บทที่ 9. การกลับมาของปานชนก
สิงหราชกับชัชกลับเข้ามาด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งเพราะเรื่องราวของปานชนกยังคงวนเวียนอยู่ในหัววันนี้เขายังไม่ได้กลับไปเชียงใหม่เพราะยังมีงานอื่นต้องสะสางชายหนุ่มจึงโทร. ไปหาอัจฉรียาพรก็ปรากฏว่าภรรยาคนสวยไม่ได้รับสายแต่เป็นพนักงานของเธอมารับแทนเขาก็ได้แต่ฝากข้อความไว้สั้นๆ ว่าคิดถึง และไม่รู้ว่าคนที่เขาคิดนั้นจะรับรู้หรือเปล่า
“แกกลับไปก่อนก็ได้นะสิงโต ทางนี้ฉันจัดการได้”
“ไม่เป็นไร ทางนั้นไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
“แน่ใจเหรอ..” ชัชหันมามองเพื่อนนักที่มีสีหน้ายุ่งยากใจ
“ฉันว่าแกควรเอาใจใส่น้องอิ่มอุ่นมากกว่าจะมากังวลกับเรื่องของนกนะ”
“ฉันแค่สงสารและอยากช่วยนก ความจริงแล้ว ไอ้หมอนั่นมันไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับนกนะ”
สิงหราชถอนใจเพราะถึงอย่างไรปานชนกก็เป็นผู้หญิงและถูกเอารัดเอาเปรียบ
“แต่นกเป็นคนยืนยันจะอยู่กับเขาเอง ซึ่งเราไม่สามารถทำอะไรได้แกก็รู้”
“ใช่ ฉันรู้ ถึงแม้นกจะเต็มใจอยู่ แต่แกก็เห็นว่านกไม่มีความสุข เรื่องมันควรจะจบมั้ยวะ”
“มันก็พูดยากนะ หากเป็นแกก็คงมีความรู้สึกไม่ต่างจากครูซ เรื่องความรู้สึกมันพูดยากนะ แกเองก็รู้ไม่ใช่เหรออย่างไอ้ซันกว่ามันจะปลงได้ก็เกือบเสียลูกเสียเมียไปเพราะความแค้นงี่เง่านั่น” สิงหราชนิ่งงันไปกับเหตุผลของชัช
จริงอย่างที่ชัชว่า เขาเองก็มีน้องสาวหากใครมาทำร้ายน้องสาวของตนอย่างที่ทำกับคนรักของครูซเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะยืนมองศัตรูอยู่แบบสุขสบายได้ไหม
“นายเกรียงไกรก็รับโทษของตัวเองไปแล้ว แต่นกก็ต้องมารับเคราะห์ไปด้วย ฉันก็อยากจะเข้าข้างครูซนะแต่นกก็ไม่ควรจะมารับกรรมด้วย” สิงหราชเอ่ยปลงๆ
“ก็ดีกว่านกถูกฉุดไปปู้ยี่ปู้ยำแล้วมีชะตากรรมอย่างคนรักของครูซไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยๆ ฉันเชื่อว่านายนั่นมีความรู้สึกพิเศษกับนกไม่อย่างนั้นคงทำร้ายเธอหรือไม่ก็ทำกับเธอเหมือนที่คุณลุงทำ” ชัชตั้งข้อสังเกต
“แกคิดแบบนั้นเหรอ”
“ก็ดูสายตาเวลามันมองแกสิ เหมือนอยากจะฆ่าหมกไร่กาแฟยามที่นกคุยกับแก” สิงหราชครุ่นคิดแล้วก็พยักหน้า
“ฉันก็ได้แต่หวังว่านายคิดถูกและนกหลุดพ้นจากความแค้นบ้าๆ นั่นเสียที”
“ฉันก็เอาใจช่วยขอให้เรื่องร้ายๆ ผ่านไป” สองหนุ่มยิ้มให้กันบางๆ แล้วทำงานของตนต่อ ช่วงนี้มีพนักงานบางคนประท้วงเรื่องโบนัสปลายปีและทำท่าจะบานปลายทำให้พวกเขาต้องเร่งรีบจัดการปัญหาที่จะเกิดขึ้น ซึ่งพนักงานคนนี้เป็นคนที่เคยทำงานมาตั้งแต่รุ่นของพ่อปานชนกและพวกเขาก็กำลังหาหลักฐานเพื่อเอาผิดพนักงานคนนี้อยู่เพราะพนักงานคนนี้คดโกงเบียดบังผลประโยชน์ของบริษัทอยู่...
