บทที่ 4. ทัณฑ์ร้าย ทัณฑ์รัก
ปานชนกเงยหน้ามองฟ้าที่เปลี่ยนจากแดดจ้าเป็นมืดครึ้มด้วยความหวาดหวั่น ฝนใกล้จะตกแล้วและท่าทางลมจะแรงและมีฟ้าผ่าด้วย แต่เธอก็ภาวนาว่าอย่าให้มีฟ้าร้องฟ้าผ่าเลยเพราะเธอกลัวเสียงฟ้าผ่าเหลือเกิน...
ตั้งแต่เที่ยงที่เธอถูกมัดไว้กับเสาไฟกลางแปลงผักให้ตากแดดตากลมและไม่ให้กินข้าวกินน้ำทั้งวันอย่างที่ครูซว่าไว้จริงๆ ความร้อนและเหนื่อยทำให้ร่างกายบอบบางที่ไม่เคยท้าทายสายลมแสงแดดเริ่มอ่อนแรง ดวงตาเริมพร่ามัวแต่ปานชนกก็พยายามผืนร่างกายไว้อย่างสุดความสามารถ แล้วเสียงฟ้าผ่าก็ดังกึกก้องพร้อมด้วยลมกระโชกแรงทำให้ต้นไม้ใหญ่เอนไหวราวจะหักโค่น ปานชนกหน้าซีดเผือดใจสั่นระรัวด้วยความหวาดกลัวเสียงฟ้าผ่าและเสียงลมที่พัดกระหน่ำจนเกิดเสียงเหมือนใครสักคนกำลังหัวเราะเธอ
“คุณแม่ขา คุณแม่ ช่วยลูกนกด้วย..”
ปานชนกร้องไห้ออกมาทันทีที่สายฝนเทลงมา ตอนนี้ทั้งลมทั้งฝนกระหน่ำซัดเข้าหาร่างบอบบางจนเธอรู้สึกเจ็บไปทั้งกาย เม็ดฝนที่พุ่งกระทบผิวกายเหมือนเข็มนับพันๆ เล่มทิ่มแทงลงบนผิวเนื้อขาวผ่องที่เกิดรอยแดงไหม้เกรียมเพราะถูกมัดไว้กับเสาไฟกลางแดดที่แผดจ้าในตอนเที่ยงและพอบ่ายคล้อยก็เกิดฝนตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
“ถ้าคุณช้างไม่ไปพาเธอเข้ามา ป้าจะพาเธอเข้ามาเองแล้วหลังจากนั้นจะพาเธอไปจากที่นี่..” ป้ารุ่งพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าร่างเล็กที่ถูกมัดไว้กับเสาไฟนั้นเหมือนจะหมดสติไปแล้วและก่อนหน้านี้นางได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวขึ้นพร้อมๆ กับเสียงฟ้าผ่า ซึ่งฟ้าได้ผ่าต้นไม้ต้นหนึ่งอยู่ท้ายไร่จนเกิดไฟลุกท่วมคนงานต้องไปช่วยกันดับไฟเพราะกลัวว่าไฟจะลามมาถึงไร่กาแฟ
“คุณช้างคะ..”
“เดี๋ยวผมจัดการเอง..” ในที่สุดชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่อย่างนี้มาร่วมชั่วโมงจะเดินออกไปทันที ป้ารุงมองตามร่างสูงใหญ่ของคนที่นางรักไม่ต่างจากลูกหลานคนหนึ่งอย่างอ่อนใจ
“นังเราะ เรื่องที่ให้ไปทำน่ะได้ความว่าไง” ป้ารุ่งหันไปมองสาวคนงานที่นางให้ไปทำงานชิ้นสำคัญที่ทำท่าลับๆ ล่อๆ อยู่
“เอ่อ ได้ค่ะป้า”
“ว่าไง เล่ามา..” เราะเล่าความจริงให้ป้ารุ่งฟังแล้วรีบบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ป้าอย่าบอกนะว่าฉันบอก ฉันกลัวมันจะไประรานฉัน”
“ไม่บอกหรอก และเรื่องนี้ จะไม่ทำให้ใครเดือดร้อนนอกจากตัวมันเอง” ป้ารุ่งพูดเสียงเรียบแต่แววตาของนางนั้นดูเย็นชาอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน
ครูซวางร่างบอบบางเปล่าเปลือยลงในอ่างน้ำอุ่นที่เขาให้ป้ารุ่งเตรียมไว้ให้ ดวงตาคมสำรวจร่างงามที่เขาได้ครอบครองเพียงผู้เดียวด้วยแววตาเจ็บปวด เมื่อเห็นรอยเชือกครูดกับต้นแขนจนเกิดรอยแดงช้ำบางจุดก็มีเลือดซิบๆ ออกมา ผิวขาวกระจ่างแดงก่ำเพราะถูกแดดเผา ใบหน้าเนียนแดงก่ำด้วยพิษไข้และความโหดร้ายของแสงแดด เขาเชื่อว่ากว่ารอยแผลรอยแดงพวกนี้จะหายไปก็คงใช้เวลาหลายวัน...
