บทที่ 5 หนีไม่พ้น...
ชีวิตสาวสวยและรวยมากอย่างอัจฉรียาพรเริ่มปั่นป่วนเมื่อสิงหราชเข้ามามีส่วนร่มในชีวิตของตนมากขึ้น จากที่คิดว่าจะทำให้เขาถอยห่างและพยายามทำให้ปานชนกเข้ามาแทรกกลางแต่เหมือนว่ายิ่งปานชนกพยายามมากขึ้นเท่าไหร่ สิงหราชก็ยิ่งเข้าใกล้เธอมากขึ้น และโดยที่มีมารดาของเธอคอยสนับสนุนเชียร์ว่าที่ลูกเขยจนออกนอกหน้า...
“คุณแม่ครับ วันนี้สิงโตเอาขนมมาฝากครับ แม่บัวก็ฝากผ้าพันคอมาให้ด้วย” สิงหราชนั่งพับเพียบแต้ยิ้มกว้างให้ว่าที่แม่ยายโดยที่ว่าที่เจ้าสาวนั่งหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ
“ขอบใจจ้ะลูก ว่าแต่วันนี้จะพาน้องไปเที่ยวไหนจ๊ะ”
“ผมขออนุญาตคุณแม่คุณพ่อพาน้องอิ่มอุ่นไปดูหนังนะครับ เห็นน้องทำงานหนักก็เลยอยากพาไปพักผ่อนบ้างแล้วตอนเย็นๆ จะพาน้องไปลองชุดอีกที”
“ตายจริง แบบนี้เราก็ต้องไปลองชุดบ้างนะคะคุณพี่ ใกล้วันงานเข้ามาทุกทีแล้ว ตื่นเต้นจัง” คุณอโนมาหันมาพูดกับสามีที่ยังวางท่าเชิดๆ ใส่ว่าที่ลูกเขยอยู่
“อืม..”
“อืมนี่คืออะไร จะไปหรือไม่ไปคะ” เสียงแข็งๆ และแววตานิ่งๆ ของภรรยาทำให้คุณอัคคีขยับตัวอย่างอึดอัดรีบเอาใจภรรยาที่รัก
“ไปสิจ๊ะ อ้อนจะไปตอนไหนล่ะพี่จะขับรถให้”
“ไม่ต้องขับเองหรอกค่ะ ใช้นายสนดีกว่า” คุณอโนมากลัวว่าสามีจะเหนื่อยจึงเสนอให้มีคนขับรถให้
“ดีจ้ะ”
“งั้นอิ่มอุ่นรอไปพร้อมคุณแม่ดีกว่า” อัจฉรียาพรรีบเสนอตัว
“ไม่เป็นไรจ้ะลูก อิ่มอุ่นไปกับพี่เขาน่ะถูกแล้ว ดูสิผอมลงไปเยอะนะช่วงนี้อย่าโหมงานหนักนักสิลูก อะไรที่พอให้เด็กๆ ทำแทนได้ก็ปล่อยให้เขาทำ เราก็มาดูแลตัวเองหน่อยใกล้วันแต่งงานแล้ว”
“แต่..”
“สิงโตพาน้องไปดูชุดเถอะไป” คุณอโนมาตัดบทแล้วเรียกสาวใช้มานำของไปเก็บและชวนสามีไปทำธุระของตน แม้คุณอัคคีจะไม่ค่อยเต็มใจนักเพราะใจอยากจะไปเป็นก้างขวางคอว่าที่ลูกเขยเสียมากกว่า แต่ในขณะที่เดินผ่านผู้สูงวัยกว่าก็ไม่วายข่มว่าที่ลูกเขย..