ทางด้านอัจฉรียาพรกำลังรอให้สามีกลับบ้านด้วยใจจดจ่อและเข้าใจดีว่าเขากำลังงานยุ่งและกลับช้าจากกำหนดการเดิม จริงๆ แล้วตอนที่สิงหราชโทร. มา เธอเองก็อยู่ไม่ได้ไปไหน แต่ที่ให้พนักงานรับโทรศัพท์ให้เพราะยังขัดเขินที่จะพูดคุยกับเขา และในใจก็คิดว่าอยากจะเซอร์ไพรส์เขาเรื่องที่ตนท้อง
“เล่นอะไรเป็นเด็กๆ” ปลายฝนว่าคนที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวอย่างหมั่นไส้
“ป่านนี้พี่สิงโตใจขาดแล้วมั้งคิดถึงเมีย..”
“ขอให้คิดถึงอิ่มอุ่นจริงๆ เถอะไม่ใช่คิดถึงคนอื่น”
“อย่างพี่สิงโตน่ะหรือจะคิดถึงคนอื่น หายใจเข้าก็อิ่มอุ่น หายใจออกก็อิ่มอุ่น” อัจฉรียาพรหน้าแดงทั้งตื้นตันใจและปลาบปลื้มที่รู้ว่าสิงหราชรักตนแค่ไหน
“อิ่มอุ่นก็คิดถึงพี่สิงโตเหมือนกันล่ะน่า”
“คิดถึงแล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์ล่ะ”
“แหม ก็ยังเขินอยู่..” หญิงสาวหน้าแดงเขินอาย
“จ้ะ แม่คนขี้อาย” ปลายฝนทำเสียงประชดในลำคอ ทั้งสองสาวช่วยกันเลือกรูปแบบผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่จะทำเร็วๆ นี้ และอัจฉรียาพรก็มาขอให้ปลายฝนช่วยเลือกและออกแบบเพราะปลายฝนเป็นคนที่รสนิยมและมีฝีมือทางด้านออกแบบผลิตภัณฑ์อยู่ไม่น้อย
อัคราอุ้มลูกเข้ามาเยี่ยมหน้าดูภรรยากับน้องสาวแล้วก็พาลูกๆ ออกไปเล่นด้านนอกเมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังยุ่ง ตอนนี้เสือร้ายอย่างเขากลายเป็นแมวน้อยแสนเชื่อง ภรรยาบอกอะไรก็ไม่เคยขัดใจสักครั้ง จนใครๆ ต่างก็ชื่นชมและอดทึ่งไม่ได้ว่าอัคราชายหนุ่มผู้เย็นชาแกร่งกระด้างที่เคยใจร้ายใจดำกับปลายฝนมาก่อนจะเป็นคนที่รักลูกรักภรรยารักครอบครัวได้ถึงเพียงนี้...
วันนี้สิงหราชจะกลับมา.. ใจสาวเต้นระส่ำหวั่นไหว เฝ้ารอการกลับมาของสามีอย่างใจจดจ่อ อัจฉรียาพรแต่งตัวสวยเป็นพิเศษโชคดีที่เธอมีอาการแพ้ท้องนิดหน่อยไม่ได้มีอาการคลื่นไส้อาเจียนเหมือนที่เคยอ่านในหนังสือหรือเคยเห็นปลายฝนแพ้ท้อง เธอเพียงแค่อยากกินของเปรี้ยวและง่วงนอนและกินอาหารบางอย่างไม่ได้เท่านั้น แต่อาการโดยรวมนั้นปกติจนไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังตั้งท้องได้สองสัปดาห์แล้วและเธอก็ไปฝากครรภ์แล้วเรียบร้อยซึ่งเธอคิดว่าจะบอกทุกคนหลังจากที่สิงหราชกลับมา...