“คุณช้างคะ หมอมาแล้วค่ะ” ป้ารุ่งเรียกเบาๆ อยู่หน้าห้องน้ำ
“อีกสิบนาทีป้าให้หมอเข้ามาในห้องนะครับ”
“ค่ะ” ป้ารุ่งออกไปแล้วชายหนุ่มก็อุ้มร่างบางขึ้นจากอ่างแล้วเช็ดตัวให้คนที่หมดสติอย่างอ่อนโยนก่อนจะหาเสื้อผ้ามาสวมใส่ให้เธออย่างเบามือ คนที่หมดสติไปเริ่มขยับตัวไปมาริมฝีปากแตกแห้งขยับขึ้นลงเหมือนกำลังพึมพำอะไรบางอย่าง...
“แม่ขา คุณแม่ ช่วยด้วย ช่วยลูกนกด้วย..” เสียงแหบแห้งแผ่วเบาพอจับใจความได้
“ลูกนกไม่อยากอยู่ที่นี่ มารับลูกนกไปอยู่ด้วยสิคะ..” แม่ของปานชนกตายไปตั้งแต่เธอยังเด็ก และแม่ของเธอก็ฆ่าตัวตายด้วยโรคซึมเศร้านั่นคือสิ่งที่เขารู้ ความปวดปร่าเสียดแทงเข้าสู่ใจที่เต็มไปด้วยความแค้นที่ทำให้เขาทรมานทั้งยามหลับและยามตื่น...
“ไม่มีใครรักลูกนกเลย.. ไม่มี..” เสียงหวานแหบแห้งเอ่ยแผ่วเบาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาที่หลับพริ้มจนขนตางามงอนเปียกชุ่ม..
“เชิญค่ะคุณหมอ...” เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้งพร้อมกับประตูห้องเปิดออก ป้ารุ่งกับหมอวัยกลางคนก็เดินเข้ามา ครูซทำความเคารพหมออย่างนอบน้อมแล้วถอยออกมายืนข้างๆ เตียงดูหมอตรวจร่างกายของปานชนกเงียบๆ
“ป้ามีเรื่องจะบอกคุณค่ะ ตอนนี้โกกับกาหลงรออยู่ในห้องทำงาน” ป้ารุ่งบอกเบาๆ ครูซหันมามองผู้สูงวัยอย่างไม่เข้าใจ
“ทางนี้ป้าจะดูแลให้ค่ะ เชิญคุณช้าไปจัดการธุระก่อนเถอะค่ะ..” น้ำเสียงและใบหน้าที่เชิดขึ้นน้อยๆ ของนางทำให้ครูซรู้ดีว่าป้ารุ่งนั้นโกรธตนอยู่ ชายหนุ่มหันไปมองคนบนเตียงสีเทาขนาดคิงไซส์ของตนอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ
ปานชนกชยับกายอย่างเมื่อยขบแสงแผดจ้าทำให้เธอต้องหลับตาแน่นก่อนจะค่อยๆ ลืมขึ้นช้าๆ ดวงตากลมโตมองเพดานห้องที่ไม่คุ้นตานิ่ง คิ้วเรียวขมวดมุ่นแล้วค่อยๆ ลำดับความคิดของตนก่อนจะอุทานออกมาเบาๆ
“จริงสิ แล้วเราอยู่ที่ไหน..” หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่งทันทีแต่อะไรหนักๆ ที่พาดทับอยู่กับตักนุ่มทำให้เธอก้มลงมองแล้วก็ต้องตื่นตระหนกด้วยความหวาดหวั่นก่อนจะเปลี่ยนเป็นร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้าและลำคอระหง ใบหน้างามหันช้าๆ มาทางเจ้าของแขนแข็งแรงที่พาดอยู่กับตักของตน...
“ครูซ..” หญิงสาวเอ่ยชื่อของเขาออกมาเบาๆ ในขณะที่เจ้าของชื่อก็ค่อยๆ ลืมตามองเธอ สองสายตาประสานกันนิ่งโดยไม่มีใครพูดอะไรอยู่ชั่วอึดใจปานชนกจึงเป็นฝ่ายขยับอย่างอึดอัด หญิงสาวก้มมองสำรวจตัวเองก็พบว่าเธอสวมเสื้อเชิ้ตเนื้อดีสีเทาอ่อนๆ ของเขาอยู่ ที่เธอรู้ก็เพราะเธอจำได้ว่าเขาชอบสีเทา.. ทำไมเธอต้องจำได้ด้วยนะ หญิงสาวถามตัวเองด้วยความละอายใจและสับสน...
“วันนี้มีไข้รึเปล่า ไหนดูสิ..” ครูซลุกขึ้นแล้วเอามือใหญ่ของเขามาอังหน้าผากมนเบาๆ ใบหน้าหล่อเหลายิ้มบางๆ
“วันนี้ไม่มีไข้แล้ว แต่อย่าเพิ่งอาบน้ำเลย เช็ดตัวเอาก่อนดีไหม”
“คะ คือ ฉัน..”
