บทที่ 6. น้ำตาลูกผู้ชาย
ปานชนกมองคนตัวโตที่เดินถืออุปกรณ์ทำความสะอาดไปเก็บที่โรงเก็บของอยู่ห่างๆ หนึ่งเดือนที่ผ่านมาครูซคอยมายืนมองเธออยู่หน้าร้านกาแฟ แล้วจะมาช่วยเธอเก็บของปิดร้านคอยถามไถ่เรื่องเธอกับลูกๆ ในท้องว่าเป็นอย่างไรบ้างแต่เขาไม่เคยเข้าใกล้เธอเกินหนึ่งเมตรตามที่ได้ตกลงกันไว้ แต่ระหว่างที่ครูซพยายามทำทุกอย่างเพื่อชดใช้ให้เธอนั้นทำให้ปานชนกแอบปลื้มอยู่ไม่น้อยที่ครูซแสดงออกว่ารักเธอและเขาก็บอกว่าจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เธอยกโทษให้ที่ได้ทำร้ายเธอด้วยการกระทำและคำพูดก่อนหน้านี้ ครูซบอกว่าต้องการเธอกับลูกกลับไปที่ไร่พร้อมกัน เพราะเขารักเธอ... แน่นอนว่าหัวใจดวงเล็กๆ พองโตแต่เพราะปมในใจมันคอยย้ำให้เธอคิดว่า เขาอาจจะเห็นเธอเป็นตัวแทนคนรักเก่าของเขาก็ได้ทำให้ปานชนกยังคงไม่ยอมความรักของครูซ...
“นิกกี้จ๋า กลับกันรึยังจ๊ะ เดี๋ยวพี่ช้างไปส่ง..” ครูซยิ้มร่ามาหาเธอปานชนกรีบปรับสีหน้าแล้วเชิดหน้าขึ้นมองเขาด้วยหางตา...
“ฉันกลับกับพงษ์อยู่แล้วไม่ต้องรอให้คุณไปส่งหรอกค่ะ” พูดไม่ทันขาดคำ พงษ์พนักงานขับรถประจำรีสอร์ตซึ่งเป็นคนรักของแจ๋วแหว๋วก็เดินมาหาปานชนก ครูซมองพงษ์ตาเขียวปัดจนชายหนุ่มร้อนๆ หนาวๆ รีบเข้าไปรับมองในมือปานชนกไปไว้ที่รถแล้วติดเครื่องรอ เนื่องจากช่วงนี้ท้องของปานชนกใหญ่ขึ้นจึงไม่ได้ปั่นจักรยานมาทำงานแต่ให้พงษ์คอยรับส่ง
“พี่ไปด้วย” ครูซเดินตามปานชนกไปห่างๆ แล้วนั่งหน้าคู่คนขับหน้าตาเฉย ปานชนกหมดคำจะพูดกับความดื้อด้านของเขา และทุกวันเขาก็จะมาคอยเดินตามและนั่งรถมากับเธอแบบนี้จนเธออ่อนใจจะบอกกล่าว และพอเธอเข้าบ้านครูซจึงจะเดินกลับไปที่พักของตนซึ่งอยู่ไกลจากบ้านพักของเธอมากเพื่อทำธุระส่วนตัวเต็นท์นอนแล้วจะกลับมานอนเฝ้าเธออยู่หน้าบ้าน เดือดร้อนให้เธอต้องเตรียมยากันยุงและผ้าห่มและมุ้งครอบไว้ให้เพราะอากาศตอนดึกนั้นหนาวมาก ครั้นจะใจดำปล่อยให้เขานอนหนาวก็ทำไม่ได้เพราะใจของเธอมันเอนเอียงไปหาเขาอยู่แล้วพอตอนเช้าครูซก็จะรีบตื่นไปที่เต็นท์เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ว่าเขามานอนหน้าบ้านของเธอ
แต่เพราะความระแวงและอยากจะพิสูจน์ใจเขาให้นานกว่านี้หน่อยทำให้ปานชนกอดทนที่จะทำตัวเย็นชากับครูซตามคำแนะนำของบรรดาแม่ๆ ทั้งหลายซึ่งเธอก็เห็นด้วยว่าไม่ควรใจอ่อนเร็วเกินไป ทั้งที่เธอนั้นยอมวางหัวใจไว้กับครูซตั้งแต่แรกพบหน้าเขาแล้วและยิ่งเห็นว่าเขาตามมางอนง้อคนที่ขาดความรักความอบอุ่นอย่างเธอก็อยากจะโผกอดเขาไว้และบอกว่าเธอรักเขามากแค่ไหน...