“พี่อิ่มอุ่นขา พี่อิ่มอุ่น..” เสียงน้องกระต่ายร้องเรียกมาแต่ไกลทำให้หญิงสาวเดินลงบันไดมาเร็วๆ เมื่อน้องสาวสามีมาหาถึงบ้าน
“มีอะไรจ๊ะกระต่ายทำเสียงตื่นมาเชียว”
“พี่สิงโตกลับมาแล้วค่ะ”
“จริงเหรอ..” อัจฉรียาพรยิ้มกว้างและกำลังจะเดินออกไปรับสามีด้วยความดีใจ
“เดี๋ยวค่ะ..” สิริรดาดึงข้อมือเธอไว้สีหน้าดูกระอักกระอ่วนใจ อัจฉรียาพรขมวดคิ้วมองน้องกระต่ายอย่างไม่เข้าใจ
“มีอะไรหรือ..”
“คือ...” สาวน้อยทำท่าอึกอักๆ อัจฉรียาพรเริ่มใจคอไม่ดีสะบัดมือเบาๆ แล้วเดินไปที่เรือนใหญ่ทันทีด้วยใจเต้นระทึก และกังวล กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับสิงหราช...
อัจฉรียาพรรู้สึกตัวเย็นเฉียบก้าวขาแทบไม่ออกเมื่อเดินขึ้นเรือนใหญ่มาก็พบว่านอกจากจะมีคนในครอบครัวของสิงหราชแล้วยังมีใครอีกคนที่นั่งพับเพียบอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มที่ชานเรือนกว้างขวางร่มรื่นซึ่งทุกๆ วันเธอจะมานั่งรับประทานอาหารกับพ่อแม่ของสามี และที่ตรงนี้จะเป็นเสมือนห้องรับรองที่ใช้รับแขกหรือทำกิจกรรมร่วมกันของคนในครอบครัว
สิงหราชหันมาพบเธอก็ยิ้มกว้างแล้วรีบลุกขึ้นมาหาทันที อัจฉรียาพรพยายามทำตัวให้เป็นปกติไม่ให้ใครรู้ว่าตอนนี้เธอรู้สึกอย่างไร
“อิ่มอุ่น คิดถึงจัง..” ชายหนุ่มบอกพร้อมทั้งก้มลงหอมแก้มนวลฟอดใหญ่ อัจฉรียาพรใจเต้นกระหน่ำทั้งคิดถึงเขาและหวั่นระแวงแต่ทำเพียงนิ่งเงียบ
“เอ่อ อิ่มอุ่นจ๊ะ นกจะมาพักอยู่ที่นี่กับเราสักพักนะ” สิงหราชเอ่ยขึ้นขณะพาเธอมานั่งลงข้างๆ ปานชนกที่หันมามองเธอด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก อัจฉรียาพรพยักหน้าช้าๆ แล้วยิ้มบางๆ ให้ปานชนกว่าตนรับรู้การมาของเจ้าหล่อน แม้พยายามจะทำตัวให้เป็นปกติแต่อัจฉรียาพรกลับรู้สึกหูอื้อตาลายใจสั่นหวิวขึ้นมาอย่างไม่อาจจะควบคุมได้
“อิ่มอุ่นเป็นอะไรรึเปล่าลูกหน้าซีดๆ” แม่เลี้ยงเกศราเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นศรีสะใภ้มีอาการผิดปกติไป
“อิ่มอุ่นรู้สึกไม่สบายนิดหน่อย เมื่อคืนคงทำงานดึกน่ะค่ะ”