“อะไร หลับไปแค่สองวันติดอ่างเลยเหรอ”
“หา สองวัน หลับไปสองวัน..” ปานชนกตาโตลืมสภาพที่ไม่เรียบร้อยของตัวเองไปเสียสนิททำให้ครูซมีโอกาสสำรวจร่างงามของคนตรงหน้า
เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขาที่เธอสวมใส่อยู่นั้นแม้จะติดกระดุมทุกเม็ดแต่คอเสื้อมันก็ลึกจนเห็นร่องอกอวบอิ่ม ใบหน้านวลที่ปราศจากเครื่องสำอางที่เคยแดงก่ำเพราะแดดเผาก็เริ่มมีสีสันมากขึ้น ผิวหน้าสดใสที่ยังไงก็ยังดูงดงามแม้ไม่ได้ระบายด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ผมยาวสลวยยุ่งน้อยๆ ระใบหน้านวลและเคลียอยู่กับบ่าบอบบางน่ามองแล้วเลือดในกายหนุ่มก็ร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ใช่เธอหลับไปสองวันเต็ม..” แล้วครูซก็เล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่าเธอเป็นไข้หวัดและหลับไม่ได้สติมาสองวัน
“แล้วเอ่อ ใครเปลี่ยนชุดให้ฉันคะ”
“ป้ารุ่ง..” ครูซบอกเพื่อให้เธอสบายใจแต่ความจริงแล้วตลอดสองวันมานี้เขาคือคนที่คอยเช็ดตัวป้อนยาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอด้วยตัวเอง ปานชนกทำท่าโล่งอกแต่ครูซแอบยิ้มอย่างพอใจ..
“เอาล่ะไปเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ดีกวาแล้วออกไปกินข้าวกินยา” ครูซตัดใจลุกขึ้นแล้วเดินออกไป เพราะหากอยู่นานกว่านี้เขาอาจจะรังแกคนเพิ่งสร่างไข้ได้
“คุณนกมาทานข้าวค่ะ ป้าทำข้าวต้มไว้ให้” ป้ารุ่งยิ้มรับเมื่อเห็นเธอเดินออกมาจากห้องนอนของครูซ ปานชนกทำท่าเก้อๆ ไปเล็กน้อยแต่เมื่อไม่เห็นว่าป้ารุ่งมีท่าทีอะไรก็พอโล่งอกและหายขัดเขินไปได้บ้าง
“ขอบคุณค่ะป้า” ปานชนกกลายเป็นคนอ่อนน้อมไปโดยปริยายเมื่อเธอต้องการหาที่พึ่งพิง และป้ารุ่งก็ดีกับเธอตั้งแต่แรกทำให้รู้สึกว่ายังมีคนที่ดีกับเธออยู่
“ป้ารุ่งคะ นกขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”
“ถามมาสิคะ..”
“เอ่อ เรื่อง คนรักของคุณครูซน่ะค่ะ..” ปานชนกหลบตาผู้สูงวัยแล้วก้มหน้านิ่งด้วยความละอายใจที่บิดาของตนทำร้ายคนที่เขารัก แล้วป้ารุ่งเองก็ยังเป็นป้าของนิลาวัลย์ด้วย แทนที่นางจะโกรธแค้นเธอไปด้วยแต่นางกับดีต่อเธอทุกอย่าง...
“เรื่องมันนานมาแล้ว เมื่อสิบปีก่อนป้ากับน้องสาวมาทำงานที่นี่ ตอนที่คุณพ่อของคุณช้างยังอยู่ นิกกี้เป็นลูกครึ่งเหมือนคุณช้างแต่พ่อแม่เลิกกันน้องสาวป้าก็เลยมาขออยู่ด้วย และเอาลูกสาวมาให้ป้าช่วยเลี้ยงก่อนจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งจนนิกกี้เริ่มโตเป็นสาวคุณท่านก็พาคุณช้างมาที่ไร่ ทั้งสองได้พบกันและรักกัน พวกเขาสัญญากันว่าหลังจากที่นิกกี้เรียนจบจะแต่งงานกัน พ่อของนิกกี้ตามมาพบและพานิกกี้ไปเรียนต่อที่อิตาลีทำให้คุณช้างกับนิกกี้รักกันมากขึ้น พวกเขาก็จะไปๆ มาๆ อิตาลีกับไร่เสมอ และเมื่อห้าปีที่แล้วพอนิกกี้เรียนจบก็มีแผนการจะแต่งงานกัน แต่เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน..” ปานชนกฟังป้ารุ่งเล่าถึงความโชคร้ายของนิลาวัลย์แล้วก็นึกสงสาร ความเจ็บปวดของคนที่สูญเสียคนรักมันก็คงมีมากและคงแค้นใจมากที่คนรักถูกกระทำอย่างทารุณซ้ำคนรักของเขายังตายก่อนวันแต่งงานเพียงไม่กี่วัน ป้ารุ่งที่เสมือนแม่คนที่สองของนิลาวัลย์เองก็คงเสียใจไม่ได้ หากเป็นเธอเองก็คงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป เธอเองก็เคยสูญเสีย และรู้ดีว่าการสูญเสียมันเจ็บปวดแค่ไหน..
แล้วที่ครูซเรียกเธอว่า นิกกี้ ก็เพราะเขาเห็นเธอเป็นตัวแทนของคนรักของเขาหรือเปล่า...