“หากลูกสาวฉันมีรอยขีดข่วนกลับมาและก็ เสร็จอาแน่สิงโต..” คุณอัคคีทำท่าเชือดคอด้วยสีหน้าดุดันใส่ก่อนเดินเลยไปยิ้มหวานกับภรรยาที่หันกลับมามองด้วยท่าทางเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อัจฉรียาพรเองเห็นท่าทางของบิดากับสิงหราชแล้วก็อดขันไม่ได้ หญิงสาวหัวเราะเบาๆ ทำให้สิงหราชกันมามองใบหน้าสวยสดใสอย่างหลงใหล
“อิ่มอุ่นไม่สงสารพี่บ้างเหรอโดนคุณพ่ออิ่มอุ่นรังแก” คนโดนรังแกทำหน้าม่อยดูน่าหมั่นไส้มากกว่าน่าสงสาร
“เฮอะ อย่างพี่สิงโตนี่ไม่น่าสงสารเลยค่ะ”
“ไม่น่าสงสารแต่น่ารัก”
“อี๊ หลงตัวเอง”
“อยากให้อิ่มอุ่นหลงด้วยจะได้รึเปล่า” ทำหน้ามึนแล้วยังส่งสายตาเจ้าชู้มาให้
“แหวะ จะไปดูชุดไม่ใช่เหรอคะไปสิ ขืนช้าอิ่มอุ่นจะเปลี่ยนใจนะ”
หญิงสาวหน้าแดงแล้วเดินออกไปรอเขาที่รถเพื่อแก้เขิน นับวันสิงหราชเข้ามามีอิทธิพลต่อใจของเธอมากมายเหลือเกิน...
ปานชนกมองหน้าจอโทรศัพท์สมาร์ตโฟนเครื่องหรูของตนด้วยความรู้สึกอึดอัดและขุ่นใจอยู่ไม่น้อย เมื่อเห็นสเตตัสในเฟซบุ๊กของอัจฉรียาพรที่บอกว่าเธอกำลังจะไปลองชุดแต่งงานที่ไหนพร้อมกับรูปยิ้มหวานแนบแก้มกับต้นแขนแข็งแรงของชายหนุ่มที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นต้นแขนของใคร...
“บ้าที่สุด นี่ฉันจะแพ้เธอจริงๆ เหรอยายเด็กอ้วน..” หญิงสาวหงุดหงิดในใจแทบอยากจะปาโทรศัพท์ทิ้งไปไกลๆ พร้อมทั้งเบี่ยงตัวหนีวงแขนของใครบางคน...
“ปล่อยได้แล้วฉันจะกลับ” หญิงสาวหันมาตวาดชายหนุ่ม ที่พบกับเขาเมื่อหลายวันก่อน ซึ่งการพบกันในวันนั้นมันทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง...
ครูซ เป็นนักธุรกิจที่เธอรู้จักผ่านเพื่อนคนหนึ่งซึ่งมีอาชีพเสริมเป็นสาวไซด์ไลน์หลังเลิกงาน ปานชนกยอมรับว่าทำใจอยู่นานที่จะทำงานนี้แต่เพราะเธอไม่เคยทำงานอะไรและกลัวความลำบากและอายเพื่อนๆ หากใครรู้ว่าเธอต้องทำงานเป็นลูกจ้างใครที่สำคัญเธอไปสมัครงานไว้หลายที่แต่ไม่มีบริษัทไหนเรียกตัวเธอเลยสักที่ ตอนนี้เธอมีแค่หัวโขนสวยหรูเท่านั้น บ้านก็ไม่มีจะอยู่รถคันหรูก็ต้องขายไปแล้วหันมาดาวน์รถญี่ปุ่นคันเล็กไว้ใช้และเงินที่เหลือน้อยนิดจากค่าใช้จ่ายต่างๆ เธอก็เก็บไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่ตอนนี้คุณหนูไฮโซอย่างเธอแทบไม่มีอะไรติดตัว นอกจากคอนโดของตนซึ่งมารดาซื้อไว้ให้เป็นสมบัติส่วนตัวจริงๆ ความจริงแล้วเธอปรับตัวเยอะมากกับชีวิตที่ผลิกผัน แต่จะให้ทำปุบปับปลงทุกอย่างทีเดียวเลยนั้นปานชนกยอมรับว่ายังทำใจไม่ได้ เธอเคยอยู่หรูหรา เคยใช้ของแพงๆ อยู่ๆ จะให้เปลี่ยนอยู่แบบโลโซใช้ของถูกๆ ก็ยังไม่อาจจะทำใจได้เสียทีเดียวแม้จะพยายามคิดแบบที่แม่มะลิสอนและพยายามทำตัวให้อยู่ง่ายกินง่าย การจะเปลี่ยนอะไรที่คุ้นเคยมาตลอดมันไม่ได้ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือนี่นะ...
ครูซเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาตามแบบฉบับหนุ่มอิตาลี เขาเป็นลูกครึ่งไทยอิตาลีและเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยระดับหนึ่งแต่เขาไม่ใช่เป้าหมายของเธอ การที่เธอยอมนอนกับเขาก็เพราะความจำเป็นและเธอพลาดอย่างน่าโมโหจนทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพสาวไซด์ไลน์โดยไม่มีทางเลี่ยง.. ปานชนกไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอาชีพนี้มันทำเงินมหาศาล เมื่อก่อนเธอเคยดูถูกเพื่อนที่มีอาชีพเสริมเช่นนี้ แต่ทุกคนดูจะไม่ใส่ใจและยังมีเงินใช้สอยซื้อของแบรนด์เนมแพงๆ แข่งกับเธอด้วย งานง่ายๆ รายได้ดี ถึงว่าสิใครๆ ก็นิยมทำแบบนี้กัน แต่มันเป็นเพียงค่านิยมที่ทำเพื่อวัตถุภายนอกที่มันไม่มีวันยั่งยืนและไม่มีอะไรแน่นอน สักวันเมื่อสังขารร่วงโรย หรือเมื่อถึงจุดอิ่มตัว ทุกอย่างก็จะกลับไปที่จุดเดิมหรือตกต่ำกว่าเดิม... ปานชนกแอบคิดอย่างนี้ในใจและเธอเองก็นึกสมเพชตัวเองอยู่ไม่น้อยที่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ นี่รึเปล่านะที่เรียกว่า ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง..
แต่ในยุคปัจจุบันมีหญิงสาวหลายๆ คนรวมไปถึงชายหนุ่มบางคนที่คิดเพียงความสุขกายภายนอก หลงใหลเงินทองความฟุ้งเฟ้อและหาสิ่งต่างๆ มาบำรุงบำเรอความต้องการของตนเอง ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยใช้ของแบรนด์เนมแพงๆ แข่งกันใช้ชีวิตหรูหราจนมองข้ามคุณค่าในชีวิตของตนเอง และลืมมองไปว่า ท้ายที่สุดแล้ว สังขารก็จะร่วงโรยไปตามวัย.. บางคนใช้ชีวิตเพื่อข้าวของนอกกาย ความหรูหราฟุ่มเฟือย เพื่อชดเชยในสิ่งที่ขาดหายหรือเพื่อสนองความอยากมีอยากได้อันเกินตัวจนทำให้เกิดปัญหาแย่งชิงแข่งขันกันโดยไม่สนใจความถูกต้องดีงาม มันกลายเป็นธุรกิจที่ต้องแลกมาด้วยศักดิ์ศรีและคุณค่าของคน และบางคนก็จนหนทางจนต้องเลือกเส้นทางนี้เพื่อครอบครัว จะว่าไปแล้วบนโลกใบนี้ใช่ว่าทุกคนจะมีโอกาสที่ดีเสมอไปบางคนก็จำใจต้องทำเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดในสังคม และธุรกิจนี้ตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง ไม่มีคนเสนอก็ไม่มีคนสนอง ไม่มีคนสนองก็จะไม่มีคนเสนอ...
“อะไรกัน ไหนว่าไม่มีธุระที่ไหน วันนี้ผมว่าจะพาคุณไปต่อที่หัวหิน”
“ฉันไม่ว่างแล้วไปชวนคนอื่นเถอะ” หญิงสาวกลิ้งตัวลงจากเตียงแล้วรีบหยิบเสื้อคลุมเข้าห้องน้ำไปสักครู่ก็แต่งตัวด้วยชุดสวยใหม่เอี่ยมที่เธอเพิ่งได้จากการชอปปิงกับครูซเมื่อวานทั้งที่เธอไม่อยากได้แต่ชายหนุ่มกลับซื้อมาและยัดเยียดให้เธอ
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เธอไม่อยากสวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมพวกนี้ปานชนกอดฉุกใจคิดไม่ได้กับความเปลี่ยนแปลงของตน...