สามทุ่มแล้วปานชนกยังไม่เห็นว่าครูซจะมานอนประจำที่หน้าประตูบ้านหญิงสาวเริ่มกังวลและกระวนกระวายจน ผึ้ง เด็กสาววัยใสลูกสาวของแม่บ้านในคุ้มที่มานอนเป็นเพื่อนเธอสงสัย
“คุณนกเป็นอะไรคะ ปวดท้องรึเปล่าคะ..” เด็กสาวหน้าตื่นเพราะเกรงว่าปานชนกจะคลอดก่อนกำหนด
เปล่าจ้ะฉันแค่หงุดหงิด..”
“อ้อ หงุดหงิดเพราะคุณช้างยังไม่มานอนหน้าบ้านใช่ไหมคะ” เด็กสาวหัวเราะคิกคักๆ ปานชนกมองค้อนผึ้งแล้วก็ต้องผุดลุกขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูพร้อมด้วยเสียงตื่นเต้นของสิงหราช...
“นกๆ หลับรึยัง.. เปิดประตูให้ผมหน่อย..”
“มีอะไรคะสิงโต” หญิงสาวรีบเปิดประตูทันทีพลางมองหาใครอีกคน
“แย่แล้ว ไอ้ช้างๆ”
“พี่ช้างเป็นอะไรคะ” ด้วยความห่วงเขาจึงลืมตัวเรียกครูซอย่างสนิทสนมและท่าทางของเธอนั้นทำให้สิงหราชซ่อนความพึงพอใจไว้
“อยู่ๆ มันก็ตัวร้อนจี๋เลย สงสัยวันนี้ตกแดดนานไปหน่อยและอากาศก็เหวี่ยงมากวันนี้ร้อนมาก หนาวมาก แถมมีฝนปรอยๆ อีก จนไอ้ช้างมันก็เลยป่วย”
“ตอนนี้พี่ช้างเป็นไงบ้างคะ”
“นอนร้องไห้เพ้อไม่ได้สติพูดไม่รู้เรื่องอยู่ที่เต็นท์”
“ทำไมไม่พาไปหาหมอคะ”
“มันไม่ยอมน่ะสิดิ้นรนถีบซ้ายถีบขวาจนพี่กับคุณพ่ออ่อนใจต้องมาตามให้นกไปช่วยพูดกับมันหน่อย” สิงหราชทำสีหน้าร้อนรนได้อย่างน่าเชื่อถือที่สุด
“รอเดี๋ยวนะคะนกไปหยิบเสื้อคลุมก่อน ผึ้งปิดบ้านเร็ว” หญิงสาวหันไปสั่งผึ้งแล้วเดินไปหยิบเสื้อคลุมตัวใหญ่พร้อมกับหมวกไหมพรมมาสวมก่อนจะรีบเดินตามสิงหราชไปที่รถ...
คุณอัคคีชะเง้อมองทางแล้วเมื่อเห็นสิงหราชส่งสัญญาณมาก็รีบหันไปบอกอีกสามหนุ่มให้เตรียมตัวกับละครชุดใหญ่ที่ลงทุนยอมให้เมียโกรธโทษฐานสร้างเรื่องโอละพ่อ แต่เพื่อให้ผัวเมียเขาดีกันและเพื่อให้พวกตนได้กลับเข้าบ้านเหมือนเดิมทำให้ทุกคนยอมทุ่มสุดตัวเพื่องานนี้
“สิงโตมาแล้ว ซันไปเตรียมตัวเร็ว” อัคราเดินกลับเข้าไปในเต็นท์ คุณอัคคีกับพ่อเลี้ยงอินคำก็เริ่มเล่นตามบท...