“พี่บอกแล้วว่าอย่าหักโหมทำงาน โทร. มาก็ไม่รับ น่าตีจริงเด็กดื้อ” สิงหราชลูบไล้เรือนผมหยักสลวยของภรรยาเบาๆ แล้วเกลี่ยแก้มนุ่มอย่างแสนรัก ท่าทางที่เขาแสดงออกต่อเธอนั้นอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรักที่ใครๆ ต่างก็มองออก
“อิ่มอุ่นต้องรีบทำก่อนปีใหม่ค่ะ เอ่อ ถ้ายังไงอิ่มอุ่นขอตัวก่อนนะคะ พอดีนัดฝนไว้” อัจฉรียาพรตัดสินใจเอ่ยขึ้นแล้วลุกเดินออกไปเงียบๆ โดยไม่ได้ทักทายปานชนก สิงหราชรีบเดินตามภรรยาออกมาทันทีเช่นกัน
“เดี๋ยวสิอิ่มอุ่น ไปหาหมอไหม ท่าทางอิ่มอุ่นดูไม่ดีเลย”
“ไม่ค่ะ ไม่ต้อง ขอตัวนะคะ”
“โกรธพี่เหรอครับ” สิงหราชดึงมือเล็กไว้แล้วจับร่างระหงให้หันมาเผชิญหน้า
“ไม่ค่ะ จะโกรธเรื่องอะไรล่ะคะ”
“ก็เรื่องนก..”
“พี่สิงโตคิดว่าอิ่มอุ่นจะต้องเอาใจใส่ผู้หญิงของพี่ด้วยเหรอคะ” อดไม่ได้ที่จะประชด แล้วเมินหน้าหนีด้วยความน้อยใจ เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกันว่าทำไมช่วงนี้อารมณ์เธอแปรปรวนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายทั้งที่ก่อนหน้านี้คิดว่าจะพูดกับเขาดีๆ มีเรื่องมากมายจะพูดคุยกับสิงหราช เธอจะบอกรักเขาจะเอาใจเขาบ้าง แต่มาตอนนี้เธอกลับมีอารมณ์หลากหลาย อาจจะเป็นเพราะเธอกำลังท้องและปานชนกเข้ามาแทรกในชีวิตครอบครัวของเธอกระมัง อัจฉรียาพรให้เหตุผลกับตัวเอง
“อิ่มอุ่น... พี่เคยบอกแล้วว่าพี่กับนกไม่เคยมีอะไรกัน ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหน..”
“ก็ช่างสิคะ ไม่เห็นจะสนใจ แค่นี้ใช่ไหมคะที่จะพูด หมดเรื่องแล้วอิ่มอุ่นจะได้ไปทำงาน”
“ไม่ไปไม่ได้เหรอ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน คิดถึงจะแย่..” คนพูดเริ่มเสียงพร่าและดวงตาคมก็พราวพราย อัจฉรียาพรหน้าแดงอย่างช่วยไม่ได้ แต่เพราะทิฐิในใจทำให้เธอตัดสินใจสะบัดหน้าเดินหนีเขามาและสิงหราชก็ไม่ตามมาเซ้าซี้ยิ่งทำให้คนที่น้อยใจอยู่แล้วน้อยใจมากขึ้นและขุ่นเคืองมากขึ้นด้วย...
อัจฉรียาพรรีบขับรถออกมาให้พ้นจากบริเวณบ้านหลังงาม และทันทีที่พ้นรัศมีรั้วอันงดงามเธอก็ปล่อยน้ำตาไหลพรากทันที หญิงสาวจอดรถข้างทางแล้วซบหน้าลงกับพวงมาลัยสะอื้นไห้ออกมาอย่างน้อยใจและหวั่นไหวกับอารมณ์อันไม่มั่นคงของตัวเอง...