“ชุดนี้เหมาะกับคุณดีนะ แต่จะเหมาะมากหากไม่ใส่อะไรเลย” ครูซเป็นคนพูดตรงไปตรงมาและค่อนข้างร้อนแรง หากเขารวยกว่านี้สักหน่อยเธอคิดว่าจะจับเขาให้อยู่หมัด แต่ครูซเป็นเพียงเจ้าของธุรกิจเล็กๆ ที่เพิ่งก่อร่างสร้างตัว ซึ่งเธอไม่คิดจะสนใจหญิงสาวคิดอย่างเย่อหยิ่งและยังคงคิดว่าเธอจะต้องแย่งสิงหราชมาให้ได้
แม้เธอจะพลาดท่าเสียทีต้องกลายเป็นผู้หญิงที่ต้องใช้ร่างกายแลกเงินแต่เธอก็นอนกับครูซเพียงคนเดียวเท่านั้น และเธอก็ไม่คิดว่าจะผูกมัดตัวเองกับครูซแม้เธอจะรู้สึกหวั่นไหวตั้งแต่แรกเจอหน้าเขาแต่ปานชนกก็บอกตัวเองว่าสามีของเธอคือสิงหราชเท่านั้น คนที่เธอรักคือสิงหราช คนที่เธอต้องการคือสิงหราช เธอไม่ผิดหากจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง...
“ขอบคุณที่ชม ขอให้คุณเที่ยวหัวหินให้สนุก..” พูดจบปานชนกออกจากห้องไปด้วยความเร่งรีบและคิดว่าจะต้องไปดักพบสิงหราชที่ร้านเวดดิ้งชื่อดังให้ได้
ครูซมองตามร่างระหงด้วยแววตาที่แฝงไว้ด้วยแววตาแข็งกร้าวใบหน้าหล่อเหลาไร้รอยยิ้มดูเย็นชา ปานชนกมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาเข้ามาพัวพันกับเธอ
“ขอให้คุณโชคดี นิกกี้..” ครูซจะเรียกปานชนกว่า นิกกี้ ซึ่งชื่อนี้เป็นชื่อของคนรักของเขาซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อห้าปีก่อน เธอเสียชีวิตก่อนวันแต่งงานเพียงห้าวันเดียวเท่านั้น...
ปานชนกต้องหัวเสียอย่างแรงหลังจากที่ออกมาแล้วพบว่ารถคันเล็กที่เธอเจียดเงินซื้อไว้ใช้ถูกล็อกล้อ และหัวเสียหนักขึ้นเมื่อเจอใบสั่งแปะหราอยู่หน้ากระจก
“บ้าเอ๊ย อะไรวะเนี่ย..” หญิงสาวหันซ้ายหันขวาอย่างหงุดหงิด ยกข้อมือดูเวลาก็ยิ่งหงุดหงิดป่านนี้สิงหราชกับอัจฉรียาพรคงกำลังมีความสุขไปแล้ว...
“รถเป็นอะไรหรือที่รัก”
“ครูซ.. เอ่อ” เธองงงันที่เห็นเขาตามมา ปกติแล้วครูซจะไม่เคยพบเธอหลังจากที่ทุกอย่างจบลงบนเตียง เธอเองก็จะทำเป็นไม่รู้จักเขาหลังจากที่มีความสัมพันธ์อันเร่าร้อน
“ผมกำลังจะไปหัวหิน”
“อ้อ.. ค่ะ” จริงสินะเขาคงจะรีบเดินทางก็เลยลงมาจากห้องพักไล่เลี่ยกับเธอหญิงสาวคิดถึงความเป็นจริง
“คุณจะไปไหนผมจะไปส่ง”
“ไม่เป็นไรฉันไปแท็กซี่ดีกว่า ขอบคุณ เอ๊ะ ปล่อยสิฉันรีบ..”