“โอ๊ยยย.. ไฟ นายไปช่วยซันจัดการไอ้ช้างตกมันนั่นสิ คนบ้าอะไรวะขนาดป่วยยังแรงเยอะ หากไม่พาไปหาหมอวันนี้มันได้ชักตายแน่ๆ” พ่อเลี้ยงอินคำลงทุนนอนลงกับพื้นหญ้าทำท่าทางเหมือนว่าโดนคนในเต็นท์ถีบกระเด็นออกมาในขณะที่คุณอัคคีทำท่าเข้าไปประคองให้ลุกขึ้น
“นั่นสิ หากมันตายไปจริงๆ พวกเราแย่แน่ๆ เลยพี่อิน..”
“คุณพ่อ คุณอาคะ พี่ช้างอาการหนักมากหรือคะ” ปานชนกเดินอุ้ยอ้ายมาหาสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลใจ
“โอ๊ย ไอ้ช้าง ไอ้บ้า อยู่เฉยๆ สิวะ จะช่วยเช็ดตัว คุณพ่อคุณลุงครับมาช่วยผมจับไอ้ช้างหน่อย ผมจะเช็ดตัวลดไข้ให้มัน มันก็ไม่ยอม” เสียงอัคราดังมาจากในเต็นท์
“ไม่อย่ามายุ่งกับฉัน ปล่อยให้ฉันตายไปเลย ฮือๆ เมียไม่รัก ไม่ยอมยกโทษให้ อยู่ไปก็ไม่มีโยชน์ปล่อยให้เป็นไข้ชักตายไปเลย” เสียงคนป่วยดังโหวกเหวกออกมาทำให้ปานชนกใจแป้ว หากเขาตายไปจริงๆ เธอกับลูกจะอยู่อย่างไรล่ะ
“เออๆ เดี๋ยวพ่อเข้าไปช่วย สิงโตมาช่วยกัน พ่อว่าจับตัวมัดส่งโรงพยาบาลเลยดีกว่า”
“จะดีหรือครับพ่อ ก่อนไปหานกผมก็โดนมันถีบจนจุกแล้วนะครับ ไอ้บ้านี่มันฉายาช้างตกมันแรงเยอะด้วย”
“เอาน่า หรือจะปล่อยให้ช้างไข้สูงแล้วช็อกตาย อากาศเย็นลงยิ่งแย่นะลูก”
“ใช่ค่ะสิงโต ต้องรีบพาพี่ช้างส่งให้ถึงมือหมอนะคะ”
“งั้นเดี๋ยวผมไปหาเชือกสักเส้นก่อน นกรออยู่นี่นะ คุณลุงครับเราไปหาเชือกด้วยกันเถอะครับไอ้ช้างตกมันนี่ต้องใช้เชือกเส้นใหญ่ๆ มัดเลยครับถึงจะเอาอยู่ ทางนี้ให้คุณพ่อกับซันจัดการ” พ่อเลี้ยงอินคำพยักหน้าแล้วเดินตามสิงหราชไป
“อาว่านกช่วยพูดอีกแรงดีไหมเราจะได้ไม่เหนื่อยไม่ต้องถึงกับมัดกันเหมือนหมูเหมือนหมาไปหาหมอ อายเขา” คุณอัคคีพูดกับปานชนกด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ
“ก็ได้ค่ะ..” ปานชนกรีบรับปากแล้วเข้าไปในเต็นท์ทันทีด้วยความห่วงใยคนที่อยู่ด้านในจึงไม่ได้เห็นรอยยิ้มสมใจของคุณอัคคีที่แอบส่งสัญญาณให้สิงหราชกับพ่อเลี้ยงอินคำได้รู้ว่าแผนสำเร็จไปหนึ่งขั้น
“ฮือๆ ออกไปไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ปล่อยให้ฉันตายไปเลย เมียก็ไม่รัก แถมยังเกลียดฉันจนไม่อยากเจอหน้า” คนตัวโตนอนขดตัวสั่นสะท้านอยู่ทำให้ปานชนกใจแป้วห่วงใยเขามาก
“ต้องขอแรงนกหน่อยนะ พี่เองก็ไม่ไหวเหมือนกัน ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้วยังมาเจอฤทธิ์ไอ้ช้างตกมันนี่อีก”
“ค่ะ..”
