้างเนื้อสร้างตัวจนสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจของตนได้โดยไม่พึ่งพาบารมีของพ่อแม่ก็ยิ่งภูมิใจ โดยเฉพาะสิงหราชที่มีน้ำใจกับเพื่อนรักยอมถือหุ้นในบริษัทน้อยกว่าและยอมให้ชัชเป็นประธานใหญ่ทั้งที่ตัวเองก็มีความสามารถเท่าเทียมกัน

“ผมมีมากกว่าชัชอยู่แล้วแล้วผมก็มีภาระที่ต้องรับต่อจากคุณพ่อ และผมก็คิดว่าบริษัทของนายเกรียงไกรควรจะเป็นของชัชทั้งหมดด้วยซ้ำ แต่ชัชไม่ยอมรับ ยืนยันจะถือหุ้นด้วยกัน แต่ผมเชื่อว่าชัชสามารถยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้แต่ผมก็จะไม่ทิ้งเพื่อนหรอกครับ ชีวิตชัชผ่านอะไรมาเยอะและน่าสงสาร ตอนที่พ่อแม่เขาตายเขาต้องอยู่กับป้าซึ่งเป็นญาติห่างๆ ของภรรยาคุณเกรียงไกรและต้องพยายามซ่อนตัวตนที่แท้จริงกลัวว่านายเกรียงไกรจะรู้ว่าเขาเป็นใคร..” นั่นคือสิ่งที่สิงหราชบอกคุณอัคคีก่อนจะมาถึงโรงพัก

เรื่องราวมีอยู่ว่าหลังจากที่พ่อแม่ของชัชตาย พวกเขาได้ฝากฝังลูกชายของตนไว้กับพี่สาวซึ่งรู้เรื่องราวต่างๆ ดีว่าเกิดอะไรขึ้น ป้าของชัชรับชัชเป็นลูกเพราะตัวเองไม่มีลูก และพาชัชเข้ามาอยู่ในบ้านของนายเกรียงไกรในฐานะผู้อาศัยเพราะป้าชบาเป็นพี่สาวของแม่ชัชและมีศักดิ์เป็นญาติผู้พี่ของภรรยานายเกรียงไกร จึงทำให้สามารถเข้ามาอยู่ในบ้านหลังงามได้ไม่ยาก และเพื่อให้ชัชได้มีโอกาสเล่าเรียนและได้เห็นความเคลื่อนไหวของคนที่ฆ่าพ่อแม่ตน จนเมื่อเขากับชัชได้พบกันในมหาวิทยาลัยและคุยกันถูกคอจึงคบหากันเรื่อยมาและชัชเองก็ไว้ใจเขากับอัคราจึงบอกกล่าวเขาเรื่องนี้และพวกเขาก็วางแผนกระชากหน้ากากนายเกรียงไกรมากว่าห้าปี...

“ไม่น่าเชื่อว่านายเกรียงไกรจะทำชั่วได้ถึงขนาดนี้”

“ผมเองก็ไม่อยากเชื่อเลยครับคุณอา” ชัชเอ่ยเบาๆ แม้จะโล่งอกแต่เขาก็อดใจหายไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรนายเกรียงไกรก็เป็นญาติเพียงคนเดียวของเขาที่เหลืออยู่..

“จริงสิ แล้วนกหายไปไหน..” สิงหราชเอ่ยขึ้นเมื่อตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่เห็นปานชนกเลย

“นั่นสิ ลืมนกไปเลย หรือว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับนก เมื่อเช้าฉันโทร. หาก็ติดต่อไม่ได้ โทร. ไปที่บ้านแม่บ้านก็บอกว่านกยังไม่เข้าบ้านตั้งแต่เมื่อวาน” ชัชเองก็ห่วงผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นทั้งเพื่อนและน้องสาวของตนไม่น้อย ถึงปานชนกจะเย่อหยิ่งเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่เคยทำร้ายหรือสร้างความเดือดร้อนให้ใคร

“อาว่ามันน่าห่วงอยู่นะ หายไปทั้งคืนแบบนี้”

“ผมจะให้ลูกน้องช่วยตามหา”

“เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจัดการเอง นายเตรียมตัวเรื่องแต่งงานดีกว่า”

“ถ้าอย่างนั้นฝากด้วยนะชัช ถึงอย่างไรนกก็เป็นเพื่อนเรา..” สองหนุ่มพยักหน้าให้กัน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น

นายเกรียงไกรถูกตัดสินประหารชีวิตแต่เพราะยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหาจึงถูกลดโทษให้เป็นจำคุกตลอดชีวิต ส่วนผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆ ก็ถูกตัดสินอย่างยุติธรรมและไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วย เพราะเมื่อหมดอำนาจวาสนาคนที่เคยอาศัยพึ่งพาได้ก็มักจะตีจากเพื่อเอาตัวรอดกันทั้งนั้น แต่ชัชได้เข้าไปเยี่ยมนายเกรียงไกรเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้อภัยและอโหสิให้นายแกรียงไกรทุกอย่างเพราะในที่สุดแล้วนายเกรียงไกรก็ได้รับโทษของตนอย่างสาสมแล้ว

“ลุงฝากน้องด้วยนะชัช ยายนกไม่เคยรู้เห็นอะไรในสิ่งที่ลุงทำ ลุงผิดเอง ลุงผิดเพียงคนเดียวลุงมันโง่เขลาที่ยอมให้กิเลสตัณหามันครอบงำ..”