หญิงสาวทำท่าจะเดินจากไปแต่ชายหนุ่มคว้าข้อมือเธอไว้เสียก่อน ปานชนกพยายามสะบัดข้อมือหนี
“ไปกับผมดีกว่า เดี๋ยวไปส่งให้ถึงที่ ไปเถอะอย่าเสียเวลาเลย..” หญิงสาวไม่มีโอกาสได้ปฏิเสธเมื่อเขาจูงกึ่งลากเธอไปยังรถกระบะคันใหญ่ของเขา เธอไม่ชอบเลยที่เขาขับรถแบบนี้ มันควรจะเป็นรถสปอร์ตหรูหราสิ.. ไม่วายไฮโซตกอับจะคิดอย่างไม่อาจจะปลงกับความเปลี่ยนแปลงของตนได้ทั้งหมด...
และปานชนกไม่มีทางรู้เลยว่านับจากวันนี้ไปชีวิตของเธอจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้ง...
อัจฉรียาพรชะเง้อมองไปที่หน้าร้านเวดดิ้งหรูก็ไม่พบเงาของปานชนก แบบนี้แผนของเธอก็ล่มน่ะสิ หญิงสาวคิดอย่างหงุดหงิด อุตส่าห์วางแผนว่าหากปานชนกมาเธอจะหาเรื่องทะเลาะกับสิงหราชแล้วหนีกลับบ้านและจะแสดงละครร้องห่มร้องไห้ฟ้องบิดาว่าถูกผู้หญิงของสิงหราชตามรังควาน จะได้หาทางถอนหมั้นกับเขา...
“ยายนกจะต้องมาสิ ไม่มีทางที่ยายนั่นจะไม่มา..” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง
“มีอะไรหรือครับที่รัก..”
“อุ๊ย พี่สิงโต เอาหน้าออกไปห่างๆ แก้มอิ่มอุ่นนะ” อัจฉรียาพรหันมาตามเสียงเรียกแล้วต้องเบี่ยงแก้มนวลให้ห่างจากปลายจมูกของคนที่ตั้งใจก้มลงมาหา ใบหน้าสาวแดงก่ำดวงตาวาววับทั้งเขินทั้งเคือง
“แหม แก้มหอมๆ ก็อยากจะหอม หวงจริง”
“บ้า แก้มอิ่มอุ่นไม่ได้มีไว้แจกนะ”
“ก็ไม่มีไว้แจกน่ะสิ และหากใครมันคิดจะมาหอมแก้มอิ่มอุ่นนะ มันไม่ตายดีแน่”
“อันธพาล”
“แต่ก็รักเดียวใจเดียว” สิงหราชยิ้มยียวนและคำพูดของเขาทำให้ใจสาวเต้นกระหน่ำ เขาบอกรักเธอรึเปล่านี่
“ชีกอ”
“ก็ชีน่ารัก และอยากรักชี” สิงหราชชี้มาที่ตัวเธออัจฉรียาพรหน้าแดงก่ำ แก้มสาวร้อนซู่
“ไม่พูดด้วยแล้ว..”
อัจฉรียาพรผลักอกกว้างเบาๆ แล้วเดินไปเปลี่ยนไปลองชุดที่สั่งแก้ไขเล็กน้อย ไม่นานร่างงามก็ออกมาในชุดแต่งงานสีชาวฟูฟ่องเรือนผมหยักสลวยเกล้ามวยแซมด้วยดอกไม้ ใบหน้างามโดดเด่นขึ้นเมื่อถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างประณีตบรรจง
“เป็นไงฮะคุณสิงโตขา แหม.. ตะลึงไปเลยล่ะสิ..” คุณทอมมี่ล้อว่าที่เจ้าบ่าวที่ยืนจ้องว่าที่เจ้าสาวตาไม่กะพริบ
“เอ่อ... แหม ก็เจ้าสาวผมสวยขนาดนี้จะไม่ตะลึงได้ไงครับ”
“เอาล่ะค่ะ มาถ่ายรูปกันดีกว่า แล้วพรุ่งนี้อย่าลืมนัดเรานะคะเราจะถ่ายพรีเวดดิ้งที่ไร่คุณสิงโต” คุณทอมมี่บอกแล้วก็เรียกช่างและช่างภาพมืออาชีพมาถ่ายรูปให้ว่าที่บ่าวสาว
“พี่บอกรึยังว่าอิ่มอุ่นสวยมาก”
“ไม่บอกก็รู้ค่ะ เพราะอิ่มอุ่นสวยจนคนแก่แถวนี้ใจแตก” พูดไปก็อดเขินไม่ได้แก้มสาวแดงปลั่งอยู่แล้วก็เหมือนว่ามันแดงและร้อนผ่าวไปหมด
แล้ววันนั้นหนุ่มสาวก็ถ่ายรูปกันอย่างหวานชื่นและทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีผ่านไปด้วยดี
ชัชไล่สายตาไปตามตัวอักษรต่างๆ ที่บ่งบอกเกี่ยวกับเรื่องราวที่ตนเคยสงสัยมานาน แล้วก็ถอนใจออกมาเบาๆ ก่อนจะโทร. หาสิงหราช
“มันเป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ สิงโต”
“แล้วนายคิดจะทำยังไงต่อไป..”
“รอ..”
“แน่ใจหรือ..”
“ฉันไม่อยากทำอะไรช่วงนี้รู้ว่านายยุ่ง ฉันคงทำคนเดียวไม่ได้หากไม่มีนาย..” ชัชบอกไปตามตรง เพราะงานนี้เขาจะคิดคนเดียวทำคนเดียวไม่ได้ มันใหญ่เกินไปและหากเกิดอะไรขึ้นผลเสียมันจะกระทบถึงสิงหราชด้วย
“ฉันยินดีจะเลื่อนงานแต่ง”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันคิดว่ามันคงไม่เคลื่อนไหวอะไรเพราะสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย อีกอย่างฉันให้เพื่อนที่อยู่ในกรมช่วยกดดันมันอยู่เงียบๆ”
“โอเค ฉันยอมรับการตัดสินใจของนาย”
“แล้วเป็นไงบ้าง งานแต่งใกล้เข้ามาแล้วนะ ดีใจด้วย”
“ก็ดีแต่ก็จะยุ่งๆ อยู่นะ เพราะยังพยศไม่เลิกพยายามจะหาเรื่องตลอด” สิงหราชหัวเราะเบาๆ
“หึ ก็แหงล่ะ แกปากดีเกินนี่นะ เอาล่ะฉันไม่กวนล่ะ แล้วเจอกัน” ชัชวางสายแล้วบังเอิญสายตาก็เหลือบไปเห็นร่างเล็กแสนคุ้นตาเดินเข้าไปในโรงแรมที่ให้บริการรายวันกับชายหนุ่มคนหนึ่งด้วยท่าทางเร่งรีบ
“ยายเด็กใจแตกนั่นก้าวหน้าขนาดเดินเข้าโรงแรมกับผู้ชายหน้าตาเฉยเลยรึเนี่ย แล้วเรียนจบกันรึยัง” ชัชเดินตามเข้าไปอย่างไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องเดินตามศรัญรัตน์ไปด้วย...
ทางด้านศรัญรัตน์ที่เดินมากับเพื่อนชายคนสนิทนั้นก็กำลังเคร่งเครียดเมื่อได้รับข่าวไม่ดีว่าเพื่อนในกลุ่มของตนถูกล่อลวงมาที่นี่ เธอกับ แสงศร จึงรีบตามมาช่วยแต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับความร่วมมือจากพนักงานของโรงแรม
“พี่คะ บอกมาดีกว่าว่าผู้หญิงคนนี้อยู่ห้องไหน”
ศรัญรัตน์เอารูปของ นารี เพื่อนของตนที่ถ่ายไว้ในโทรศัพท์เปิดให้พนักงานดู แต่พนักงานทำไม่รู้ไม่ชี้
“น้องครับหากจะเปิดห้องก็เปิดเลยดีกว่าไม่ต้องมาอายทำท่าว่ามาหาเพื่อน”
“พวกคุณกำลังทำผิดนะ เพื่อนของผมถูกล่อลวงมาและไอ้พวกนั้นมันก็มีตั้งหลายคนไม่แน่พี่อาจจะมีส่วน เราแจ้งความไว้แล้วด้วยไม่นานตำรวจจะมา”
“อย่ามาหัวหมอน่าไอ้น้อง นึกว่ากูกลัวเหรอวะ” พนักงานชายท่าทางเหมือนเด็กติดยาทำท่าไม่พอใจและมองศรัญรัตน์ด้วยแววตาหื่นกระหาย