“ตอนนี้ป้าไม่โกรธไม่เกลียดนกหรือคะ นกเป็นลูกของคนที่ทำร้ายหลานป้า” ถามออกไปเธอเองก็เจ็บปวดไว้รอคำตอบที่จะได้
“โกรธค่ะ และเกลียดด้วย” ปานชนกหน้าเสียน้ำตาคลอดวงตางาม
“แต่ป้าทิ้งความโกรธเกลียดไว้กับอดีตค่ะ เราจะมาถือโทษโกรธเกลียดกันให้ทรมานใจทำไมล่ะคะ คิดทีไรก็เจ็บปวดใจทุกที ความเจ็บปวดมันกัดกร่อนให้เราเป็นทุกข์ การอยู่ในภาวะซึมเศร้ามันไม่ใช่เรื่องสนุกนะคะ ตอนแรกป้ายอมรับว่าสาปแช่งคนทำร้ายนิกกี้ทุกวัน อยู่กับน้ำตากับความเจ็บปวดจนไม่เป็นอันทำอะไรคุณช้างต้องพาป้าไปหาหมอพบจิตแพทย์เพราะกลัวว่าภาวะซึมเศร้าจะกลายเป็นโรคซึมเศร้า ป้ากับคุณช้างต้องพึงจิตแพทย์อยู่นานเหมือนกันเพื่อจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง วันหนึ่งเพื่อนของป้าพาไปวัดทำบุญครบรอบหนึ่งปีให้นิกกี้ ป้าก็ได้ฟังพระท่านเทศนาเรื่อง กรรม เรื่องบุญ เรื่องบาปและการจัดการกับความทุกข์ในใจ ป้าได้สติ ป้าก็เริ่มคิดได้และเริ่มปลง อาจจะเป็นเพราะป้าเริ่มแก่ตัวลงและเห็นโลกมามาก ความแค้นความพยาบาทไม่เคยให้คุณใคร มีแต่จะทุกข์สาหัส คุณช้างเองก็รู้ แต่ก็ยังปล่อยวางไม่ได้เธอรักของเธอมาก..”
ปานชนกน้ำตาไหลพรากทั้งสงสารป้ารุ่งและสงสารครูซ ตอนนี้เธอแทบไม่มีความอยากจะออกไปจากที่นี่เลยเพราะเธออยากจะชดใช้ให้กับป้ารุ่งและครูซ อย่างน้อยๆ หากเขาไม่โกรธไม่เกลียดเธอกับบิดาแล้ว เธอก็อาจจะตายตาหลับ..
“คุณนกคะ อย่าโกรธอย่าเกลียดคุณช้างเลยนะคะ คุณช้างเสียใจมากและรักนิกกี้มาก เพราะพวกเขากำลังจะมีลูกด้วยกัน..” นั่นยิ่งทำให้ปานชนกปวดแปลบในอก... หญิงสาวร้องปิดหน้าสะอื้นด้วยความสงสารคนที่จากไป.. บิดาของเธอทำไมถึงได้เลวร้ายเพียงนั้น...
ปานชนกเริ่มปรับตัวได้กับการอยู่ที่ไร่กาแฟแห่งนี้ ทุกวันเธอจะต้องไปเก็บเมล็ดกาแฟกับคนงานคนอื่นๆ ตอนเย็นก็จะกลับมาช่วยป้ารุ่งทำอาหาร แม้ป้ารุ่งจะบอกให้เธอทำแค่ดูแลแปลงผักก็พอแต่ปานชนกก็ไม่ยอมดึงดันจะไปไร่กาแฟ เธอทำงานเพื่อรับเงินเดือนเหมือนคนอื่นๆ และเธอก็พบกับครูซไม่บ่อยนัก เว้นเสียแต่เขาต้องการปลดปล่อย...
“ป้าคะ แล้วทำไมช่วงนี้ไม่เห็นกาหลงเลยล่ะคะ”
“นังกาหลงมันถูกลงโทษสถานหนักอยู่ค่ะ..”
“อ้าว ทำไมล่ะคะ..” ปานชนกหน้าตื่นนึกกลัวแทนกาหลงที่อาจจะถูกลงโทษเหมือนเธอ
“ไม่ต้องห่วงมันหรอกค่ะ คุณช้างต้องให้บทเรียนมัน ไอ้โกเองก็ต้องการดัดสันดานน้องสาว..” ป้ารุ่งตัดบทด้วยการเดินไปคนแกงในหม้อ ปานชนกเห็นโกสนเดินไปที่เรือนใหญ่จึงรีบเดินไปหา
“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณโก..” โกสนชะงักแล้วมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาเรียบเฉยไม่แสดงอาการอะไร
“ครับ”
“กาหลงไปไหนคะ”
“มันอยู่ที่บ้านจะไม่ได้มาวุ่นวายที่นี่อีก” จริงๆ แล้วกาหลงถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าเขตไร่เลยต่างหากเพราะทุกคนรู้แล้วว่ากาหลงสร้างเรื่องโกหกและนายช้างโกรธมาก พอกาหลงสำนึกผิดก็สารภาพว่าอิจฉาปานชนกและอยากแกล้งให้ปานชนกอยู่ที่นี่ไม่ได้ โกสนเองก็โกรธน้องสาว เพราะรู้นิสัยของกาหลงดีว่าเป็นคนขี้อิจฉาและชอบหาเรื่องคนที่สวยกว่า
ก่อนหน้าจะมาอยู่ที่นี่กาหลงก็ถูกสามีซ้อมและบังคับให้ขายตัว โกสนก็อุตส่าห์ไปช่วยเหลือและชุบชีวิตให้ใหม่แต่กาหลงก็ยังฝันสูงอยากเป็นเมียของนายช้าง และทำทุกอย่างเพื่อให้ผู้หญิงที่เข้ามาพัวพันกับนายช้างอยู่ไม่ได้ หนักเข้าก็ทำให้ครูซโกรธดังเช่นกรณีของปานชนก ครูซสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้กาหลงมาที่ไร่ และหากเขารู้ว่ากาหลงยังจะสร้างปัญหาให้อีก ครูซก็จะไล่ทุกคนในบ้านของกาหลงให้ออกไปอยู่ที่อื่นและจะจับกาหลงลงโทษด้วยวิธีของครูซเองซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครอยากจะถูกนายช้างลงโทษ เพราะโทษหนักสุดคือตาย...
“แต่ เอ่อ ฉันก็มีส่วนผิด พอจะมีทางไหนไหมคะที่จะให้เธอมาทำงานที่นี่อีก”
“ผมไม่รู้ ต้องถามนาย”
“จริงๆ แล้วฉันต้องขอโทษนายโกด้วยที่เคยทำไม่ดีกับนายโกมาก่อน ยังไงฝากขอโทษกาหลงด้วยนะคะ แล้วหากมีโอกาสฉันจะขอโทษกาหลงด้วยตัวเองและจะลองขอคุณช้างให้กาหลงมาทำงานที่นี่อีก”
“ไม่เป็นไรครับ นังกาหลงมันนิสัยเสียต้องดัดสันดานกันบ้าง”
“นายโกไม่โกรธฉันเหรอ”
“ผมไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปโกรธคุณหรอกครับ ผมขอตัวนะครับ นายมีงานจะเรียกใช้” ปานชนกหลีกทางให้เขาไปหาครูซ หญิงสาวเงยหน้ามองไปยังห้องทำงานของเขาก็พบเงาร่างสูงใหญ่ของครูซอยู่ตรงหน้าต่าง หญิงสาวใจเต้นแรงหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะรีบเดินกลับไปช่วยป้ารุ่งที่โรงครัว...
ปานชนกโอบกอดลำคอแกร่งแล้วเผยอปากออกรับจุมพิตร้อนแรงของเขาอย่างไม่อิดออดเมื่อครูซโน้มใบหน้าลงมามอบจุมพิตร้อนแรง หญิงสาวครางแผ่วๆ ในลำคอเพริดไปกับอารมณ์เสน่หาที่ลุกโชน ตอนนี้ปานชนกไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้นเธอสนใจเพียงความสุขที่จะรับจากเขา ได้แบ่งเบาบรรเทาทุกข์ในใจของเขาเท่านั้น ถ้าเขาต้องการเธอก็พร้อมจะทำตามความต้องการนั้นอย่างน้อยๆ เธอก็อยากไถ่โทษแทนบิดาที่เคยทำร้ายคนรักของเขาทำลายชีวิตน้อยๆ ที่จะเกิดมาเป็นทายาทของเขา หากการที่เธอยอมพลีกายสนองความต้องการอันเร่าร้อนนี้แล้วครูซจะยกโทษให้บิดาของเธอบ้าง หรือขอให้เธอเข้าไปแทรกอยู่ในส่วนเล็กๆ ของใจครูซบ้างปานชนกก็ยินดี...
เธอรักเขา.. รักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่เธอไม่อยากทนเห็นเขาเจ็บปวดกับอดีตอีกต่อไป...
ครูซผละจากร่างงามชั่วขณะเพื่อจดจ้องมองความงดงามตรงหน้าแล้วก้มลงครอบครองยอดอกสีหวานฉ่ำลิ้นอย่างหิวกระหาย ชายหนุ่มยอมรับว่าหลงใหลร่างกายของหญิงสาวตรงหน้า และถวิลหาเธออยู่เสมอจนเขาเกลียดตัวเองที่ไม่อาจละสายตาจากเธอ เขาควรจะเกลียดปานชนก ควรจะลงโทษเธอหนักกว่าการทำงานในไร่และสนองความใคร่ของเขา แต่ทำไมหนอเวลาที่เขาเห็นน้ำตาของเธอใจกระด้างๆ ของเขาก็ไหววูบ
คนอย่างปานชนกที่ใครๆ ต่างก็ว่าเธอร้าย แต่ผู้หญิงตรงหน้าเขาตอนนี้เธอเร่าร้อนและแสนหวาน หวานจนเขาไม่อยากจะปล่อยให้ไปไหนห่างกาย ต้องกักขังเธอไว้ด้วยความขู่ต่างๆ นานา เพื่อไม่ให้เธอหนีไปจากเขา...
“คะ ครูซ ครูซคะ..” ปานชนกครางกระเส่าเมื่อจุดอ่อนไหวของร่างสาวถูกโจมตีด้วยปากและลิ้นร้ายกาจของเขา หญิงสาวหยัดกายส่ายพลิ้วด้วยความเสียวซ่านสุดใจ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างพร้อมแล้วชายหนุ่มก็ลุกขึ้นรั้งสะโพกมนให้ขยับเข้าหาตัวตนแข็งขึงของเขาที่สอดเสยเข้าหากลีบกายเร้นลับ
“โอ... นิกกี้.. / ครูซ...” หนุ่มสาวครางออกมาพร้อมกันพร้อมกับจังหวะขับเคลื่อนที่เป็นไปอย่างลงตัวและร้อนแรง ความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั้งกายความสนิทเสน่หาหลอมรวมให้พวกเขารวมกันเป็นหนึ่งจนยากจะถอดถอนอารมณ์ที่หลงเตลิดไปในเพลิงรักอันเร่าร้อน
“เรียก พี่ช้าง นิกกี้ เรียกผมว่า พี่ช้าง...” ครูซกระซิบชิดแก้มแดงก่ำ ดวงตาคมมืดดำมองดวงตางามปรือปรอยอย่างแสนเสน่หา แล้วก็พาเธอพุ่งทะยานไปสู่ความสุขสม หญิงสาวหวีดร้องออกมาด้วยความสุข
“พะ พี่ช้าง..” ปานชนกสบตาคมร้อนแรงด้วยไฟสวาทหอบหายใจกระเส่ารับรู้ถึงตัวตนของเขาในร่างสาว แล้วเธอก็หลับตาลงด้วยความซ่านกระสันอีกครั้งเมื่อครูซพาร่างบางลุกจากที่นอนนุ่มมาที่ขอบเตียงกว้าง ครูซจับเรียวขาเสลาข้างหนึ่งลงห้อยกับขอบเตียง อีกข้างหนึ่งอยู่บนแขนแข็งแรงของตนแล้วย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อพาตัวตนแข็งแกร่งของเขาเข้าไปทักทายร่างสาวอีกครั้งมือหนาเคล้นคลึงอกอวบอย่างพอใจในขณะที่สะโพกสอบก็ขยับขับเคลื่อนอย่างเร่าร้อน “
“นิกกี้จ๋า นิกกี้ของพี่ช้าง..”