ปานชนกพยักหน้าแล้วค่อยๆ นั่งลงข้างๆ ครูซเมื่ออัคราออกไป เต็นท์ที่นอนนี้เป็นเต็นท์ขนาดใหญ่และแข็งแรงข้างในเต็นท์จะอุ่นกว่าข้างนอกที่เริ่มเย็นลง
“ไม่ต้องมายุ่ง..” ครูซทำทีปัดมือบางที่เอื้อมมาแตะที่แขนออกเบาๆ
“นกเองค่ะพี่ช้าง” ปานชนกพูดกับเขาและพยายามพลิกกายใหญ่โตให้นอนหงายเพื่อเธอจะได้เช็ดหน้าเช็ดตาให้เขา
“นิกกี้ นิกกี้จริงๆ หรือ” คนที่เอาแต่ซุกหน้าอยู่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเธอ ปานชนกใจหายเมื่อสบตาแดงก่ำของเขา นี่ครูซร้องไห้หรอกหรือ...
“ค่ะ พี่ช้างเช็ดตัวหน่อยนะคะ แล้วเราไปหาหมอกันเดี๋ยวไข้สูงจะแย่” เธอบอกเขาพลางเช็ดใบหน้าหล่อเหลาเบาๆ ครูซจับมือเธอไว้แล้วกดมันลงกับอกข้างซ้าย
“นิกกี้ ยกโทษให้พี่นะ ยกโทษให้พี่ก่อนตาย พี่ช้างจะได้ตายตาหลับ”
“อย่าพูดแบบนี้สิคะ แค่พี่ช้างไปหาหมอก็หายแล้วค่ะไม่ถึงตายหรอก แต่หากไม่ไปสิคะอาจจะตายได้” ปานชนกพยายามพูดให้เขาไปหาหมอเพราะตัวเขาร้อนมาก ก็จะไม่ให้ร้อนมากได้อย่างไรเพราะก่อนหน้านี้พวกเขาช่วยกันใช้ไดร์เป่าผมเป่าลมร้อนใส่ตัวครูซ
“ไม่ นิกกี้ต้องยกโทษให้พี่ก่อน นิกกี้จ๋า พี่ช้างรักนิกกี้ รักลูกๆ ของเรา เราคืนดีกันนะ ให้พี่ได้ชดใช้ให้พี่ได้ดูแลนิกกี้กับลูก”
“แต่.. แต่นกไม่อยากเป็นตัวแทนของใครและไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่พี่ช้างพูดมาเป็นความจริง..” ปานชนกเสียงเบาหวิวมองเขาอย่างสับสน
“พี่รักนกจริงๆ รักตั้งแต่เห็นหน้ารักตั้งแต่รู้ว่านิกกี้เป็นใคร.. พี่ไม่ได้พูดเพื่อให้นิกกี้ยอมใจอ่อนหรือเพราะอยากได้ลูก พี่ขอโทษที่พูดไม่ดีกับนิกกี้เคยทำโทษนิกกี้อย่างป่าเถื่อน ยกโทษให้พี่นะ นิกกี้ไม่ต้องรักพี่ก็ได้ขอแค่ให้พี่รักนิกกี้ฝ่ายเดียวก็ได้”
“แล้วทำไมจะต้องห้ามไม่ให้นกรักพี่ช้างด้วยล่ะคะ” ปานชนกต่อว่าเขาเสียงสั่น
“นิกกี้ หมายความว่า..”
“คนบ้า คนเขารักตัวเองยังจะมาห้ามไม่ให้รัก ไม่รักก็ได้” ปานชนกทำเสียงเขียวแล้วทุบอกกว้างของเขาหนักๆ ไปสองที ครูซลุกขึ้นทันทีแล้วประคองดวงหน้างามไว้อย่างแสนรักมองเข้าไปในดวงตางามที่รื้นหยาดน้ำตา...
“นิกกี้รักพี่ช้างจริงๆ ใช่ไหม”
“ถ้าไม่รักจะยอมขนาดนั้นรึไงคนทึ่ม แล้วนี่หายแล้วหรือคะ..” ปานชนกเริ่มเห็นความผิดปกติของคนตรงหน้าและคนอื่นๆ หญิงสาวมองรอบๆ กายแล้วก็เริ่มเข้าใจ หญิงสาวทำท่าจะลุกขึ้นด้วยความไม่พอใจที่โดนหลอกแต่ครูซกอดเธอไว้แน่นเกยคางแกร่งไว้กับบ่าบอบบางที่สั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้น...
“ปล่อยนะคนหลอกลวง นี่เคยพูดความจริงกับฉันไหม” ปานชนกพยายามจะดิ้นหนีแต่ก็แพ้แรงเขาและแพ้ใจตัวเองเมื่ออ้อมกอดของเขามันอุ่นเหลือเกิน และเธอก็สัมผัสได้ถึงหยดน้ำอุ่นๆ ที่ไหลลงมากระทบบ่าบอบบางของตน เขากำลังร้องไห้ ร้องไห้จริงๆ...
“นิกกี้จ๋า ได้โปรดอย่าโกรธคนอื่นๆ เลย ทุกคนเหนื่อยและอยากกลับไปหาครอบครัวและอยากให้เราคืนดีกัน อยากให้เรามีความครัวที่อบอุ่น พี่รักนิกกี้รักที่สุด หากชีวิตนี้ไม่นิกกี้กับลูกพี่ก็ขอตายไปเสียจะดีกว่า ได้โปรดที่รัก.. ยกโทษให้พี่เถอะ เราอยู่ด้วยกันตลอดไปได้ไหม..” ปานชนกนิ่งงันยอมรับว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นคือสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุด ครอบครัวที่อบอุ่น...
“แต่นกไม่อยากเป็นตัวแทนของนิกกี้”
“นิกกี้คือผู้หญิงคนแรกที่พี่รักและยังรักเธออยู่ในส่วนลึกของใจ..” ครูซผละออกจากบ่ามนแล้วมองสบตาเธอ ปานชนกใจแป้วเมื่อเห็นน้ำตาของเขา มือบางเอื้อมไปเช็ดน้ำตาให้เขาอย่างอ่อนโยน
“และนิกกี้คนนี้ก็คือรักในปัจจุบันที่ไม่อาจจะเอาไปเทียบกับนิกกี้คนก่อนได้เพราะคนละคนกัน แต่ความรักที่พี่ช้างมีให้นิกกี้ทั้งสองคนมันไม่อาจประมาณค่าได้เลยว่ารักใครมากกว่ากัน แต่พี่ช้างขาดนิกกี้คนนี้ไปไม่ได้ และอยากจะอยู่กับนิกกี้คนนี้จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ ที่รัก พี่ช้างรักนิกกี้ ครูซรักปานชนก..” ปานชนกสะอื้นด้วยความตื้นตันกำแพงทิฐิในใจเธอสลายไปด้วยน้ำตาและคำว่ารักของเขา...
“นกก็รักพี่ช้างคะและอยากจะเป็นภรรยาของพี่ช้างตลอดไป..”
“โอ ที่รัก นิกกี้ ขอบคุณๆๆ ที่รักพี่ช้างรักนิกกี้เหลือเกิน..” แล้วทั้งสองก็โผเข้ากอดกันแน่น...
“เย้ สำเร็จแล้ว..” เสียงของคนที่รอลุ้นอยู่ข้างนอกดังลั่นพร้อมทั้งกระโดดกอดกันด้วยความดีใจ
“พวกเราขอโทษด้วยนะหนูนกที่วางแผนหลอกมา แต่ความรักของช้างที่มีให้หนูไม่หลอกนะ พวกเรารู้ดี และยินดีมากหากลูกทั้งสองจะรักและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข” พ่อเลี้ยงอินคำเข้ามาในเต็นท์ตามด้วยคุณอัคคี สิงหราช และอัครา...
“ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณพ่อ” หญิงสาวผละออกมาแล้วกราบลงกับอกกว้างของพ่อเลี้ยงอินคำด้วยกริยาที่น่ารัก พ่อเลี้ยงอินคำลูบเรือนผมสลวยเบาๆ
“หมดทุกข์หมดโศกเสียทีนะลูก ต่อไปพวกเราจะได้มีความสุขกันเสียที..”
“ค่ะคุณพ่อ.. อุ๊ย...” แล้วปานชนกก็หน้าตาเหยเกร่างอวบทรุดลงครูซรีบเข้ามาประคองร่างอวบของเธอไว้ด้วยความกังวล
“นิกกี้ เป็นอะไรครับ” ปานชนกพูดไม่ออกได้แต่ทำหน้าเหยเก
“สงสัยว่านกจะคลอดว่ะ แต่มันยังไม่ครบกำหนดนี่นา”
“ไม่ต้องคิดมากแล้วไอ้ซันไปติดเครื่องรถรอเลย แกพาเมียไปหาหมอเลยไอ้ช้าง เดี๋ยวฉันจะไปเอาของที่บ้านนกแล้วตามไป” สิงหราชบอกแล้วเดินออกไปที่รถพร้อมกับอัครา ก่อนที่พวกเขาจะพาปานชนกไปหาหมอส่วนคุณอัคคีกับพ่อเลี้ยงอินคำก็ไปที่เรือนใหญ่เพื่อแจ้งข่าวเรื่องปานชนกปวดท้อง...
แล้วทุกคนก็ต่างปลาบปลื้มยินดีเมื่อปานชนกคลอดลูกสาวฝาแฝดอย่างปลอดภัยซึ่งเด็กๆ นั้นแข็งแรงมากแม้จะคลอดก่อนกำหนดไปหนึ่งสัปดาห์ก็ตาม ครูซหน้าบานเมื่อเห็นหน้าลูกสาวที่น่ารักน่าชังแล้วได้รับการยกโทษให้ทั้งจากปานชนกและบรรดาสาวขาโหดทั้งหลาย ครูซจดทะเบียนสมรสกับปานชนกก่อนออกจากโรงพยาบาล...
ปานชกออกจากโรงพยาบาลมาได้หลายวันแล้วและกำลังหัดเลี้ยงลูกด้วยตัวเองด้วยการให้นมแม่โดยมีแม่บัวกับแม่เลี้ยงเกศราคอยดูแลไม่ห่างทำให้หญิงสาวรู้สึกตื้นตันและมีความสุขมากกับความรักความเอาใจใส่ที่ทุกคนมีให้ อัจฉรียาพรเองก็มาดูงานในฐานะว่าที่คุณแม่ที่ใกล้จะคลอดอีกมี่สัปดาห์ แม่เลี้ยงเกศรามองเด็กน้อยที่หลับปุ๋ยในอ้อมแขนอย่างหลงใหลกับความน่ารักน่าชังของแม่หนูน้อยฝาแฝด ปานชนกกับครูซตั้งชื่อเด็กๆ ว่า น้องไหม กมลชนก น้องมด เด็กหญิงกมลมาดา
“ทำไมไอ้ช้างมันได้ลูกทีเดียวสองคนเลย..” สิงหราชพูดขึ้นทำให้ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียวแล้วก็ส่ายหน้าอย่างระอาใจกับคนอิจฉาเพื่อนที่ได้ชื่นชมลูกสาวตัวน้อยก่อนตนแล้วยังมีพร้อมกันสองคนด้วย วันนี้ทั้งสองครอบครัวมารวมตัวกันในห้องนั่งเล่นก็กว้างขวางและร่มรื่นเย็นสบายเพราะห้องนี้เปิดโล่งรับลมจากสวนสวย
“พี่สิงโตนี่ ทำตัวเหมือนเด็กๆ”
“ใช่เลยน้องอิ่มอุ่น ไอ้สิงโตมันโตแต่ตัวสมองเท่าเด็กสิบขวบ” ได้ทีครูซก็เย้ยเพื่อนรักแต่ปานชนกหมั่นไส้สามีจึงหยิกต้นแขนเขาแรงๆ
“โอ๊ยๆๆ เมียจ๋า เจ็บๆ ยอมแล้วจ้าๆ”
“ทีหลังห้ามว่าคนอื่นแบบนี้นะคะ คนอะไรเห็นเพื่อนล้มแล้วรีบซ้ำ”
“จริงด้วยนก ดีนะเนี่ย หลานฉันน่ารักน่าชังได้แม่ ไม่ได้พ่อมาสักนิด” คำพูดของสิงหราชนั้นไกลความเป็นจริงมากโขอยู่เพราะแม่หนูน้อยทั้งสองถอดแบบผู้เป็นพ่อมาไม่ผิดเพี้ยนหากแต่ได้ผิวขาวละเอียดและปากจิ้มลิ้มเหมือนปานชนก แต่เพราะหมั่นไส้เพื่อนรักสิงหราชจึงค่อนแคะไปเสียอย่างนั้น...
“สองคนนี้ถ้าจะมาเถียงกันนะแม่ว่าออกไปข้างนอกเลยไป รบกวนหลานแม่จะนอน” แม่เลี้ยงเกศราเงยหน้าขึ้นมาดุสองหนุ่มที่หน้าจ๋อยไปทันที เพราะถ้าออกไปก็จะไม่ได้อยู่ใกล้ลูกเมียน่ะสิ
“นั่นสิ มานั่งเถียงกันรบกวนลูกทำไม” คุณอโนมาเสริมขึ้นอย่างหมั่นไส้ลูกเขยเหลือกำลัง
“ครับๆ ไม่เถียงกันแล้ว เรารักกันจะตายเนอะไอ้ช้าง”
“ใช่ๆ ไอ้สิงโตเพื่อนยาก” แล้วทั้งสองก็หันไปกอดคอกันทำท่ารักกันเสียนักหนา
“พอเถอะค่ะพี่สิงโต เวอร์ไปแล้ว..” อัจฉรียาพรค้อนสามีอย่างหมั่นไส้ สิงหราชรีบเข้ามากอดร่างอวบของภรรยาแล้วหอมแก้มใสฟอดใหญ่ อัจฉรียาพรขัดเขินกับการกระทำของสามีจึงตีต้นแขนแข็งแรงเสียเต็มแรง
“โอ๊ยยย เมียจ๋า จะตีผัวให้ตายเลยเหรอไ
“หนังหนาอย่างพี่สิงโตไม่ตายง่ายๆ หรอกค่ะ”
“แต่อาจจะตายได้หากขาดแก้มใสๆ ให้หอมเช้าเย็นนะจ๊ะ”
“อี๊ พี่สิงโต” อัจฉรียาพรหน้าแดงกับคำพูดห่ามๆ ของสามีพร้อมกับปลายจมูกคมยื่นมาหอมแก้มใส
“โอ๊ยเลี่ยนค่ะเลี่ยน..” น้องกระต่ายพูดขึ้นอย่างหมั่นไส้พี่ชายตัวเอง
“นั่นสิกระต่าย เราไปเดินเล่นกันดีกว่า” น้องโอมซึ่งวัยไล่เลี่ยกันเอ่ยชวนแล้วสองเพื่อนรักก็เดินออกไป เหล่าผู้ใหญ่ซึ่งมีคุณอัคคี พ่อเลี้ยงอินคำต่างก็ทำหน้าหมั่นไส้ลูกชาย
“เราไปเดินออกกำลังกันดีกว่าพี่อิน จะได้แข็งแรงๆ มีแรงเตะลูกเขย” คุณอัคคีชวนแล้วลุกขึ้นเดินนำหน้าพ่อเลี้ยงอินคำออกไป ทั้งสองแม้จะวัยล่วงเลยมากว่าหกสิบปีแต่ยังคงแข็งแรงและหล่อเหลาภูมิฐานดูออ่นกว่าวัยเพราะหมั่นออกกำลังกายและดูแลตัวเองอย่างดี
“เราก็กลับกันดีว่าค่ะพี่ซัน”ปลายฝนเอ่ยชวนสามีอัคราลุกขึ้นแล้วทั้งสองสามีภรรยาก็ไหว้ลาทุกคนก่อนจะควงแขนกันออกไปกระหนิงกระหนิง สิงหราชมองตามเพื่อนรักไปก่อนจะยิ้มในหน้าด้วยแววตาเจ้าเล่ห์..
“อิ่มอุ่นจ๋า..”
“อะไรคะพี่สิงโต” พูดกับเขาแต่สายตากำลังมองหนูน้อยในเปล ซึ่งพอกินอิ่มก็หลับปุ๋ยไป อัจฉรียาพรช่วยปานชนกไกวเปลหลังจากที่เห็นว่าเด็กๆ หลับแล้วแม่เลี้ยงเกศรากับคุณอโนมาก็พากันออกไปและสั่งให้แม่ครัวทำอาหารกลางวัน...
“เรากลับบ้านเรากันเถอะ อย่าอยู่กวนเขาเลย” อัจฉรียาพรหันมามองสามีแล้วหน้าแดงก่ำเมื่อสบกับดวงตาพราวพราย ปานชนกกับครูซหัวเราะเบาๆ แล้วโอบกอดกันหลวมๆ ดูลูกๆ หลับอย่างมีความสุข อัจฉรียาพรก็พลอยรู้สึกเป็นส่วนเกิน...