“แหมพี่ หากไม่แน่จริงพวกหนูไม่กล้ามากันแค่นี้หรอก ก็ได้ถ้าพี่ไม่บอกว่าเพื่อนหนูอยู่ห้องไหน จะเคาะมันทุกห้องเลย ข้อหาบุกรุกไม่รุนแรงเท่าเปิดโรงแรมเถื่อนรู้เห็นเป็นใจคดีข่มขืนกระทำชำเราหรอก”
“เฮ้ย นี่พูดไม่รู้เรื่องเหรอวะ จะตามหาเพื่อนไปตามหาที่อื่น”
“ไม่ไปโว้ย พวกฉันตามจีพีเอสเพื่อนมาไม่มีทางผิดแน่นอน อีกอย่างฉันเห็นว่าพวกมันพาเพื่อนฉันมาที่นี่ ศรจัดการเคาะทุกห้องเลย” ศรัญรัตน์บอกเพื่อนแล้วแสงศรก็ทำท่าจะเดินไปเคาะทุกห้องพร้อมทั้งร้องเรียกนารีลั่น โรงแรมซึ่งเป็นตึกแถวแคบๆ สูงประมาณสามชั้นนั้นไม่ได้กว้างขวางเกินที่เสียงของพวกเธอจะดังพอให้ทุกคนแตกตื่น
“นารี เธออยู่ไหน พวกเรามาช่วยแล้ว นารีๆๆ” แสงศรตะโกนลั่น พนักงานชายสามคนเห็นท่าไม่ดีจะเข้ามาขวางและหมายจะจัดการกับสาวน้อยตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มแต่พอปรี่เข้ามาศรัญรัตน์ก็ถีบเข้าที่ท้องของชายคนแรกเต็มแรงจนมันล้มยิ่งสร้างความไม่พอใจให้มันมาก
“หน็อยนังตัวแสบ เก่งนักเหรอมึง” ชายทั้งสามคนกรูกันเข้ามาหมายจะจัดการกับคนทั้งสองอย่างขุ่นใจ แสงศรหันมาแล้วเตะเข้าที่ชายโครงของชายคนหนึ่งในขณะที่อีกสองคนกำลังรุมกินโต๊ะศรัญรัตน์อยู่ แต่สาวน้อยร่างปราดเปรียวใช้ความว่องไวหลบหลีกได้พร้อมทั้งเคาะประตูไปด้วยปากก็ร้องตะโกนไปด้วย
“ช่วยด้วยค่ะๆๆ นารีๆ พวกเรามาแล้ว” เสียงร้องโวยวายดังกึกก้องไปทั้งตึกทำให้มีบางห้องเปิดประตูออกมาดูแต่การต่อสู้ของศรัญรัตน์และแสงศรกับชายทั้งสามก็ไม่หยุดลง...
“โอ๊ย อะไรกันวะ เฮงซวยจริงๆ โรงแรมนี้” ชายหนุ่มหนึ่งเดินหน้ายุ่งออกมาจากห้องพร้อมด้วยหญิงสาวหุ่นอวบอัดอีกหลายๆ ห้องก็เปิดออกมา ศรัญรัตน์ฉวยโอกาสวิ่งไปดูก็ยังไม่พบว่าเพื่อนของตนอยู่ห้องไหน และในขณะนี้พวกนักเลงที่คุมโรงแรมนี้อยู่ก็พากันมาสมทบอีกสองคน ร่างบางวิ่งฉิวขึ้นไปชั้นบนทันทีปากก็ร้องตะโกนและทุบประตูห้องไปด้วย แสงศรเองก็วิ่งตามไปติดๆ และสายตาก็มองหาทางหนีทีไล่ไว้ด้วย เพราะหากตำรวจมาช้าพวกเธอเสร็จโจรแน่ๆ
“ไปจับตัวนังนั่นมา แล้วจัดการมันอย่าให้แหกปากได้อีก”