“พี่ช้าง.. โอ๊ะ พี่ช้าง..” ปานชนกครางกระเส่าด้วยความซานรัญจวนไม่ต่างจากชายหนุ่มที่ครางกระหึ่มด้วยความสุขสม.. และเขาก็เฝ้าตักตวงความสุขจากร่างงามตรงหน้า พาเธอไปท่องสวรรค์สวาทครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนจะหลับไปในค่ำคืนอันแสนเร่าร้อน...
ปานชนกมองคนที่หลับใหลอยู่ข้างๆ ด้วยความรัก ดวงตางามทอดมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างรักใคร่มือเรียวที่เริ่มกร้านงานไล้เบาๆ กับสันกรามแกร่งที่มีตอหนวดขึ้นสั้นๆ ครูซหนวดขึ้นเร็วมากไม่โกนแค่วันเดียวเหมือนไม่ได้โกนสักสิบวัน และเอจะต้องมาทำหน้าที่โกนหนวดให้เขาอยู่เสมอ
สองเดือนแล้วกระมังที่เธออยู่กับเขาที่นี่ เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน เธอได้ข่าวว่าสิงหราชกับอัจฉรียาพรแต่งงานกันแล้ว งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่สมหน้าสมตาของทั้งสองตระกูล งานแต่งงานที่เธอไม่ได้ไปร่วมงาน...
หลังจากที่เธอโทร. หาชัชแล้วเธอก็ไม่ได้ติดต่อใครอีก เสมือนว่าเธอตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง วันๆ เธอจะขลุกอยู่ในไร่ ทำงานเหมือนกับคนอื่นๆ แต่เธอยังมีหน้าที่พิเศษคือเป็นนางบำเรอของครูซ ตำแหน่งนางบำเรอที่เธอเต็มใจจะรับมันเพื่อไถ่โทษแทนบิดา...
เมื่อเดือนที่แล้วครูซพาเธอไปเยี่ยมบิดาที่เรือนจำ ท่านดูทรุดโทรมและแก่ลงไปมากหน้าตาหมองเศร้าและกำลังป่วย เมื่อท่านเห็นหน้าครูซและได้ฟังเรื่องราวของเขา รวมไปถึงเรื่องที่เธอกับครูซมีความสัมพันธ์กันอย่างไร คุณเกรียงไกรถึงกับร้องไห้และขอโทษขออโหสิกรรมต่อครูซและคนรักของเขาและขอร้องให้เขาปล่อยเธอไปเพราะเรื่องความแค้นของเขาไม่เกี่ยวกับเธอ คุณเกรียงไกรร้องไห้และขอโทษเธอกับแม่ด้วยที่เคยทำไม่ดีเคยทอดทิ้งไม่เคยใส่ใจสั่งสอนให้เธอเป็นกุลสตรีที่ดีนัก แล้วยังสอนเธอให้หลงผิดคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง แต่ปานชนกยังโชคดีอยู่บ้างที่มีเพื่อนที่ดีอย่างชัชที่คอยพูดเตือนสติและคอยห้ามเสมอยามที่เธอทำอะไรผิด แต่ตอนนั้นปานชนกมักหงุดหงิดและต่อว่าชัชด้วยความไม่พอใจ แต่วันนี้ปานชนกนึกขอบคุณชัชกับป้าชบาเหลือเกินที่ครั้งหนึ่งก็เคยสอนสั่งสิ่งดีๆ ให้เธอ
แม้บิดาจะร้องขอให้ครูซปล่อยเธอแต่ปานชนกยืนยันที่จะอยู่กับเขาเพื่อไถ่โทษและชดเชยในสิ่งที่เสียไปให้กับครูซ โดยครูซบอกเธอว่าหากเธอท้องและคลอดลูกให้เขาเมื่อไหร่ เขาจะปล่อยเธอเป็นอิสระ เขาจะเลี้ยงลูกด้วยตัวเองส่วนตัวเธอนั้นไม่มีสิทธิ์ในตัวลูก อยากจะไปไหนเขาก็ยินดีจะไปส่งให้ถึงที่...
“นกทำให้คุณหายโกรธแค้นได้บ้างรึเปล่าคะ พอจะชดเชยสิ่งที่คุณเสียไปได้รึเปล่า.. พี่ช้าง ของนิกกี้..” ปานชนกพูดเบาๆ เสียงหวานสั่นน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนกายลงจากเตียงเดินกลับห้องพักของตนเงียบๆ ตามปกติ เพราะเธอไม่ได้รับอนุญาตให้นอนบนเรือนใหญ่กับเขาแม้จะร่วมรักกันเร่าร้อนสุขสมแค่ไหน เธอจะต้องเดินกลับห้องพักของตัวเองเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแม้บางครั้งจะเหนื่อยแสนเหนื่อย เพลียแสนเพลียแต่ปานจะชนกจะต้องฝืนสังขารของตนกลับห้องพักให้ได้ มีครั้งหนึ่งที่เธอเหนื่อยอ่อนจนหลับไปบนเตียงของเขาตื่นเช้ามาเธอจะรีบลงจากเรือนโดยไม่มองหน้าเขาและอับอายเกินกว่าจะมองหน้าใครๆ แม้แต่ป้ารุ่ง ตั้งแต่นั้นมาเธอก็ไม่เคยหลับบนเตียงของเขาอีกเลยแม้ว่าครูซจะไม่ได้พูดอะไรก็ตาม...
เมื่อประตูปิดลงคนที่ปานชนกคิดว่าหลับไปก็ลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตาคมทอดมองที่นอนข้างๆ ด้วยความสับสนมือหนาเลื่อนไปลูบเบาๆ ตรงที่ร่างบางเคยนอนซึ่งมันยังอุ่นและหอมกรุ่นด้วยกลิ่นกายสาวที่แสนคุ้นเคย...
“แค้นแล้วได้อะไรคะ แค้นแล้วคุณช้างมีความสุขรึเปล่า.. หากไม่คิดจะให้เธอมาแทนที่นิกกี้ ก็ปล่อยเธอไปเถอะค่ะ ความแค้นของคุณมันน่าจะจบตั้งแต่พ่อของเธอได้รับโทษทางกฎหมายแล้ว..” เสียงป้ารุ่งแทรกเข้ามาในความทรงจำ...
และเมื่อคืนก่อนนี้เขาก็ฝันถึงนิราวัลย์ เธอมาพบเขา หญิงสาวอยู่ในชุดแต่งงานสีขาวฟูฟ่องงดงาม รอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนใบหน้างาม
“พี่ช้างคะ พี่ช้างต้องปล่อยนิกกี้ออกจากกรงนี้เห็นไหมคะ” สิ้นคำพูดของเธอเขาก็เห็นกรงนกอันใหญ่ตกลงมาครอบร่างของนิราวัลย์ไว้จากใบหน้าสวยสดใสกลายเป็นเศร้าสร้อย..
“นิกกี้อยากกลับมาอยู่กับพี่ช้างพร้อมกับลูกของเรา พี่ต้องปล่อยนิกกี้นะคะเราถึงจะได้เจอกันอีก..” พูดจบนิราวัลย์ก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและเขาก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาบนเตียงกว้างอันหนาวเหน็บเดียวดาย มันหมายคามว่าอย่างไรกัน นิราวัลย์หมายถึงอะไร ซึ่งภาพและคำพูดจากความฝันในวันนั้นมันยังตามรบกวนใจเขามาตลอด...
เขาจะทำอย่างไรดีหนอ... แล้วความฝันนั้นมันหมายความว่าอย่างไร แล้วเขามีความสุขจริงๆ หรือที่เห็นปานชนกเจ็บปวดร้องไห้ มีความสุขจริงไหมที่เห็นปานชนกทำงานจนเหนื่อยล้าท่ามกลางแดดร้อนๆ แล้วหากเธอไปจากชีวิตเขาจริงๆ ในวันหนึ่งเขาจะอยู่อย่างไร.. ครูซหลับตาลงอย่างสับสนในใจ...
ทางด้านสิงหราชกับชัชก็กำลังเครียดกับข่าวที่ได้รับรู้และพวกเขาก็คิดว่าจะต้องทำอะไรสักอย่าง อย่างน้อยๆ ปานชนกก็เป็นเพื่อนของพวกเขา แม้นายเกรียงไกรจะทำชั่วอะไรไว้แต่ปานชนกก็ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นด้วย ดังนั้นสิงหราช ชัช ศศิ และศรัญรัตน์จึงเดินทางมาหาปานชนกที่ไร่ของครูซ...
“นายครับพวกคุณสิงหราชกำลังมาที่นี่” ครูซพยักหน้าช้าๆ รับรู้
“ก็ให้พวกเขามา แล้วเราก็เตรียมคนของเราไว้เผื่อมีอะไร
“ครับ..” โกสนเดินออกไปแล้วครูซก็ลอบถอนใจออกมาเบาๆ รอคอยการมาของแขกที่จะมาเยือน
ปานชนกดีใจที่เห็นคนที่เธอนึกถึงมาเยือนอยู่ตรงซุ้มประตูทางเข้าบ้านหลังงาม หญิงสาวรีบวิ่งเข้ามาสวมกอดสิงหราชทันที...
“สิงโต..” ด้วยความดีใจปานชนกน้ำตาไหลพรากกอดเขาแน่นเลยทีเดียว
“ชัชก็มาเหรอ ศิ น้องรัน..” ปานชนกยิ้มทั้งน้ำตาแล้วผละจากสิงหราชมากอดชัชและศศิด้วยความดีใจ
“ฉันคิดถึงเธอนะนก.. พวกเรามาช่วยพานกกลับบ้าน..”