“ครับ ผมให้อภัยลุงทุกอย่าง”

“ขอบใจนะ หากพ่อแม่เธอยังอยู่คงภูมิใจไม่น้อยที่เธอสามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างเข้มแข็ง ลุงละอายใจเหลือเกิน” นายเกรียงไกรซึ่งอยู่ในชุดนักโทษดูทรุดโทรมและผ่ายผอมลงอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วัน ชัชมองชายชราตรงหน้าแล้วก็นึกปลงสังเวช ชีวิตคนเรามันไม่เที่ยงแท้แน่นอนจริงๆ หากใช้ชีวิตประมาทตกเป็นทาสอบายมุขล่มหลงมัวเมาในลาภยศสรรเสริญท้ายที่สุดชีวิตก็จะจบลงเช่นนี้

“ผมไม่คิดแค้นอาฆาตคุณลุงหรอกครับ เพราะถือว่าคุณลุงได้ชดใช้แล้ว เราไม่มีอะไรติดค้างต่อกัน”

“เธอเป็นคนดีจริงๆ ชัช ขอบใจที่ยังเรียกฉันว่าลุง..” นายเกรียงไกรร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น เสียใจอย่างสุดซึ้งที่ครั้งหนึ่งได้ทำลายชีวิตของครอบครัวอันแสนอบอุ่นเพราะความละโมบ

“หมดเวลาเยี่ยมแล้ว ผมกลับก่อนนะครับ ส่วนเรื่องนกคุณลุงไม่ต้องห่วงผมจะดูแลเธอเอง..” ชัชไม่ได้บอกนายเกรียงไกรว่าปานชนกหายตัวไปเพราะไม่อยากให้ผู้สูงวัยกว่าต้องคิดมากไปกว่านี้ ในวัยขนาดนี้หากเป็นคนที่ใช้ชีวิตปกติคงได้พักผ่อนอยู่บ้านเลี้ยงหลานอย่างมีความสุขไม่ใช่มาจบลงในคุก...

“ขอบใจอีกครั้งชัช ขอให้ความดีปกป้องคุ้มครองเธอและให้เธอมีความสุข มีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นสมบูรณ์แบบ”

“ขอบคุณครับ..” ชัชมองประตูห้องขังนักโทษค่อยๆ ปิดลงแล้วถอนใจ ตอนนี้เขาไม่มีห่วงเรื่องของตนเองแล้ว แต่ตอนนี้เขากำลังห่วงปานชนกเพราะยังไม่สามารถติดต่อหญิงสาวได้...

“เธออยู่ไหนของเธอนะยายนก รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วง..” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอีกครั้งแล้วโทรศัพท์สั่งการให้ลูกน้องของตนตามหาปานชนกด้วยความหวังว่าจะเจอหญิงสาวในเร็ววัน... แต่แล้วชัชก็ต้องดีใจเมื่อเห็นเบอร์โทร.ของปานชนกโชว์ขึ้นบนหน้าจอหลังจากที่เขาพยายามโทร. หาอยู่หลายครั้งและหากว่าวันนี้เขาไม่สามารถติดต่อเธอได้ชัชก็จะแจ้งความคนหาย

“เธออยู่ไหนนก รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วง” ชัชรีบพูดทันทีที่รับสาย

“ฉัน.. ชัช ฉันคงจะขอหลบทำใจที่บ้านเพื่อนสักพักนะ..”

“เธอเห็นข่าวแล้วใช่ไหม” ชัชถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“ใช่..” เสียงปลายสายตอบแผ่วเบาเจือสะอื้น

“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน ฉันจะไปหาเธอ ไปพักที่บ้านสวนของฉันได้นะ”

“ไม่เป็นไร ฉันอยู่ที่นี่ฉันสบายดีไม่ต้องห่วง หากมีอะไรฉันจะโทร. หาเองไม่ต้องตามหาหรอก ฉันสบายดี แค่นี้นะ..” พูดจบปานชนกก็ตัดสายไปทันที ชัชมองโทรศัพท์ในมือนิ่งแล้วก็ครุ่นคิดสงสัยเพราะน้ำเสียงของปานชนกฟังดูร้อนรน แต่เขาก็เคารพการตัดสินใจของเธอ...

แต่ในขณะเดียวกันนั้นปานชนกกำลังร่ำไห้อย่างสุดแสนเสียใจ หัวใจดวงน้อยแทบแหลกยับเยินกับความจริงที่ปรากฏ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel