บทที่ 5. ดวงใจหลุดลอย..
ปานชนกลงจากรถของสิงหราชซึ่งมาส่งเธอก่อนที่พวกเขาจะเดินทางกลับเข้าไปในเมือง ปานชนกก็เดินกลับเข้ามาในบริเวณบ้าน เธอเห็นครูซยืนหน้าตึงอยู่บนระเบียงบ้านและกำลังมองมาที่ตน ปานชนกทำเป็นไม่เห็นและไม่อยากทักทายเขาด้วยกลัวว่าเขาไม่พอใจที่เธอแสดงออกนอกหน้าว่าพิเศษกว่าคนงานคนอื่นๆ
ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ปานชนกเจียมเนื้อเจียมตัวเสมอ ไม่เคยคิดว่าตนเองพิเศษกว่าคนอื่น และยอมรับโทษทัณฑ์ของตนเองแต่โดยดีเพราะไม่อยากเจ็บตัวและยังแอบสงสารคนที่กำลังมองเธอตาเขียวขุ่นอยู่ตอนนี้ด้วย
แทนที่จะสงสารตัวเองเธอจะไปสงสารเขาทำไมหนอปานชนก... หญิงสาวอดขันตัวเองไม่ได้ แต่สำหรับเธอแล้วครูซน่าสงสารที่เขาต้องนอนฝันร้ายและทนทุกข์ทรมานใจมาหลายปีเพราะสูญเสียคนรักไปพร้อมลูกในท้อง...
“หน้าบานมาเชียวนะ อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนให้คนอื่นทับรอยผัว”
“คุณครูซ..” ยามอยู่ต่อหน้าคนอื่นเธอจะต้องเรียกเขาเช่นนี้ แต่หากอยู่ในอารมณ์รักร้อนแรงเธอจะเรียกเขาว่าพี่ช้างเสมอ แม้แต่ชื่อของเขาเธอยังเรียกพร่ำเพรื่อไม่ได้ หญิงสาวอดน้อยใจไม่ได้อีกเหมือนกัน ด้วยความที่ท้องอ่อนๆ อารมณ์ของเธอแปรปรวนจนน่าเวียนหัว แต่สิ่งที่ปานชนกต้องพยายามบอกตัวเองอยู่เสมอนั่นคือห้ามแสดงอาการผิดปกติใดๆ ให้เขารู้และโชคดีที่เธอเพียงแค่อ่อนเพลียง่ายและอยากจะนอนอยู่เรื่อยและอยากจะกินแต่ของเปรี้ยวๆ เท่านั้น และหากคลื่นไส้เธอจะแอบไปอาเจียนในห้องน้ำไม่ให้ใครผิดสังเกต...
“ทำไม พูดแทงใจดำเหรอ พอให้ไปพักที่อื่นได้หน่อยลงรถมาระริกระรี้พออยู่กับผัวทำท่าเศร้าสร้อยหงอยเหงาเจ้าน้ำตา”
“มันจะมากไปแล้วนะคะ การที่ฉันยอมคุณก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะข่มเหงจิตใจฉันได้ต่างๆ นานา กรุณาให้เกียรติกันด้วย” ปานชนกคนเดิมกลับเข้ามาสิงสู่ในกายเธอเป็นบางครั้ง แต่ไม่บ่อยนักแต่เพราะอารมณ์คนท้องปานชนกพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ให้อารมณ์ของตนแกว่งไปมากกว่านี้เมื่อรู้ตัวหญิงสาวจึงจะเดินเลี่ยงไปหากว่าครูซไม่เดินลงมาคว้าแขนของเธอไว้ก่อน
“เดี๋ยว จะรีบไปไหน”
“ไม่อยากอยู่ใกล้คนพาลค่ะ ปล่อย ฉันจะไปกินข้าวเสร็จแล้วจะเข้าไร่” ปานชนกพยายามสะบัดแขนออกจากมือใหญ่แต่ครูซไม่ยอม
“ไม่ได้ ต้องมาให้ฉันตรวจร่างกายก่อนว่ามีใครทับรอยฉันไหม”
“ไม่นะ นี่คุณ หยาบคายที่สุดฉันไม่ใช่ผู้หญิงสำส่อนนะ” ปานชนกพยายามบิดกายหนีเขายิ่งเขาแสดงอาการอยากเอาชนะเธอเองก็อยากจะเอาชนะเขาให้มากกว่าทั้งที่ปกติเธอจะยอมเขาเสมอแต่ด้วยความวิตกจริตปานชนกกลัวว่าครูซจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตนซึ่งความจริงแล้วคนเพิ่งจะตั้งท้องร่างกายยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่
“แบบนี้มันน่าสงสัยเธอไปนอนกับแฟนเก่าใช่ไหม”
“คนบ้า อย่ามากล่าวหากันนะ”
“ถ้างั้นก็ต้องให้ฉันตรวจ”
“ไม่.. อย่ามายุ่งนะ คุณไม่อายรึไงนี่เช้าแล้ว คนงานเขาจะเข้ามาเห็นว่าคุณมาวอแวกับฉัน”
“ทำอย่างกับว่าคนที่นี่เขาไม่รู้ว่าเธอกับฉันเป็นอะไรกันงั้นล่ะ”
“ใช่สิ ฉันมันแค่นางบำเรอ คุณจะเหยียบย้ำยังไงก็ได้ จะเฉดหัวทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ ฉันไม่มีศักดิ์ศรีไม่มีความดีอะไรอยู่แล้ว คุณถึงจะทำอะไรประจานฉันต่อหน้าคนอื่นยังไงก็ได้” ด้วยอารมณ์อันอ่อนไหวแปรปรวนปานชนกก็น้ำตารื้นขึ้นมาทันที ครูซได้สติรู้ตัวว่าเอาแต่ใจเกินไปแต่เพราะอยากเอาชนะและหึงหวงจึงตวาดกลับ
“ถ้าไม่อยากอยู่ที่นี่ก็รีบท้องสิ คลอดแล้วเอาลูกไว้ให้ฉันส่วนตัวเธอจะไปไหนก็ไป ทุกอย่างก็จบตามที่เราตกลงกันไว้” คำพูดของเขาเหมือนมีดที่กรีดลงบนใจอันบอบบาง
ปานชนกนอนคิดมาทั้งคืนว่าจะทำอย่าง จะทนได้ไหมหากจะต้องคลอดลูกทิ้งไว้ให้เขาจริงๆ และคำตอบที่ได้คือ ทนไม่ได้ เธอรู้ดีว่าการขาดแม่มันเป็นอย่างไร และก็ไม่อยากให้ลูกของเธอเติบโตมากับพ่อที่มีแต่ความแค้นและที่สำคัญปานชนกกลัวว่าครูซจะสอนให้ลูกของเธอมีนิสัยแย่ๆ เหมือนเธอ...
“ฉันจะรีบท้องและรีบคลอดแล้วไปจากที่นี่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เพราะฉันจะถือว่าเด็กคนนี้เป็นคนที่จะปลดปล่อยฉันกับคุณให้หลุดพ้นจากความแค้นๆ บ้าๆ นี่เสียที..” พูดจบปานชนกก็ผลักกว้างของคนที่ยืนนิ่งงันอย่างแรงแล้ววิ่งหนีเขาไปที่ห้องพักของตนเอง
ครูซได้แต่มองตามหญิงสาวที่อยู่ในห้วงคำนึงของตนทุกลมหายใจไปด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก..
“ปากเสียแต่เช้าก็แบบนี้ล่ะค่ะ คุณนกน่าจะกลับไปพร้อมกับคุณๆ พวกนั้นเลยนะคะ คนแถวนี้จะได้หายบ้า และตาสว่างเสียที..” เป็นป้ารุ่งอีกนั่นล่ะที่เอ่ยขึ้นแล้วเดินผ่านหน้าเขาไปยังโรงครัว
“โธ่โว๊ยยย..” ครูซหัวเสียอยู่คนเดียวก่อนจะเดินไปที่รถคันโปรดแล้วขับออกไป...
ทางด้านปานชนกที่กลับเข้ามาที่ห้องของตนก็เอาแต่ร้องไห้ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ตอนนี้เธอสับสนและเจ็บปวดเหลือเกิน เธอจะทำอย่างไรต่อไปดี...
“คุณนกคะ..”
“ป้ารุ่ง..”
“มาเถอะค่ะ ป้าจะพาไปจากคนใจร้าย” ปานชนกเงยหน้ามองป้ารุ่งแล้วโผกอดผู้สูงวัยร่ำไห้เหมือนเด็กๆ ป้ารุ่งลูบเรือนผมสลวยเบาๆ อย่างเอ็นดู
ใครกันนะว่าปานชนกร้ายกาจไม่เคยเห็นหัวใคร เอาแต่ใจและไม่รู้จักทำงาน ใครกันนะว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีความเป็นกุลสตรี ไม่มีความเป็นผู้ดี แต่สิ่งที่นางเห็นคือเด็กผู้หญิงที่ขาดความอบอุ่นคนหนึ่งกำลังหลงทางและต้องการความรัก...
ครูซหัวเสียอย่างมากเมื่อกลับมาแล้วพบว่าแม่นกน้อยได้บินหนีเขาไปแล้วด้วยความช่วยเหลือจากคนของเขาเองและเขาก็ไม่อาจจะต่อว่าป้ารุ่งได้ด้วย...
“ไม่ต้องโทษคนอื่นหรอกค่ะ คุณช้างต้องโทษตัวเองที่ทำร้ายจิตใจคุณนก ทำให้ป้าเสียใจที่คุณช้างกลายเป็นคนใจร้ายไม่มีเหตุผล”
“ผมไม่มีเหตุผลตรงไหน ผมทำไปก็เพื่อแก้แค้นให้นิกกี้”
“แล้วคุณช้างคิดว่านิกกี้อยากได้แบบนี้หรือคะ” ชายหนุ่มนิ่งเงียบไม่สามารถตอบคำถามของป้ารุ่งได้
“ป้าจะบอกอะไรให้นะคะ ผู้หญิงเราถ้าไม่รักก็ไม่ยอมขนาดนี้หรอกค่ะ คุณนกรักคุณ เธอรักทุกคน เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อไถ่โทษให้กับความผิดที่เธอไม่ได้ก่อ แล้วคนแบบนี้หรือคะที่ใครๆ ก็กล่าวหาว่าเธอไม่ดี..” ครูซนิ่งเงียบอยู่เช่นเดิม
“ป้าเคยบอกคุณช้างแล้วว่า นิกกี้หมดห่วงบนโลกนี้แล้วแต่เธออาจจะยังไม่ได้ไปสู่สุคติ เพราะเธออาจจะกำลังรอให้คุณช้างปล่อยวางความแค้นในใจ และรอให้คุณเจอใครสักคนที่เข้ามาเติมเต็มสิ่งที่คุณข้างขาดหายไป... พระท่านว่า สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ มันก็อยู่ที่มุมมองของคนเรานะคะว่าจะเลือกสวรรค์เลือกความสุข หรือเลือกนรกคือความทุกข์ให้อยู่กับเรามากกว่ากัน.. คุณนกเธอก็อดทนมาพอสมควรแล้วนะคะ คุณช้างเองก็ควรให้โอกาสตัวเองบ้าง.. สร้างครอบครัวใหม่ไม่ดีกว่าเหรอคะ” ป้ารุ่งเดินออกไปปล่อยให้ครูซนั่งนิ่งอยู่ในห้องทำงานของเขาเพียงลำพัง...
หลายเดือนผ่านไปปานชนกก็ได้เข้ามาเป็นสมาชิกของครอบครัวสิงหราชซึ่งให้การต้อนรับเธออย่างอบอุ่นรวมไปถึงอัจฉรียาพรด้วย แม้คราวแรกที่ปานชนกปรากฏตัวขึ้นที่คุ้มอินคำจะทำให้สิงหราชกับอัจฉรียาพรเข้าใจกันผิด ประกอบกับมีเรื่องราวต่างๆ เข้ามาแทรก จนทำให้สิงหราชต้องง้อเมียด้วยการวิ่งจากเชียงใหม่มาที่พิษณุโลกเพื่อง้อเมียและหาเงินสมทบกับโครงการดัง ซึ่งในที่สุดทั้งสองก็เข้าใจกันได้ดี
“พี่สิงโตคะ พี่นกแอบร้องไห้อีกแล้ว” อัจฉรียาพรบอกสามีในคืนหนึ่ง ตอนนี้เธอท้องได้ห้าเศษเดือนแล้ว ส่วนปานชนกท้องได้ประมาณเจ็ดเดือน
“พี่เห็นแล้วแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง”
“คนอย่างพี่สิงโตนี่นะคะจนปัญญากับปัญหาเด็กๆ”
“โอ้โห ทำไมเมียผมถึงปากคอเราะร้ายแบบนี้ล่ะครับ” สิงหราชยิ้มบางๆ แล้วก้มลงงับบ่าเปล่าเปลือยของภรรยาเบาๆ ร่างอวบอิ่มชุดนอนแบบเสื้อสายเดี่ยวเนื้อนุ่มสวมสบายทำให้สิงหราชพอใจอยู่ไม่น้อยเพราะทำให้เขาได้กำไรเล็กๆ น้อยๆ จากภรรยาสาวที่สวยวันสวยคืน คนอะไรยิ่งท้องก็ยิ่งสวย สวยจนเขาเริ่มร้อนในกายอยากจะรักเมียขึ้นมาตะหงิดๆ
“ก็จริงนี่คะ ทีหลอกล่อให้อิ่มอุ่นติดกับยังทำได้เลย แค่จะช่วยพี่นกให้สมหวังเนี่ยไม่เห็นจะยากตรงไหน”
“โธ่ ก็ที่ทำไปเพราะรักอิ่มอุ่นอยากได้มาเป็นเมียนี่ครับ มันไม่เหมือนกัน”
“ไม่รู้ล่ะค่ะ แต่หลานของอิ่มอุ่นจะต้องมีพ่อและพ่อก็ห้ามชื่อสิงหราชด้วย ไม่งั้นเป็นเรื่องแน่” หญิงสาวหน้าตาขึงขังมองสามีตาขุ่น สิงหราชหน้าจ๋อยแต่ไม่วายจะหาผลประโยชน์ใส่ตัว
“แบบนี้ก็ต้องขอชื่นใจเมียจ๋าก่อนนะครับ เผื่อจะได้ความคิดดีๆ”
“อี๋ คนบ้า พี่สิงโตไม่เอานะคะ เราต้องคุยกันก่อน” อัจฉรียาพรร้องประท้วงสามีเริ่มยุ่มย่ามกับสายเสื้อนอนตัวสวยและไม่นานมันก็ปลิวว่อนพ้นจากกายอวบอิ่มไป...
“เมียใครนะสวยจัง ทั้งหอม ทั้งนุ่ม..” พูดไปก็จูบเบาๆ ไปตามแก้ม คาง เรื่อยมายังเนินอกอวบ ปากร้อนผ่าวแตะแต้มหยอกเย้าตามฐานทรวงอวบใหญ่ทำให้อัจฉรียาพรสั่นระริกด้วยความเสียวกระสันเลือดในกายสาวร้อนระอุขึ้นมาทันที
“อื้อ พี่สิงโตนี่ ดื้อจริง เดี๋ยวสิคะ”
“ไม่เดี๋ยวแล้วทูนหัว เพราะสิงโตน้อยมันกำลังคลั่งอยากจะคำรามแล้ว..” สิงหราชยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ภรรยาที่หน้าแดงตัวแดงก่ำอยู่ใต้ร่างของตน ก่อนที่เขาจะบรรเลงเพลงรักพาภรรยาคนสวยท่องวิมานสวาทอย่างแสนสุขสม...
ปานชนกเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่คุ้มอินจำปาในฐานะลุกสาวบุญธรรมของพ่อเลี้ยงอินคำกับแม่เลี้ยงเกศรา เธอปรับตัวและเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นจนใครๆ ก็รักและชื่นชม และสนิทสนมกับอัจฉรียาพรกับน้องกระต่ายมากขึ้นด้วย ทั้งสามสาวคุยกันถูกคอและน้องกระต่ายเองก็คอยช่วยเหลือสอนงานต่างๆ ในรีสอร์ตให้ปานชนก ซึ่งรีสอร์ตกึ่งโฮมสเตย์ของครอบครัวอภิปัญญานั้นอยู่ในไร่สตรอว์เบอร์รี่ มีร้านของฝากและร้านกาแฟด้วยและปานชนกก็ได้เป็นผู้จัดการร้านกาแฟ เธอทำงานทุกอย่างในร้านอย่างขยันขันแข็งและขอรับเงินเดือนเหมือนคนงานคนอื่นๆ ปานชนกเป็นที่รักของพนักงานในร้านและเธอก็ชงกาแฟอร่อยที่สุดจนลูกค้าและแขกที่มาพักแวะเวียนมาอุดหนุนกันไม่ขาดสาย ทำให้ว่าที่คุณแม่ทำงานอย่างเพลิดเพลินพอได้ลืมบางช่วงเวลาที่เธอต้องเจ็บปวดไปได้บ้าง แต่เมื่ออยู่คนเดียวปานชนกก็มักจะเศร้าซึมและแอบร้องไห้คนเดียวบ่อยๆ
สิงหราชเห็นท่าทางของเพื่อนสาวแล้วก็อดสงสารไม่ได้จึงได้เดินทางมาหาชัชเพื่อปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดีและพวกเขาก็จัดสินใจว่าจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้จบๆ ไป เพราะปานชนกใกล้คลอดเต็มที...
โกสนเดินมาหาเจ้านายหนุ่มที่นั่งซึมอยู่กับขวดเหล้าระเกะระกะใบหน้าหล่อเหลาซูบโทรมเพราะขาดการเอาใจใส่ หลายเดือนมานี้ครูซดื่มแทบทุกวันและบางวันก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง แต่กระนั้นเขาก็ไม่เคยละทิ้งงานของตนยังคงใส่ใจทุกรายละเอียดในไร่เสมอ และหากคนงานคนไหนทำอะไรไม่ถูกใจก็จะโดนด่ากระเจิดกระเจิงใครๆ ก็เข้าหน้าไม่ติดนอกจากป้ารุ่งที่คอยดูแลชายหนุ่มไม่ห่างด้วยรักเสมอ และครูซก็จะอ่อนลงทุกครั้งที่ป้ารุ่งปราม
“พวกคุณสิงโตมาครับ”
“พวกมันมาอีกทำไม ได้เมียฉันไปแล้วยังจะมาหยามกันถึงที่อีกเหรอ” ครูซเสียงดังใบหน้าเครียดขึงลุกขึ้นแล้วเดินปึงๆ ออกมาที่ห้องรับแขก และทันทีที่เห็นสิงหราชก็ปรี่เข้ามาทันที สิงหราชที่ตั้งท่ารอรับอยู่แล้วก็สามารถหลบหมัดลุ่นๆ นั้นได้แต่ก็ไม่สามารถหลบได้ตลอดเมื่อฝีไม้ลายมือการต่อสู้ครูซก็ไม่เป็นรองใคร แล้วสองหนุ่มก็ฟัดกันนัวเนียทั้งหมัดทั้งเข่าทั้งเท้าต่างระดมใส่กันไม่ยั้ง โกสนทำท่าจะเข้าไปช่วยเจ้านายของตนแต่ชัชห้ามไว้...
“ไม่ต้อง นายอยู่เฉยๆ ดีกว่า ปล่อยให้หมามันกัดกันให้น่วมก่อนค่อยเอาน้ำมาสาดให้แยกกัน..” ปกติชัชไม่ใช่คนหยาบคายและเป็นคนค่อนข้างอารมณ์ดีสุภาพเรียบร้อยแบบฉบับหนุ่มมาดนุ่ม โกสนมองหน้าชัชแล้วยืนมองเจ้านายอย่างห่วงใยป้ารุ่งได้ยินเสียงเอะอะจึงวิ่งเข้ามาดูและเมื่อเห็นว่าเจ้านายหนุ่มของตนกำลังสู้อยู่กับใครจึงหยุดยืนดูห่างๆ เพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้ต้องให้หนุ่มๆ เขาเคลียร์กันเอง...
“ไอ้หน้าหมา เป็นช้างตกมันรึไงวะ” สิงหราชคร่อมทับร่างสูงใหญ่พอๆ กับตนไว้หลังจากที่ชกต่อยขับเคี่ยวกันอยู่ครู่ใหญ่...
“เออ มึงมันก็ไอ้สิงโตขี้เรื้อนแย่งเมียคนอื่นแล้วยังมีหน้ากลับมาหยามกูอีก..” ครูซซึ่งก็หน้าปูดบวมไม่ต่างจากสิงหราชนักตะคอกกลับคืน
“เออ ตกลงไอ้พวกหน้าหมา หมาขี้เรื้อนนี่จะคุยกันดีๆ ได้ไหม ฉันขี้เกียจเป็นเจ้าภาพงานศพหมาตัวไหน” ชัชพูดขึ้นแล้วพยักหน้าให้โกสนไปแยกทั้งสองหนุ่มออกจากกัน โกสนค้อมศีรษะให้สิงหราชแล้วค่อยๆ พยุงร่างเจ้านายของตนให้ลุกขึ้น
“พวกฉันมานี่ก็เพราะมีเรื่องจะคุยกับนายในฐานะเพื่อนเป็นครั้งสุดท้าย..” ชัชพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แววตาแข็งกร้าวจริงจัง ครูซกับสิงหราชหันมามองหน้ากันจ้องตากันอยู่ชั่วครู่...
“เข้าไปคุยในห้องทำงานฉัน..” แล้วครูซก็เดินนำหน้า เพื่อนรัก ทั้งสองเข้าไปในห้องทำงานของตน...
ปานชนกตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงานตามปกติ เธอจะปั่นจักรยานไปที่ร้านกาแฟทุกวันเพื่อเป็นการออกกำลังกายไปในตัวด้วย หญิงสาวจอดจักรยานไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าร้านแล้วยิ้มให้พนักงานอย่างสดใสแล้วเดินเข้าไปหลังร้านเพื่อเตรียมตัวทำงาน ร่างอวบอิ่มในอายุครรภ์เจ็ดเดือนเศษไม่ได้เป็นอุปสรรค์ในการทำงานของเธอ ปานชนกเป็นคนที่คล่องแคล่วกระฉับกระเฉงอยู่แล้วจึงทำให้เธอไม่มีปัญหาเรื่องการการเคลื่อนไหวหรือทำงาน ตรงกันข้ามเธอชอบที่ได้ทำงานด้วยซ้ำ เธอไม่เคยคิดเลยว่าการทำงานมันจะสนุกมากกว่าการแบมือขอเงินแล้วได้มาง่ายๆ และเธอก็ขยันจนบางครั้งอัจฉรียาพรต้องมาคอยปรามให้หยุดทำบ้าง
“คุณนกคะ มีแขกมาขอพบค่ะ” คนที่กำลังบรรจงแต่งหน้าเค้กอยู่ชะงัก แล้วหันมามองพนักงานสาวอย่างสงสัย
“วันนี้คุณนกไม่มีแขกนะแจ๋วแหว๋ว..” บอกแล้วหันไปสนใจงานตรงหน้า ที่ร้านกาแฟมีเค้กไขมันต่ำเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกรับประทานคู่กับกาแฟด้วยและสูตรพวกนี้ก็มาจากอัจฉรียาพรคิดขึ้นมาและสอนให้ปานชนกทำ
“เอ่อ ก็จริงค่ะ เขาบอกว่าเป็นสามีคุณนก แจ๋วแหว๋วไม่แน่ใจเลยมาบอกว่าเป็นแขก..” คำบอกเล่าของพนักงานสาวนามแจ๋วแหว๋วทำให้ปานชนกรู้สึกชาวาบไปทั้งกาย มือบางสั่นระริกเหงื่อซึมทั่วร่างกายที่เย็นเฉียบ...
“แจ๋วแหว๋วว่าไงนะ..”
“เขาบอกว่าชื่อคุณช้าง เป็นสามีคุณนกค่ะ..”
“แล้วเขาอยู่ไหน” ปานชนกหน้าซีดละล่ำละลักถาม
“หน้าร้านค่ะ”
“แจ๋วแหว๋วไปบอกเขาว่าคุณนกไม่ได้มาทำงานนะ หรือบอกว่าคุณนกไม่ว่างก็ได้ อย่าให้เขารู้นะว่าคุณนกอยู่ที่นี่” ปานชนกบอกแล้วรีบล้างมือเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายแล้วเดินออกไปทางหลังร้านหันซ้ายหันขวาแล้วกวักมือเรียกพนักงานชายคนหนึ่งมาหา..
“พงษ์ๆ มานี่หน่อย”
“ครับคุณนก”
“ไปส่งคุณนกที่บ้านหน่อยเร็วๆ มีธุระด่วน..” พงษ์พยักหน้างงๆ แต่ก็ทำตามด้วยดีรีบไปขับรถกอล์ฟมาหาปานชนกและหญิงสาวก็รีบก้าวขึ้นไปนั่งสั่งให้พงษ์ออกรถไปทันที ในขณะที่แจ๋วแหว๋วยืนมองการกระทำของปานชนกอย่างงงๆ
“อ้าวแล้วจะทำไงต่อล่ะนี่”
ในขณะเดียวกันปานชนกก็โทรศัพท์กลับมาสั่งงานรองผู้จัดการร้านให้ทำงานแทนตนหนึ่งวันและเมื่อมาถึงบ้านพักหลังเล็กที่เป็นส่วนตัวปานชนกก็รีบเข้าบ้านปิดประตูหน้าต่างอย่างแน่นหนาก่อนจะนั่งลงหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน..
“เขาจะต้องตามมาเอาลูกของเขาแน่ๆ จะทำไงดีๆๆ” ปานชนกคิดด้วยความหวาดหวั่น ทั้งดีใจทั้งเสียใจในเวลาเดียวกันที่ได้ยินแค่ชื่อของครูซ ใจสาวเต้นกระหน่ำเพียงคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาของเขาแต่คำพูดร้ายๆ และขอตกลงที่มีก่อนหน้าเธอจะหนีมาทำให้ปานชนกร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น
“ลูกแม่ ไม่ว่าจะยังไงแม่จะไม่มีวันทิ้งหนู เราจะอยู่ด้วยกัน” หญิงสาวลูบท้องนูนใหญ่ตัวเองเบาๆ เธอได้ลูกแฝดเพศหญิง นั่นยิ่งทำให้ปานชนกดีใจเพราะเธอจะมีตัวแทนของคนที่เธอรักถึงสองคน ลูกของเธอจะต้องน่ารักแน่ๆ หญิงสาวก้มลงมองท้องตัวเองยิ้มทั้งน้ำตา...
“แกต้องช่วยฉันง้อเมียนะโว้ยไอ้สิงโต..” ครูซหน้างอโวยวายเอากับสิงหราชที่ยืนมองเพื่อนเดินไปเดินมาอย่างพลุ่งพล่านที่ปานชนกหนีหน้าไม่ยอมพบ สามวันมาแล้วที่ครูซพยายามเข้าหาปานชนกและพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ทำให้เธอกลับจนเตลิดหนีไปไกล
“แหม ไอ้ที่กูพยายามตะล่อมเมียมึงไม่ให้หนีไปไหนนี่ไม่ช่วยรึไงวะ” ด้วยความที่ยังเคืองครูซไม่หายสิงหราชก็ขึ้นกูขึ้นมึงอย่างเจ็บใจ นอกจากจะโดนเมียจับได้เรื่องเขากับครูซเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนและเคยร่วมมือกับครูซหลอกปานชนกจนเรื่องราวบานปลาย อัจฉรียาพรก็ไม่ให้เขานอนร่วมห้องซ้ำยังขู่อีกว่าหากปานชนกหนีไป เขากับเธอเลิกกันโทษฐานหลอกลวงลูกผู้หญิงให้เจ็บช้ำน้ำใจและทำให้เด็กๆ ที่จะเกิดมามีปมด้อย ดังนั้นเขาจึงพยายามเกลี้ยกล่อมให้ปานชนกอยู่ที่นี่ต่อแล้วเรียกให้ชัชมาช่วยพูดให้เพราะรู้ว่าปานชนกออกจะเกรงชัชอยู่มาก อาจจะด้วยเพราะชัชกับปานชนกโตมาด้วยกันและเป็นญาติกัน...
“ถ้าขืนพี่สิงโตยังหยาบคายอยู่ คืนนี้ไปกางเต็นท์นอนในสวนเลยนะคะ” เสียงภรรยาแว่วมาพร้อมทั้งร่างอวบอิ่มเดินเข้ามามองหน้าสองหนุ่มอย่างไม่พอใจ
“คุณก็เหมือนกันคุณช้าง ทีหลอกพี่นกไปปู้ยี่ปู้ยำใช้งานสารพัดไม่เห็นจะเคยคิด สมองคิดแต่ความแค้นบ้าๆ แล้วทำให้ลูกผู้หญิงคนหนึ่งเจ็บปวด ต้องเคว้งคว้างไร้บ้านไร้ญาติแถมยังถูกขู่เข็ญสารพัด ทั้งที่ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย เธอยอมให้คุณเอาเปรียบ ยอมเป็นของเล่นเพื่อไถ่โทษที่ไม่ได้ก่อแล้วคุณยังใจร้ายมองเธอในแง่ร้าย แล้วยังจะมาแย่งลูกไปจากพี่นกอีก ใจคอทำด้วยอะไร ลองคิดดูสิถ้ามีใครทำกับลูกสาวคุณแบบนี้ คุณจะรู้สึกยังไง..” อัจฉรียาพรใส่เป็นชุดจนสิงหราชกับครูซต้องก้มหน้านิ่งอย่างยอมรับสภาพเพราะที่เธอพูดมานั้นจริงทุกอย่าง...
“จำไว้เลยนะทั้งสองคน หากพี่นกกับลูกเป็นอะไรไป หรือพี่นกหนีไปจนตามหาไม่เจอ คุณสองคนเดือดร้อนแน่ ส่วนเรา คุณสิงหราช เลิกกัน..” น้ำเสียงห้วนๆ เรียกชื่อเต็มยศอย่างโกรธกรุ่นทำให้สิงหราชถึงกับเข่าอ่อน และพอพูดจบหญิงสาวก็สะบัดหน้าหนีเดินจากไป...
“เมียนายร้ายจริงๆ น่ากลัวฉิบ..” ครูซเอ่ยออกมาเสียงเบาหวิวรู้สึกขนลุกไปกับท่าทางราวแม่เสือของอัจฉรียาพร
“มึง ไอ้ช้าง ไอ้ตัวซวย” สิงหราชไม่ดีใจสักนิดที่เพื่อนชมเมีย
“อย่าว่าแต่กูมึงก็เหมือนกัน” ครูซก็หันมาต่อปากต่อคำแล้วทำท่าจะเถียงกันอีก
“ฉันว่าพวกแกสองคนนี่นะ ควรจะเอาชุดเด็กอนุบาลมาใส่แล้วนอนดูดขวดนมว่ะ” ชัชซึ่งเพิ่งกลับมาจากบ้านปานชนกเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองยังคงตั้งแง่ใส่กันอยู่
“ฉันล่ะอิจฉาไอ้ซันจริงๆ มีเมียแล้วชีวิตแสนสงบสุข” ชัชเอ่ยยิ้มๆ แล้มกอดอกมองเพื่อนทั้งสองขันๆ
“เออ จริงสิไอ้ซันมันต้องมีความคิดดีๆ ขนาดทำร้ายฝนไว้เยอะมันยังง้อได้เลย” สิงหราชพูดขึ้นด้วยความหวัง
“แต่ฉันโดนยิงเกือบตายนะ แล้วพวกแกต้องเกือบตายด้วยรึเปล่า” เสียงอัคราดังขึ้นทำให้ทั้งสามหนุ่มหันไปมอง
“ไปไงมาไงวะ แค่นึกถึงก็มาเหมือนจุดธูปเรียก” ครูซพูดขึ้น
“ไอ้ปากหมาฉันไม่ใช่วิญญาณนะจะได้มาตอนจุดธูปเรียก ก็เพราะพวกแกสองคนนี่ล่ะฉันถึงซวยไปด้วย..” อัคราก็โดนปลายฝนเล่นงานฐานมีส่วนสมรู้ร่วมคิด และปลายฝนก็โกรธมากและเขาก็โดนไล่ออกจากบ้านด้วย...
“ดีนะเนี่ยที่ฉันไม่มีเมีย ฮ่าๆๆ” ชัชหัวเราะอย่างสบายใจ
“เออ.. รอให้ถึงตาแกก่อนเถอะ..” แล้วทั้งสามหนุ่มก็หันมาพูดใส่หน้าชัชพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“อูยยย เหมือนโดนสาปแช่งเลยว่ะ” ชัชทำท่าย่นคอมองเพื่อนแหยๆ
“เอาล่ะ ทีนี้เรามาช่วยกันคิดว่าจะง้อบรรดาเมียๆ ของเรายังไง” สิงหราชพูดขึ้น
ความจริงแล้วเขาทั้งสี่คนเป็นเพื่อนรักกันสมัยเรียนอยู่เมืองนอก และต่างก็แยกย้ายกันกลับมาทำงานตามหน้าที่ของตนเมื่อเรียนจบ พวกเขารู้เรื่องราวของครูซดีว่าเป็นอย่างไรและเมื่อทุกคนได้รู้ว่าพ่อของปานชนกคือคนที่ทำร้ายคนรักของครูซจนเสียชีวิตต่างก็เสียใจกับเขาด้วยและบังเอิญว่านายเกรียงไกรพัวกันกับการฆาตกรรมของพ่อแม่ชัชกับคดีฉ้อโกงบริษัทด้วยทำให้พวกเขาวางแผนจะจับผิดนายเกรียงไกรกับพวก ซึ่งเมื่อเสร็จเรื่องครูซขอจัดการกับนายเกรียงไกรด้วยตัวเอง ในขณะที่ชัชปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมเพราะเห็นว่านายเกรียงไกรเองก็ได้รับโทษที่สาสมและท่านก็แก่มากแล้วและเห็นแก่ว่าเป็นลุงของตนทั้งยังสงสารปานชนก ชัชจึงไม่คิดแค้นใจที่นายเกรียงไกรวางแผนฆ่าพ่อแม่ของเขาและโกงบริษัทของพวกท่านไป
แต่พวกเขาไม่คิดว่าครูซจะหันมาเล่นงานและแก้แค้นเอากับปานชนกอย่างใจร้าย ซึ่งพอพวกเขารู้ว่าคนที่พาปานชนกหนีหายไปคือครูซสิงหราชกับชัชก็ตามไปที่ไร่เพื่อขอตัวปานชนกคืนแต่ครูซมีท่าทางหวงแหนปานชนกและปานชนกเองก็ยืนยันว่าจะอยู่ที่นั่นเองโดยไม่มีใครบังคับ แต่พอจะกลับมากรุงเทพฯ ป้ารุ่งก็พาปานชนกมาหาพวกเขาที่โรงแรมในเมือง ซึ่งสภาพปานชนกที่ร้องไห้จนตาบวมท่าทางโศกเศร้าเสียใจมากของปานชนกทำให้พวกเขาโกรธครูซมาก สิงหราชแอบโทร. ไปต่อว่าครูซถึงขนาดตัดเพื่อนกันเลยทีเดียว...
“พี่นกไม่ต้องห่วงและไม่ต้องไปไหนนะคะ อิ่มอุ่นจะพาแก้แค้นเอาคืนพวกหนุ่มๆ เอง” อัจฉรียาพรบอกปานชนกที่เอาแต่นั่งหงอยเหงา ท่าทางแบบนี้ออกจะแปลกแตกต่างไปจากปานชนกคนเดิมนัก
“พี่กลัวว่าเขาจะมาแย่งลูกไป” หญิงสาวพูดอย่างกังวล อัจฉรียาพรกับปลายฝนจึงเข้าใจว่าทำไมปานชนกจึงมีท่าทีกังวล
“พี่นกคะอย่าคิดมากเลยค่ะ พี่ช้างไม่มีทางมาแย่งลูกไปจากพี่นกได้แน่ๆ พี่ช้างเขาดูรักพี่นกจะตายก็คงอยากได้ทั้งแม่ทั้งลูกนั่นล่ะค่ะ” คราวนี้ปานชนกหน้าแดงขึ้นมาหลบตาสาวรุ่นน้องอย่างขัดเขิน อัจฉรียาพรยิ้มกว้างเพราะรู้อยู่เช่นกันว่าปานชนกเองก็รักครูซ
“ใช่ค่ะ แต่จะให้ทุกอย่างมันจบง่ายๆ โดยไม่ให้บทเรียนอะไรพวกเขาเลยมันก็จะไม่หลาบจำ”
“ลูกแม่ฉลาดจริงๆ เลย สมกับเป็นลูกของแม่”
“คุณแม่..” อัจฉรียาพรร้องอย่างดีใจโผเข้ากอดมารดาแน่น แม่เลี้ยงเกศรากับคุณอโนมามองสามสาวอย่างเอ็นดู
“อย่างที่อิ่มอุ่นบอก ต้องให้บทเรียนกับหนุ่มๆ เขาบ้างจะได้หลาบจำไม่ทำกับใครแบบนี้อีก”
“เอ่อ แล้วคุณแม่มายังไงคะ” อัจฉรียาพรหันมาถามมารดา
“มากับคุณพ่อจ้ะ และป่านนี้คงกำลังจัดการลูกเขยตัวแสบอยู่..” คุณอโนมายิ้มเจ้าเล่ห์...
คุณอัคคีกับพ่อเลี้ยงอินคำมองสี่หนุ่มอย่างตำหนิ ซึ่งทั้งสี่หนุ่มหล่อที่เสมือนว่าพระเจ้าประทานความหล่อเหลาสมบูรณ์แบบมาให้พวกเขาเสียมากมาย ออร่าความงามสง่าหล่อเหลานั้นแผ่กระจายทำให้หญิงสาวเคลิบเคลิ้มได้ไม่ยาก แต่ในขณะนี้ชายหนุ่มทั้งสี่คนได้แต่ยืนก้มหน้านิ่งเหมือนเด็กวัยสิบขวบที่ทำผิดแล้วโดนจับได้
“เออ.. ให้มันได้แบบนี้ เดือดร้อนตัวเองไม่พอ พ่อยังต้องมาเดือดร้อนด้วย ฉันแก่แล้วฉันควรได้พักผ่อน อยู่บ้านเลี้ยงหลานอย่างมีความสุขมั้ยวะไฟ” พ่อเลี้ยงอินคำพูดเรียบๆ ตามแบบของตนแต่แววตาที่มองลูกชายนั้นคมกริบ
“เมียฉันก็พลอยโกรธฟาดงวงฟาดงามาลงที่ฉันเฉยเลย พวกแกรู้มั้ยว่าการไม่ได้นอนกอดเมียไม่ได้เห็นหน้าเมียมันทรมานแค่ไหน ไหนจะโดนเมียด่า เมียสั่งห้ามเข้าบ้านเนี่ย พวกแกจะรับผิดชอบฉันยังไง” คุณอัคคีตวาดลั่นอย่างอัดอั้นนึกเคืองลูกเขยตัวแสบที่สุดในยามนี้
“พวกผมขอโทษค้าบ” ทั้งสี่หนุ่มพูดขึ้นพร้อมกันทั้งพนมมือแต้อย่างสำนึกผิด...
“หึ ฉันละอยากเอาตะพดฟาดกบาลพวกแกคนละทีสองที..” พ่อเลี้ยงอินคำทำเสียงฮึดฮัดอยู่ในลำคอ มีอย่างที่ไหนตนกับอัคคีก็พลอยโดนหางเลขไปด้วย...
“ลูกชายคุณพี่มีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดกับเพื่อนรังแกหนูนกคุณพี่ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย ผู้ชายนี่นะมีหัวแต่ไม่มีความคิด วันนี้ห้ามขึ้นเรือนให้นอนนอกบ้านจะกางเต็นท์นอนจะไปนอนที่ไหนก็ไป ถ้าหนูนกหนีไปยิ่งห้ามเข้าใกล้น้องจนกว่าจะตามหาหนูนกเจอ หากเพื่อนลูกชายพี่มารังแกหนูนกอีกเราเลิกกัน..” คำประกาศของศรีภรรยาบาดลึกลงในใจไม่ต่างจากคุณอัคคีที่โดนทำโทษในข้อหาเดียวกัน
“ทีนี้เราจะทำไงกันดีพี่อิน ผมไม่ยอมนะ อยู่ๆ มาซวยเพราะไอ้เด็กไร้สมองพวกนี้ได้ไง”
“โธ่ คุณพ่อตาครับ ผมผิดไปแล้วอย่าซ้ำเติมผมเลยช่วยผมด้วยผมก็ไม่อยากห่าเมียห่างลูก ผมอยากกอดเมีย” สิงหราชถลาเข้ามากอดขาพ่อตาไว้แน่น
“ผมก็เหมือนกันครับ ผมผิดไปแล้วจะลงโทษผมยังไงก็ได้ขอให้ผมได้ลูกได้เมียคืน ผมรักนกผมอยากได้เธอเป็นภรรยา ช่วยผมด้วย คร้าบบบ..” ครูซเองก็ปรี่มากอดขาพ่อเลี้ยงอินคำผู้เป็นพ่อบุญธรรมของปานชนกไว้แน่นเช่นกัน ชัชกับอัคราอยากจะหัวเราะแต่ก็กลัวว่าจะมีความผิดเพิ่มจึงได้แต่กลั้นหัวเราะจนหน้าแดงหน้าดำ สิงหราชกับครูซหันไปถลึงตามองเพื่อนอย่างขุ่นใจ...
“หึ.. ตอนทำล่ะไม่คิด”
“ผมไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ ผมไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเรื่องนกกับไอ้ช้างมันเลยนะครับ ผมใสๆ ขนาดนี้ คุณพ่อต้องช่วยผม” สิงหราชรีบออกตัว
“เอาล่ะๆ เรามาช่วยกันคิดดีกว่าว่าจะง้อพวกสาวๆ เขายังไง” พ่อเลี้ยงอินคำถอนใจเพราะคราวนี้เมียโกรธมากจริงๆ
เหล่าสาวๆ เฝ้าดูหนุ่มๆ ที่ถูกลงโทษด้วยรอยยิ้มสะใจ ทั้งแม่อย่างแม่เลี้ยงเกศรา คุณอโนมา อัจฉรียาพร ปานชนกและปลายฝน ห้าสาวต่างวัยยืนอยู่บนระเบียงบ้านพักหลังงามซึ่งอยู่ไม่ไกลจากไร่สตอร์วเบอร์รี่นักพวกเธอมองหนุ่มๆ ที่ทำงานแทนคนงานเก็บสตรอว์เบอร์รี่ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นในตอนเช้าและเริ่มจะร้อนในช่วงเที่ยงวันจนบ่ายคล้อยอากาศก็จะเริ่มเย็นลง แต่ทั้งห้าหนุ่ม ซึ่งมีคุณอัคคี พ่อเลี้ยงอินคำ สิงหราช ครูซและอัคราก็ยังคงทำงานกันอย่างแข็งขัน ส่วนชัชนั้นได้รับการยกเว้นเนื่องจากปานชนกขอไว้เพราะชัชเองก็คอยช่วยเหลือและดีกับปานชนกมาเสมออีกอย่างเขาเองก็มีงานที่ต้องไปดูแลที่กรุงเทพฯ และช่วยจัดการงานแทนสิงหราช ส่วนอัคราก็สั่งงานแผ่นเสกและครูซสั่งงานผ่านโกสนและคอยเช็กเมลลูกค้าผ่านอินเทอร์เน็ต ส่วนสิงหราชก็ต้องทำงานของตนเองด้วยและต้องเข้าไร่ทำงานแทนคนงานด้วยเรียกได้ว่าสามหนุ่มทำงานกันตัวเป็นเกลียวเลยก็ว่าได้ ส่วนหนุ่มวัยดึกอย่างคุณอัคคีกับพ่อเลี้ยงอินคำนั้นก็ไม่น้อยหน้า ทำหน้าที่สั่งงานทั้งสามหนุ่มอย่างขันแข็งเลยทีเดียว...
“เร็วๆ ตาสิงโตอย่ามัวโอ้เอ้ เรียงดีๆ สิเดี๋ยวสตรอว์เบอร์รี่ก็ช้ำหมด ทำเบาๆ หน่อย
“ครูซ เสร็จแล้วไปล้างห้องน้ำที่ห้องพักอีกสามหลังที่ลูกค้าเพิ่งเช็กเอ้าท์ออกไปนะ” พ่อเลี้ยงอินคำบอกครูซเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยกลังสตรอว์เบอร์รี่ลังสุดท้ายขึ้นรถเรียบร้อย อัคราก็ขับรถขนลังไปยังโรงเรือนเพื่อส่งต่อ
“ครับคุณพ่อ” ครูซรับคำอย่างนอบน้อม แล้วเดินไปยังจักรยานที่จอดอยู่ไม่ไกลไปทำงานตามที่ได้รับมอบหมายทันที
“ไปไหนสิงโต..” อัคคีเรียกลูกเขยที่หน้าระรื่นกำลังจะวิ่งไปหาภรรยาที่ยืนมองอยู่ใต้ร่มไม้
“ไปหาอิ่มอุ่นครับคุณพ่อ”
“ไม่ต้องเลย ยังทำงานไม่เสร็จ ไปดูที่เต็นท์สิว่ามีอะไรขาดเหลือคืนนี้คงจะหนาวดูแลความเรียบร้อยทำความสะอาดเต็นท์นอนของพวกเราดีๆ ล่ะ”
เนื่องจากทั้งห้าหนุ่มทั้งพ่อทั้งลูกถูกไล่ออกมานอนนอกบ้านได้สองสัปดาห์แล้วในขณะที่อากาศเริ่มหนาวเย็นลง แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้รับความเห็นใจจากสาวๆ ภรรยาของตน ดังนั้นเต็นท์นอนสองหลังใหญ่ซึ่งแบ่งเป็นเต็นท์นอนของคุณอัคคีกับพ่อเลี้ยงอินคำและเต็นท์อีกหลังเป็นของสามหนุ่มนอนด้วยกัน เครื่องนอนและเสื้อผ้าต่างถูกนำมาพร้อมอยู่และพวกเขายังต้องอาบน้ำกลางแจ้งที่บ่อน้ำเก่าของคุ้มซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขาต้องกางเต็นท์นอน และห่างจากบ้านหลังใหญ่ประมาณร้อยเมตร และพวกเขาต้องทำอาหารกินกันเองด้วย เรียกได้ว่าการลงโทษหนุ่มๆ ในครั้งนี้สาหัสเอาการอยู่ไม่น้อย
“ครับคุณพ่อ” สิงหราชหน้าจ๋อยเดินคอตกกลับไปที่เต็นท์นอนเพื่อทำหน้าที่ของตนเองบ้าง
“เราไปหาสาวๆ กันเถอะไฟ” เมื่อลับหลังบรรดาลูกๆ แล้วสองหนุ่มก็หน้าระรื่นเดินเข้าไปหาภรรยาหวังจะได้ความดีความชอบและได้รับการอภัยให้แต่เมื่อเข้าเขตบ้านเท่านั้นทั้งสองก็ต้องหยุดกึก
“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยค่ะคุณพี่” แม่เลี้ยงเกศราชี้ไปที่เส้นขาวๆ ที่ให้คนงานทำไว้ พ่อเลี้ยงอินคำกับคุณอัคคีมองหน้ากันอย่างรู้ชะตากรรม
“ครับที่รัก”
“พวกคุณยังทำงานไม่สำเร็จ ห้ามเข้าใกล้บ้านเส้นสีขาวนี้คือเส้นเขตแดนที่ห้ามข้ามมาหากไม่ได้รับอนุญาต”
“ครับผม”
“ไปอ้อน ลูกๆ เราเข้าบ้านกัน..” แม่เลี้ยงเกศราเชิดหน้าเดินกลับเข้าไปในบ้านปล่อยให้สามีของตนยืนคอตกอย่างไร้ทางเลี่ยง..
“อยากจะเตะก้านคอไอ้สิงโตกับเพื่อนมันนัก” คุณอัคคีเข่นเขี้ยวในใจ
“เราต้องทำให้พวกเขารักกันคืนดีกันให้เร็วที่สุด”
“จะทำไงล่ะพี่อิน ดูสิ หนูนกก็ใจแข็งเหลือเกิน แถมทั้งเมียผมเมียพี่ก็กางปีกปกป้องเสียขนาดนั้น”
“มันก็ต้องมีวิธีล่ะน่า เดี๋ยวพี่คิดก่อน..” พ่อเลี้ยงอินคำทำท่าคิดอยู่สักครู่แล้วยิ้มออกมาบางๆ
“คิดออกแล้ว..”
“ยังไงพี่..”
“ผู้หญิงทุกคนแหละต้องแพ้กับน้ำตาลูกผู้ชาย..” พ่อเลี้ยงอินคำยิ้มเจ้าเล่ห์