ศศิบอกเบาๆ รอยยิ้มที่ระบายเต็มใบหน้าของปานชนกค่อยๆ จางหายไป ดวงตางดงามที่เคยเจิดจรัสหม่นลง
“นกคงกลับไปด้วยไม่ได้หรอก..” หญิงสาวบอกเสียงเศร้า
“ทำไมล่ะนก” ชัชถาม
“นก..” ปานชนกพูดไม่ออก ได้แต่มองหน้าทุกคนอย่างอึดอัดใจ
“เขาบังคับข่มเหงนกรึเปล่า” สิงหราชจับไหล่บอบบางของปานชนกให้หันมาสบตา หญิงสาวหลบตาแล้วส่ายหน้าช้าๆ
“นก โกหกไม่เก่งหรอก บอกมาเถอะพวกเราพร้อมจะช่วยนะ” ชัชถามอย่างห่วงใยจากใจจริง
“ไม่ เขาไม่ได้บังคับนกเลย แต่นกไปจากที่นี่ไม่ได้จริงๆ” ปานชนกหลบตาเพื่อนๆ
ครูซมองปานชนกที่นั่งคุยอยู่กับเพื่อนๆ ของเธออยู่ด้วยความพลุ่งพล่านในอก ความหึงหวงแล่นพล่านไปทั้งใจเพียงแค่เห็นเธอโอบกอดชายอื่น ถึงแม้จะรู้ว่าปานชนกกับสิงหราชไม่มีอะไรต่อกันแต่ความหึวงหวงในใจมันก็ห้ามไม่ได้
“หึ ปากก็บอกว่าอยากชดใช้แต่พอเจอแฟนเก่าก็ยิ้มหน้าบาน”
“หึ คนบางคนก็ท่าเยอะค่ะ ไม่ยอมรับใจตัวเองซะที ระวังนะคะ จะเสียโอกาสดีๆ ไป” ป้ารุ่งเดินผ่านมาเปรยขึ้น ครูซหันไปมองผู้สูงวัยที่เดินลงเรือนไปด้วยความขุ่นใจเล็กน้อยๆ ไม่ใช่เพราะไม่พอใจป้ารุ่งแต่ไม่พอใจคนที่เป็นต้นเหตุให้เขาหงุดหงิดใจอย่างนี้ต่างหาก
ทางด้านปานชนกที่ได้รับอนุญาตให้มาพักกับเพื่อนๆ ของตนที่รีสอร์ตของครูซได้ก็กำลังน้ำตาไหลพรากเมื่อรู้ข่าวว่าบิดาของตนป่วยหนักและอาการทรุดลงกว่าครั้งที่เธอไปเยี่ยมท่านมาก
“พี่ต้องขอโทษแทนคุณพ่อด้วยนะน้องรัน”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่นก เรื่องมันผ่านมาแล้ว ตอนนี้ท่านก็ได้รับผลกรรมที่ท่านทำแล้ว” ศรัญรัตน์บอกสาวรุ่นพี่พลางตบหลังมือบางเบาๆ เพื่อปลอบโยน
“อย่าคิดมากนะนก เรื่องมันก็แล้วไปแล้ว ว่าแต่เรื่องของนกกับคุณครูซนี่มันเป็นไงมาไงเหรอ”
“เรารู้จักกับเขาผ่านเพนนี เธอจำเพนนีได้ไหม” ศศิพยักหน้าช้าๆ
“อ้อจำได้..”
“แต่ช่างเถอะ ฉันไม่อยากพูดถึงมัน”
“โอเค นี่ก็ดึกแล้วน้องรันไปนอนได้แล้วไป..” ศรัญรัตน์ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องนอนของตนไป บ้านพักหลังนี้มีสองห้องซึ่งสิงหราชกับชัชพักอีกห้องหนึ่ง ความจริงครูซจะให้พวกเธอพักคนละหลังแต่พวกเธอเลือกจะพักด้วยกันเพราะสะดวกกว่าและเพื่อจะได้มีโอกาสคุยกับปานชนกด้วยกัน แต่ตอนนี้สองหนุ่มขอตัวไปคุยธุระสำคัญกับครูซอยู่ที่บ้านของชายหนุ่ม
“ของที่ฉันขอให้เธอไปซื้อล่ะศิ” เมื่อลับหลังน้องสาวแล้วปานชนกก็หันมาถามศศิด้วยน้ำเสียงร้อนรน โชคดีที่ศศิมาเพราะหากไม่มีศศิเธอเองก็ไม่รู้จะฝากใครซื้อและหากสิ่งที่เธอกังวลมันเกิดขึ้นจริงๆ เธอคงจะปิดบังมันไม่ได้
“ได้มาสิ เอานี่ฉันขอให้เธอไม่ท้องนะนก..” ศศิมองเพื่อนรักอย่างเห็นใจเมื่อรู้เรื่องราวระหว่างปานชนกกับครูซแล้ว
“ฉะ ฉันก็หวังอย่างนั้น” ปานชนกรีบเข้าห้องน้ำไปสักครู่ก็ออกมา ใบหน้าซีดเซียวและน้ำตาที่อาบแก้มของเธอทำให้ศศิพลอยน้ำตาไหลไปด้วย ศศิเดินไปโอบกอดปานชนกไว้ สองสาวร่ำไห้ด้วยกันอยู่พักใหญ่จนเมื่อได้ยินเสียงของสิงหราชกับชัชเดินเข้ามาทั้งสองจึงรีบเช็ดน้ำตาและนั่งรอสองหนุ่มด้วยท่าทางเป็นปกติ