“ไปสิคะ แต่อิ่มอุ่นจะแวะหาแม่บัวก่อนนะคะ” รู้ทันว่าหากกลับไปตอนนี้คนเจ้าเล่ห์ไม่ปล่อยเธอหลุดมือแน่...
“ได้ครับ ได้ทุกอย่างเลย..” สิงหราชรีบลุกขึ้นจับมือเรียวของภรรยาเดินออกไป...
ปานชนกกับครูซเดินทางกลับไร่ในอีกสามวันต่อมาโดยมีครอบครัวของอัจฉรียาพรกับรอบครัวสิงหราชเดินทางมาส่งทำให้หญิงสาวรู้สึกตื้นตันใจมากที่ได้รับความรักจากทุกคน ชัชกับศศิเองก็มาส่งเธอด้วย ส่วนป้ารุ่งพอเห็นหน้าเด็กๆ ก็ถึงกับน้ำตาไหลและเห่อเด็กๆ มาก นางอาสาเป็นแม่นมช่วยเลี้ยงเด็กๆ อย่างดี กาหลงกลับมาที่ไร่และมาขอโอกาสอีกครั้งซึ่งปานชนกก็ขอร้องให้ครูซยกโทษให้กาหลง ปานชนกเองก็ขอโทษกาหลงด้วยเช่นกันที่เคยทำไม่ดีไว้ กาหลงถึงกับอึ้งไปเมื่อปานชนกขอโทษตนซึ่งเธอไม่เคยได้รับคำคำนี้จากใครนักและมักจะเป็นฝ่ายระรานคนอื่นๆ เสมอ ทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อนและไม่มีใครสนใจห่วงใยนอกจากโกสนกับป้ารุ่ง
มิตรภาพที่ดีของปานชนกกับกาหลงก็เริ่มขึ้น ซึ่งปานชนกเรียนรู้ที่จะให้โอกาสคนอื่นเหมือนกับที่ตนได้จากสิงหราชกับอัจฉรียาพรและครอบครัวของพวกเขา ทำให้คนที่ขาดความอบอุ่นโหยหาความรักและไร้ญาติขาดมิตรอย่างเธอได้พบชีวิตใหม่ที่แวดล้อมด้วยความรักที่ต่างหยิบยื่นให้กัน ซึ่งแน่นอนว่ามันดีกว่าความเกลียดชัง
ปานชนกได้รับบทเรียนหลายอย่างในชีวิตซึ่งเธอจะจดจำไว้เพื่อสอนสั่งลูกๆ ของเธอต่อไป ครูซพาเธอไปเยี่ยมบิดาและพาลูกๆ ไปให้ท่านเห็นหน้าเป็นครั้งสุดท้ายเพราะนายเกรียงไกรป่วยหนักด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและอยู่ในความดูแลของแพทย์และการควบคุมของตำรวจอย่างใกล้ชิด นายเกรียงไกรน้ำตาไหลพรากและยินดีที่ลูกสาวของตนมีคนดูแลที่ดีและจากไปอย่างสงบหลังจากที่ทนเจ็บปวดมาระยะหนึ่ง...
ปานชนกพาครูซไปที่บ้านแม่มะลิและครูซก็อาสาอุปการะเด็กๆ ในบ้านเรื่องการศึกษาโดยจะให้ทุนการศึกษาเด็กๆ ทุกปี และช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมไปถึงนำเรื่องราวของบ้านแม่มะลิให้หน่วยงานระดับชาติได้รับรู้และดูแลช่วยเหลือในบางส่วน
ปานชนกกับครูซอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขและหมั่นมาเยี่ยมเยือนพ่อแม่บุญธรรมของตนเสมอ หรือบางทีพวกเขาก็จะลงใต้มาเยี่ยมหลานตัวน้อยเสียเอง
ความรักความเข้าใจและการให้อภัยทำให้ชีวิตของพวกเขามีความสุข การดำรงชีวิตด้วยความพอเพียงเรียนรู้คุณค่าของสิ่งรอบกายและใช้มันอย่างคุ้มค่า ดำรงชีวิตอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีงาม ก็ย่อมนำพามาซึ่งความสุขสงบในชีวิตอย่างแท้จริง...