ปลายฝนมองคนที่นั่งเหม่อลอยอยู่เงียบๆ แล้วก็ถอนใจหันมาพูดกับสามีที่กำลังเดินเข้ามาหาอย่างกังวลใจ
“พี่ซันรู้เรื่องที่พี่สิงโตพากิ๊กเก่ากลับมาด้วยไหมคะ”
“ไอ้สิงโตน่ะนะ”
“ค่ะ ก็พี่สิงโตพาปานชนกมาที่คุ้มด้วย”
“นี่ฝนก็คิดว่าเขาเป็นกิ๊กกันด้วยเหรอ”
“ก็อิ่มอุ่นบอกแบบนั้นแล้วถ้าไม่ใช่พามาที่นี่ทำไมละคะ ทั้งที่หายหน้าไปนาน หรือมีอะไรที่มากกว่านั้น” ปลายฝนถามสามีอย่างสงสัย
“เดี๋ยวพี่จะถามมันให้ละกัน ว่าแต่อิ่มอุ่นดูอาการไม่ดีเลยนะ ฝนช่วยดูแลหน่อย เดี๋ยวจะแย่” อัคราบอกภรรยาทั้งห่วงใยน้องสาวอยู่ไม่น้อย แต่เขาคิดว่าให้ผู้หญิงคุยกันเองดีกว่าส่วนตัวเขาจะไปคุยกับสิงหราชให้รู้เรื่องว่ามีเรื่องอะไรกัน น้องสาวของตนถึงได้ทำเหมือนคนป่วยทางใจแบบนี้...
อัจฉรียาพรกลับเข้ามาในบ้านก็เป็นเวลาค่ำพอดี วันนี้เธอไม่ได้ไปรับประทานอาหารกับพ่อแม่สามีและได้โทร. มาบอกพวกท่านไว้แล้วเพื่อไม่ให้พวกท่านเป็นห่วง วันนี้ทั้งวันสิงหราชไม่ได้โทร. หาเธอ และอัจฉรียาพรเองก็ไม่ได้โทร. หาเช่นกัน
“พี่อิ่มอุ่นคะ..”
“อ้าวกระต่ายมารอพี่หรือยังไง มีอะไรรึเปล่า” อัจฉรียาพรลงจากรถก็พบว่าน้องกระต่ายมายืนรอ เมื่อเช้าเธอเองก็ยังไม่ทันได้พูดคุยกับน้องกระต่ายเลยและรู้สึกเสียมารยาทอย่างบอกไม่ถูก
“จริงๆ แล้วกระต่ายไม่มีหรอกค่ะ แต่พี่สิงโตมี”
“เขามีอะไรหรือ” ทำเป็นไม่สนใจแต่ในใจนั้นอยากรู้ว่าสิงหราชมีอะไร
“วันนี้พี่สิงโตไปกรุงเทพฯ ค่ะ ไปด่วน เพราะที่บริษัทมีปัญหาใหญ่และวุ่นวายมากเลยไม่ทันได้บอกใครแม้แต่คุณพ่อคุณ ก่อนไปกระตายเจอกับพี่สิงโตพอดีก่อนออกจากบ้านพี่อิ่มอุ่นคลาดกับพี่สิงโตแป๊บเดียวเองค่ะ ยังไงกระต่ายไปหาคุณพ่อคุณแม่ก่อนนะคะ”
“จ้ะ..” อัจฉรียาพรมองตามร่างบอบบางของสาวน้อยในชุดนักศึกษาไปอย่างเป็นกังวลใจไม่น้อย เธอพอรู้มาว่าทางบริษัทของเขากับชัชมีปัญหาการทุจริตอยู่แต่ไม่คิดว่ามันจะบานปลายใหญ่โต ทั้งที่เขาเพิ่งกลับมาและต้องกลับไปอีกมันคงไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ แน่นอน...
อัจฉรียาพรถอนหายใจแล้วเดินไปยังเรือนของตนเงียบๆ แต่ในใจก็ทั้งกังวลเรื่องสิงหราชและอีกใจก็กำลังคิดเรื่องปานชนก แล้วปานชนกจะพักอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแต่แล้วเธอก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคนที่กำลังนึกถึงอยู่เดินมาหยุดตรงหน้า
“เรือนหอสวยดีนะ” ปานชนกเอ่ยขึ้นก่อน
“ขอบใจ..” อัจฉรียาพรตอบสั้นๆ
“จะไม่ถามหน่อยเหรอว่าทำไมฉันถึงมาที่นี่อีก” อัจฉรียาพรมองสบตาคนตรงหน้าอย่างพิจารณา ปานชนกเปลี่ยนไปมากอย่างเห็นได้ชัด ดูคล้ำกว่าเดิมแต่ก็ดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลร่างระหงสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาไม่ได้มีสีสันฉูดฉาดหรือแบบทันสมัยอย่างที่เคยเห็นจนชินตา แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนสวยอย่างปานชนกดูแย่ลงกว่าเดิมกลับทำให้ดูดีน่ารักกว่าเดิมมาก และอัจฉรียาพรก็ยอมรับโดยดีว่าชอบปานชนกในแบบนี้มากกว่าเพราะดูเป็นธรรมชาติสบายตากว่าที่เห็นหญิงสาวตรงหน้าแต่งตัวฉูดฉาดทันสมัย แต่แววตาของปานชนกเหมือนมีอะไรเคลือบแฝงอยู่ ซึ่งอัจฉรียาพรไม่อยากจะคิดอะไรในแง่ลบให้ตัวเองเจ็บปวดมากกว่านี้
“ไม่รู้จะถามอะไร” เธอบอกปานชนกสั้นๆอีกฝ่ายแค่นยิ้มบางๆ เหมือนเยาะ แต่เยาะใครล่ะ..
“สิงโตโชคดีนะที่มีภรรยาที่สวยและเก่งแบบเธอ”
“ขอบใจ”
“แต่ฉันก็คิดว่าเธอยังไม่เหมาะกับสิงโต..”
“แล้วเธอคิดว่าตัวเองเหมาะเหรอ” อัจฉรียาพรถามกลับแล้วนิ่งมองคนตรงหน้าอย่างอดทน อดทนกับความร้อนรนในอกของตัวเองนี่ล่ะ
“ฉันแอบชอบสิงโตมานาน...” ปานชนกพูดขึ้น
“แล้วยังไง”
“แต่เขากลับมาเลือกเธอ..”
“เขาคงรักฉัน..” อัจฉรียาพรอดที่จะข่มคนตรงหน้าไม่ได้แม้ความมั่นใจที่เคยมีจะสั่นคลอนไปบ้างแต่เธอก็พยายามจะเชื่อว่าสิงหราชรักเธอเหมือนที่ปลายฝนบอก
“ก็อาจจะใช่ หรืออาจจะไม่ใช่”
“เธอต้องการอะไร..” ในที่สุดอัจฉียาพรก็อดรนทนไม่ไหว
“ฉันท้อง..”
คำตอบของปานชนกเหมือนฟ้าฟาดลงมากลางใจอันบอบบางของเธอ อัจฉรียาพรนิ่งงันไปร่างกายชาวาบจนไม่อาจจะขยับไปไหนได้ สมองเริ่มมึนไม่สั่งการอะไรไปชั่วขณะ
“บอกฉันเพื่อ..?” ไม่รู้ว่าหาเสียงตัวเองเจอได้อย่างไรแต่สุดท้ายเธอก็ถามออกไปเสียงแผ่ว
“ก็แค่บอกให้รู้แค่นั้นล่ะ ฉันจะพักอยู่ที่นี่จนกว่าจะคลอดและสิงโตจะรับเป็นพ่อเด็กด้วย..” พูดจบปานชนกก็เดินจากไป
อัจฉรียาพรยืนนิ่งอยู่กับที่ร่างกายเหมือนจะอ่อนเปลี้ยสิ้นเรี่ยวแรงเสียตรงนั้น แต่เธอก็พยายามพยุงร่างเดินกลับเข้ามาถึงห้องนอนของตนได้และเมื่อถึงเธอก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มทันทีแล้วร้องไห้ออกมาเงียบๆ ใจดวงน้อยเจ็บปวดเกินจะบรรยาย คิดไปต่างๆ นานา และทุกความคิดล้วนแต่ทำให้เธอเจ็บปวด...
